“นายกฯตู่-ผู้ว่าฯชัชชาติ” ถกชื่นมื่น กลางทำเนียบฯ ผลัดกันอวยรู้จักกันมานาน พร้อมจับมือร่วมทำงานไร้ปัญหา ผู้ว่าฯ กทม.ยกผู้นำเป็นผู้ใหญ่มีเมตตา มองแต่อนาคต โชว์ฟิตแก้จนคนกรุง เล็งขอจัดถนนคนเดินกระตุ้นเศรษฐกิจ “สุชาติ” โวยญัตติซักฟอกเถื่อน ตุกติกเพิ่มชื่อ รมต.เป้าเชือด โยนถาม “เสรีพิศุทธ์” ตอนเซ็นชื่อมี รมต.กี่คนแน่ “ชลน่าน” โต้นิ่มๆเปิดช่องไว้แต่แรกถ้าข้อมูลปึ้ก ส่อทุจริตเพิ่มชื่อได้ “สุทิน” สวนยังไม่บรรจุวาระเพิ่มลดได้ตลอด จี้ใจดำ รมว.แรงงานของขึ้นฉุนถูกเพิ่มชื่อเป็นคนที่ 11 “สุกิจ” ยันถึงมือประธานสภาฯแล้วห้ามเปลี่ยน แต่ก่อนนั้นว่ากันไปไม่รับรู้ ป.ป.ช.ประสานอัยการกับตำรวจไล่ล่าจับ “โกทร” เซ่นรุกป่าเขาใหญ่ ก้าวไกลขยี้ต่อมสำนึก “ประยุทธ์” อย่านิ่งดูดายปมจริยธรรม “กนกวรรณ”

หลังจากกระแสสังคมจับตามองเปรียบเทียบการทำงานระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายก รัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ล่าสุด นายกฯ และนายชัชชาติได้พบหารือร่วมกันเป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการ บรรยากาศเป็นไปด้วยดี

“ชัชชาติ–ปรเมศวร์” พบนายกฯชื่นมื่น

เมื่อเวลา 08.35 น. วันที่ 17 มิ.ย. ที่ห้องสีเหลือง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นำนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. และนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ภายหลังรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เข้าร่วม โดยใช้เวลาหารือ 20 นาที บรรยากาศเป็นไปอย่าง เป็นกันเอง ทั้งนายกฯ นายชัชชาติและ พล.อ.อนุพงษ์ ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน และนายกฯ ได้มอบเหรียญ ที่ระลึกสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบรอบ 200 ปี ของกรมธนารักษ์ พิมพ์ด้านหน้าเป็นพระบรมฉายา ลักษณ์รัชกาลที่ 1 และรัชกาลที่ 9 ด้านหลังเป็นตราสัญลักษณ์ราชวงศ์จักรีและสมุดบันทึก พร้อมถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน สำหรับนายชัชชาติถือว่าเป็นการ กลับเข้ามายังทำเนียบฯ อีกครั้งในรอบ 8 ปี

...

“บิ๊กตู่” ต้อนรับร่วมวง ศบค.ครั้งแรก

จากนั้นเวลา 09.30 น. นายกฯ เชิญทุกคนเข้าห้องประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การ แพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ครั้งที่ 9/2565 ซึ่งเป็นการร่วมประชุมครั้งแรกของนายชัชชาติและนายปรเมศวร์ โดยนายกฯ กล่าวต้อนรับนายชัชชาติและนายปรเมศวร์ ทั้ง 2 คน ได้ลุกขึ้นสวัสดีทุกคนในห้อง นายกฯยังนำปรบมือ ต้อนรับอย่างเป็นทางการแล้วกล่าวว่า เนื่องจากมีนายก เมืองพัทยาและผู้ว่าฯ กทม. เข้าร่วมประชุมเป็นการทำงานร่วมกันของคนต่างวัย

ยันร่วมทำงานไม่มีปัญหาทั้งสิ้น

ต่อมา เวลา 11.25 น. ภายหลังการประชุม ศบค. พล.อ.ประยุทธ์ เชิญนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายชัชชาติและนายปรเมศวร์ ร่วมแถลงข่าวท่ามกลางสื่อมวลชนที่ให้ความสนใจจำนวนมาก ทันทีที่ถึงโพเดียมนายกฯ ได้หันไปบอกนายชัชชาติว่า เห็นไหมวันนี้สื่อมวลชนเยอะเป็นพิเศษ นายชัชชาติจึงกล่าวตอบว่า ครับเพราะเป็นเรื่องสำคัญ จากนั้น นายกฯแถลงว่า ถือเป็นโอกาสอันดีที่ได้พบปะกับนายก เมืองพัทยา และผู้ว่าฯ กทม.ได้พูดคุยกันแล้วว่าเราจะร่วมมือกันทำงาน ที่เราต้องรับผิดชอบร่วมกัน ด้วยความร่วมมือกันอย่างครบถ้วนในทุกเรื่อง พูดคุย กับท่าน เพราะรู้จักท่านดีอยู่แล้ว วันนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่ได้แนะนำทั้ง 2 ท่านให้ที่ประชุม ศบค.ด้วย คุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้นในการทำงาน ช่วยกันทำทุกอย่างให้ประชาชนทั้งประเทศ ที่เชิญมาพิเศษคือ นายกเมืองพัทยา เพราะเป็นสถานที่ ท่องเที่ยว ส่วน กทม. เป็นปกติที่มาร่วมประชุมกัน อยู่แล้ว ช่วงเลือกตั้งส่งปลัด กทม.รักษาการมาแทน เข้าใจกันทั้งหมดแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น วันนี้ เราต้องเดินหน้าประเทศไปด้วยกัน

ผู้ว่าฯ กทม.อวยร่วมมือเต็มที่

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้เชิญนายชัชชาติ ให้สัมภาษณ์ โดยนายชัชชาติกล่าวว่า วันนี้เป็นผู้เข้า ร่วมประชุมพร้อมดำเนินการร่วมกับรัฐบาลเต็มที่ เพราะว่าเราต้องทำงานร่วมกันอยู่แล้ว มติ ศบค.ผ่อนคลายขึ้น คิดว่าเป็นนิมิตหมายดีที่สถานการณ์โควิดจะคลี่คลายลง และเราพร้อมจะดำเนินงานทุกอย่าง กับรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนรายละเอียดให้ ศบค.เป็นผู้ชี้แจง ด้านนายปรเมศวร์กล่าวว่า กราบขอบพระคุณนายกฯ ที่เชิญเมืองพัทยามาร่วมประชุม ศบค.ชุดใหญ่ และรับทราบถึงการพยายามแก้ปัญหาต่างๆเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ชีวิตได้อย่างถูกต้องดีที่สุด เมือง พัทยา ต้องการจะส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยผ่อนคลาย มาตรการต่างๆ

“ลุงตู่” เป็นไกด์พาชมทำเนียบฯ

หลังแถลงข่าวนายกฯได้กล่าวขอบคุณทั้ง 2 คนพร้อมระบุว่า รายละเอียดปลีกย่อยฝ่ายประชาสัมพันธ์จะเป็นผู้ชี้แจงสื่อมวลชน เมื่อถามถึงการทำงานร่วมกัน นายกฯโบกมือปฏิเสธที่จะตอบคำถามก่อนเชิญนายชัชชาติและนายปรเมศวร์ขึ้นไปเยี่ยมชมตึกไทยคู่ฟ้า ตึกภักดีบดินทร์และบริเวณโดยรอบ โดยเฉพาะตึกภักดีบดินทร์ที่เพิ่งสร้างสมัย พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ โดยพาชมอย่างอารมณ์ดีระบุว่าวันนี้ทำหน้าที่ เป็นไกด์นำเที่ยว เราก็พี่น้องกันทั้งนั้น ยังเคยเจอกันหลายงาน เช่น ตอนน้ำท่วมก็เคยเจอ ไปช่วยกันแก้ปัญหา ขณะที่นายชัชชาติตอบรับว่า “ขอบคุณครับ ทำงานเพื่ออนาคตครับท่าน” จากนั้นนายกฯพร้อมนายอนุทิน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชัชชาติและนายปรเมศวร์ ได้ถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึกหน้าตึกไทยคู่ฟ้า นายกฯได้จับมือกับนายชัชชาติและนายปรเมศวร์ระหว่างถ่ายภาพด้วย ขณะที่นายชัชชาติยังได้เข้าไปพูดคุยและทักทายข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาล โดยบอกว่า “ดีใจได้มาเจอคนเก่าๆที่คุ้นเคย 8 ปีเปลี่ยนไปเยอะ” พร้อมถ่ายภาพด้วย

“ชัชชาติ” ยอผู้นำเป็นผู้ใหญ่มีเมตตา

ต่อมานายชัชชาติให้สัมภาษณ์ว่า นายกฯได้ แสดงความยินดีกับตนและนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ โดยขอให้ร่วมมือกันทำงาน ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ และตนเคยเจอนายกฯเมื่อนานมาแล้ว เห็นว่าเป็นผู้ใหญ่ที่มีความเมตตา ท่านขอให้เน้นการทำงานและประสานงานร่วมกัน โดย กทม.ต้องร่วมงานกับรัฐบาลอยู่แล้ว เพราะอยู่ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย เมื่อถามว่านายกฯฝากเรื่องงานอะไรใน กทม.เป็นพิเศษหรือไม่ นายชัชชาติกล่าวว่า ให้ช่วยกันทำงาน คิดว่าเป็น สิ่งที่ดี กทม.อยู่ภายใต้ ศบค.อยู่แล้ว เมื่อถามว่าได้เคลียร์ใจกับ พล.อ.ประยุทธ์ที่เคยเชิญไปพูดคุยสมัย คสช.เมื่อ 8 ปีที่แล้วหรือไม่ นายชัชชาติหัวเราะ พร้อมกล่าวว่า “ไม่มีๆ ผมไม่ได้คิด ตอนนี้ถือว่าต้องมองไปอนาคต ทำงานร่วมกัน หน้าที่เราทำงาน เพื่อประโยชน์ของประชาชนให้ดีที่สุด ถ้าร่วมมือกันทำงานด้วยดี สุดท้ายประโยชน์ตกอยู่ที่ประชาชน”

ขอจัดถนนคนเดินกระตุ้น ศก.

เมื่อถามว่านายกฯกับผู้ว่าฯ กทม.จะลงพื้นที่ร่วมกันหรือไม่ นายชัชชาติตอบว่า แน่นอน นายกฯได้แจ้งสาเหตุที่ไม่ได้ไปร่วมงานที่ท่าเรือสาทร เพราะไม่ได้รับแจ้งจริงๆ ในอนาคตหากต้องการให้ไปร่วมงาน ตนพร้อมจะไปพบและต้อนรับนายกฯ เพื่อพูดคุยถือโอกาสนำปัญหาต่างๆไปแจ้งให้ทราบ เป็นเรื่องดีที่จะได้ลงพื้นที่ร่วมกัน จะได้เห็นปัญหาและเข้าใจประชาชนมากขึ้น ทั้งนี้ ได้พูดคุยกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯและ รมว. พลังงาน ถึงความกังวลเรื่องเศรษฐกิจและการกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้แจ้งว่า กทม.อยากจัดงานถนนคนเดินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยนายสุพัฒนพงษ์บอกว่าสนใจเรื่องนี้เช่นกัน และให้เอารายละเอียดโครงการมาพูดคุย เพื่อดูว่ารัฐบาลจะสนับสนุนเรื่องไหนได้บ้าง ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี

“สุพัฒนพงษ์” ดีใจรอดเวทีเชือด

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน กล่าวอย่างอารมณ์ดีถึงกรณีที่ไม่มีรายชื่อติดโผรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านว่า “ใช่ ก็อย่าให้โดน เขาคงอยากให้มีเวลาทำงาน” เมื่อถามว่าตั้งข้อสังเกตหรือไม่ว่าทำไมถึงไม่โดน นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ก็ไม่รู้เหมือนกัน เขาคงให้เวลาเราไปทำงานมั้ง

“จุติ” บอกพระเจ้ากำหนดไว้แล้ว

นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า ที่มีชื่อถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นคนสุดท้ายต้องไปถามฝ่ายค้าน เมื่ออยากตรวจสอบ พร้อมให้ตรวจสอบ ไม่คิดว่าเป็นเกมการเมือง เราเคารพซึ่งกันและกัน และไม่ได้เก็งข้อสอบ ถามอะไรมาทุกอย่างน่าจะตอบได้ เพราะทำงานมากับมืออย่างยาวนาน แต่อาจเพราะเราสื่อสารไม่ดีพอ เขาจึงไม่เห็นสิ่งที่เราทำ ถ้าบอกว่าตนล้มเหลวต้องชี้แจงว่าไม่ได้ล้มเหลว และต้องยืนยันแทนข้าราชการทั้งหมดว่าไม่มีการทุจริตแน่นอน เมื่อถามว่ากังวลเรื่องเสียงในสภาฯหรือไม่ นายจุติได้เอานิ้วชี้ขึ้นฟ้าพร้อมกล่าวว่า “ทุกอย่างพระเจ้ากำหนดไว้แล้ว”

“อนุทิน” ชี้ รบ.ไม่แตกแถวผ่านฉลุย

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว. สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ในฐานะรัฐมนตรีเราทำอะไรมาเยอะ ยิ่งดีใหญ่มีคนมาตรวจสอบ มีโอกาสชี้แจงเหตุผล ไม่ต้องมีอะไรน่ากังวล ไม่ได้ทำอะไรผิด ข้อกล่าวหาตนที่ไปใช้เงินทองดึง ส.ส.พรรคอื่นมาเข้าพรรค ภท.ไปเอาเงินทองที่ไหน แล้วทำไมต้องทำก็แค่นี้เอง ส.ส.ที่ถูกขับออกจากพรรคเดิมไปสังกัดพรรคอื่นตามสิทธิรัฐธรรมนูญ ไม่มีใครกล้าลาออกจากตำแหน่งมาสมัครสมาชิก ภท. ส่วนนายกฯไม่เห็นว่าท่านจะมีปัญหาสักรอบ ชี้แจงได้ทุกเรื่อง เราต้องอยู่ในกติกา ถ้าอธิบายได้มีเหตุผล ไม่ทำความลำบากใจให้ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล เอาแต่ตรงนี้พอ อย่าเพิ่งนึกถึงฝ่ายค้าน ขอให้ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลอยู่ในแถวก็ผ่านอยู่แล้ว แต่ถ้าชี้แจงไม่ได้โดยเฉพาะข้อกล่าวหาเรื่องทุจริตก็ตัวใครตัวมัน สำหรับตนไม่ต้องไปพึ่งใคร พึ่งตนเอง มีหลักฐานชี้แจงสภาฯและประชาชนให้ได้ก็เท่านั้น ส่วนกิจกรรม “ครอบครัวเพื่อไทยไปศรีสะเกษไล่หนูตีงูเห่า” วันที่ 18 มิ.ย. แต่ละจังหวัดไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง ผู้แทนต้องมีวิธีและกลยุทธ์เป็นของตัวเองทำให้ประชาชนเลือก ภท.ก็มีกลยุทธ์ในแบบของตัวเอง สุดท้ายอยู่ที่การตัดสินใจของประชาชน

“ศักดิ์สยาม” ไม่หวั่นตอบได้ทุกเรื่อง

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เลขาธิการพรรค ภท.กล่าวว่า ไม่มีอะไร รอฟังฝ่ายค้านอยู่ ที่ผ่านมาการปฏิบัติหน้าที่ยึดตามข้อระเบียบกฎหมายและมติ ครม.มาตลอด การเตรียมข้อมูลเป็นปกติอยู่แล้ว พร้อมทุกเรื่อง เมื่อถามว่าคาดการณ์หรือไม่ว่าจะถูกอภิปรายเรื่องใดบ้าง นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ไม่ได้คาดอะไรทั้งสิ้น เพราะดูข้อกล่าวหายังนึกไม่ได้ จึงต้องรอฟังดูก่อน เมื่อถามว่าเชื่อมั่นในเสียงโหวตที่จะสนับสนุนหรือไม่ นายศักดิ์สยามตอบว่า ความเห็นของ ส.ส.เป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละท่าน ขอให้รอฟังดีกว่า

“สุชาติ” โวยซักฟอกเถื่อนเพิ่มชื่อ รมต.

เมื่อเวลา 12.00 น. ที่รัฐสภา นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี ผอ.พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะ รมว.แรงงาน แถลงว่าได้ทำหนังสือยื่นต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯให้ตรวจสอบญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 โดยเชื่อว่าเป็นญัตติเถื่อน เพราะช่วงเช้าวันที่ 15 มิ.ย.ในญัตติยังไม่มีการแก้ไขรายชื่อผู้ถูกอภิปรายเพิ่มเติม ต่อมาช่วงเที่ยงนายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ยังแถลงว่ายื่นอภิปรายรัฐมนตรี 10 คน แต่บ่ายวันเดียวกันที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทยในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน นำตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นญัตติต่อประธานสภาฯ ปรากฏว่ามีผู้อภิปรายเพิ่มขึ้นจาก 10 คนมาเป็น 11 คน ถามว่า ส.ส.ฝ่ายค้านที่ลงชื่อในญัตติตามมาเซ็นญัตติทันหรือไม่ รับรู้หรือไม่ว่าได้เพิ่มผู้ถูกอภิปรายจาก 10 คนเป็น 11 คน เชื่อว่า นพ.ชลน่านเป็นลูกผู้ชายรู้ว่าทำผิดรัฐธรรมนูญหรือผิดกฎหมายหรือไม่ที่สลับร่างญัตติ ส.ส.กว่า 180 คน
ไม่ได้เซ็นญัตติใหม่ ไม่ได้ติดใจว่าจะยื่นกี่คนและจะยื่นตนหรือไม่ แต่สภาฯต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ถ้ารู้แก่ใจให้เอาร่างกลับไปเซ็นใหม่ให้ถูกต้องตามกฎหมาย

ให้ถาม “เสรีพิศุทธ์” ตอนเซ็นมี รมต.กี่คน

“ร่างเดิมมี 10 คนเพื่อนผมในฝ่ายค้านหลายคนรับไม่ได้ เขาเป็นสมาชิกฝ่ายนิติบัญญัติ เขารู้สึกว่าผู้มีอิทธิพลคนเดียวแก้ญัตติเพิ่มเติมให้สภาฯเสื่อมเสียไม่ได้จึงมาบอก ตอนเซ็นเพื่อนผมก็เซ็น 10 คน แต่ ช่วงบ่ายเปลี่ยนเอกสารแผ่นหลังในส่วนของรายชื่อ ถ้าท่านเป็นลูกผู้ชายไม่ให้สภาฯเสื่อมเสีย ให้เอากลับไปเซ็นใหม่ให้ถูกต้อง ต้องการแค่ความถูกต้อง ขอถาม นพ.ชลน่านว่าท่านกล้าจุดธูปสาบานหรือไม่ว่าตอนเซ็นชื่อมีชื่อรัฐมนตรีถูกอภิปราย 10 หรือ 11 คน ผมไม่มีอะไรกับ นพ.ชลน่าน ชื่นชมด้วยซ้ำว่าเป็นคนมีความรู้ ความสามารถ แต่โดนอะไรครอบงำไม่รู้ โกหกคนอื่นได้แต่โกหกตัวเองไม่ได้ จึงขอให้ทบทวนบทบาทตัวเอง” นายสุชาติกล่าวและว่า พล.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยทราบดี ไปถามท่านก็ได้ว่าตอนเซ็นชื่อในญัตติมีรัฐมนตรีถูกอภิปรายกี่คน ท่านเป็นคนตรงอยู่แล้ว เชื่อว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์จะพูดความจริง จะไปถึงศาลหรือไม่ต้องดูอีกครั้ง ขอดูประธานสภาฯก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไร” นายสุชาติกล่าว

“ชลน่าน” โต้ข้อมูลแน่นเปิดช่องเพิ่มชื่อ

ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ท้าสาบานระบุญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นญัตติเถื่อน เพิ่มรายชื่อรัฐมนตรีจาก 10 คน เป็น 11 คน ว่า เราจะไปรับคำท้าเขาทำไม เราเปิดไพ่ก่อนเสนอญัตติว่าหากมีประเด็นอะไรพร้อมเพิ่มแถลงไปแล้วตั้งแต่แรก จริงๆชื่อนายสุชาติเข้ามาตั้งแต่แรกแล้ว คำถามคือประเด็นที่จะอภิปรายอยู่ระดับใด ผู้อภิปรายก็อุบข้อมูล เมื่อข้อมูลบางต้องเข้าสู่การพิจารณาก่อน ถัดมาอีกวันเขาให้ข้อมูลใหม่ว่าข้อมูลแน่น ประเด็นที่เขาตั้งคือการส่อทุจริตชัดเจน เมื่อยืนยันเช่นนั้นต้องให้เกียรติผู้ยื่น เราทำงานร่วมกันในฐานะฝ่ายค้าน ที่ช้าเพราะต้องปรึกษาหารือกันกับทุกฝ่ายว่าเมื่อมีข้อมูลเช่นนี้ พรรคฝ่ายค้านแต่ละพรรคเห็นอย่างไร เป็นกระบวนการที่วางไว้อยู่แล้ว

ทุกอย่างเป็นตามกระบวนการ

เมื่อถามว่านายสุชาติอ้างว่าให้ ส.ส.เซ็นญัตติก่อนทั้งที่ไม่มีรายชื่อรัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย นพ.ชลน่านกล่าวว่า เมื่อเราเขียนญัตติเสร็จวันที่ 14 มิ.ย. รายชื่อนายสุชาติยังไม่ได้เข้าไป บางพรรคเซ็นเข้าชื่อวันที่ 14 มิ.ย. และวันที่ 15 มิ.ย.มีการเก็บตกลายเซ็น ส.ส.ที่ต้องเข้าชื่ออีกครั้ง ช่วงเวลา 11.00 น. ยังมีการแก้ไขญัตติอยู่ ก่อนจะยื่นญัตติต่อประธานสภาฯเวลา 13.00 น. “ผมไม่ได้เล่นเกมการเมือง สร้างสถานการณ์หรือวาทกรรม เราอยู่ในกระบวนการที่ประกาศไว้ตั้งแต่แรก รายชื่อรัฐมนตรีทุกคนหากมีประเด็นเพิ่มเติมก่อนยื่นญัตติอาจเพิ่มได้ เราต้องทำในนามพรรคร่วมฝ่ายค้าน ไม่สามารถทำได้เพียงพรรคเดียว แม้ว่า พท.จะเป็นพรรคใหญ่ก็ตาม”

“สุทิน” โต้ยังไม่บรรจุวาระไม่เถื่อน

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงข้อกล่าวหาญัตติซักฟอกเถื่อนว่า ไม่จริงหรอก ส.ส.เซ็นชื่อกันทุกคนรับรู้รับทราบตามนี้ เมื่อถามว่าตามขั้นตอนที่ถูกต้องในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากยังไม่บรรจุวาระสามารถเปลี่ยนแปลง เพิ่มรายชื่อรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายได้อีกหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่าได้อยู่แล้ว หากยังไม่บรรจุทำได้ตลอด เราคิดว่าไม่ใช่ญัตติเถื่อนตามที่นายสุชาติบอก เพราะว่ายังไม่ได้บรรจุ เมื่อถามว่าเหตุใดนายสุชาติ ถึงออกมาแถลงข่าวท้าทายด้วยถ้อยคำรุนแรง หรือเป็นเพราะว่านายสุชาติไม่พอใจเพราะตัวเองคือรัฐมนตรีคนที่ 11 ที่ถูกฝ่ายค้านเพิ่มรายชื่อในศึกซักฟอก นายสุทินตอบว่า นายสุชาติคงอาจจะเข้าใจอย่างนั้น เมื่อถามย้ำว่าสรุปว่านายสุชาติอยู่ใน 10 ชื่อเดิมที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ นายสุทินตอบว่า ก็เพิ่มมานั่นแหละ แต่ว่าอยู่ในห้วงเวลาที่เพิ่มได้ เรื่องนี้ผู้นำฝ่ายค้านคงมีการชี้แจงต่อนายสุชาติต่อไป

“เสรีพิศุทธ์” ไม่รู้ไม่ชี้ถูกอ้างชื่อ

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ให้สัมภาษณ์กรณีนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน อ้างชื่อว่าเรื่องนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์รู้ดีว่าไม่รู้เรื่องนี้ต้องไปถาม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯได้เซ็นในบัญชีที่ส่งมาให้เท่านั้น ส่วนรายชื่อรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายมีกี่คนไม่ทราบ ต้องถามนายวิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ที่ไปประชุมร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน

“สุกิจ” ยันถึงมือ ปธ.สภาฯถึงห้ามเปลี่ยน

นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาฯให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องของนายสุชาติเพิ่งมาถึงเราตอนบ่าย ฝ่ายกฎหมายยังไม่ได้ศึกษาหรือพิจารณาเลย เมื่อถามว่าระเบียบหรือหลักปฏิบัติเป็นอย่างไร ประธานวิปฝ่ายค้านระบุหากยังไม่บรรจุญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นทางการ สามารถปรับเพิ่มรายชื่อรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ตลอด นพ.สุกิจกล่าวว่า วันที่รับญัตติมาถือเป็นวันสำคัญ ส่วนความเป็นมาอย่างอื่น เราไม่สน เราไม่รู้ เมื่อมีผู้ร้องเรียนให้ตรวจสอบ เราตรวจสอบว่าญัตติถูกต้องไหมแค่นั้น ถ้าร้องมาไม่เพิกเฉยเอาคำร้องเรียนมาตรวจสอบ ตอนนี้ยังตัดสินไม่ได้ กำลังศึกษาข้อร้องเรียน เขาร้องเรียนกันไป แต่สภาฯไม่เกี่ยว สิ่งสำคัญคือเรารับมาอย่างไรและมาเปลี่ยนที่เราไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าเปลี่ยนก่อนหน้านั้นแล้วไป แต่พอถึงเราแล้วเปลี่ยนไม่ได้ ขอชี้แจงไว้เท่านี้แล้วกัน

ป.ป.ช.ประสานอัยการ–ตร.จับ “สุนทร”

อีกเรื่อง นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า หลังจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ออกหมายจับนายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี ในความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานออกโฉนดรุกที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี จากนี้ ป.ป.ช.จะไปประสานงานกับตำรวจและอัยการ เพื่อตามจับกุมตัวนายสุนทรไปส่งให้ศาลอาญาคดีทุจริตภาค 2 ตามหมายจับของศาล เพราะตอนนี้เท่ากับคดียังไม่หมดอายุความ ตามมาตรา 7 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ปี 2561 ที่ระบุหากผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีไประหว่างถูกดำเนินคดี หรือระหว่างการพิจารณาของศาล มิให้นับระยะเวลาที่หลบหนีรวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ จะพยายามเต็มที่ตามจับนายสุนทรมาให้ได้

กก.จี้ผู้นำอย่าดูดายจริยธรรม “ครูโอ๊ะ”

นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงว่า ประเด็นการถือครองที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี ที่มีข้อเปรียบเทียบระหว่างชาวบ้านธรรมดาที่มักจะโดนข้อหาบุกรุกและถูกจับกุม แต่นางกนกวรรณ วิลาวัลย์รมช.ศึกษาธิการ และนายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรีที่โดนข้อหาบุกรุก แต่กลับไม่ถูกจับกุม จึงต้องมากระตุ้นเตือนจิตสำนึกและคุณธรรมจริยธรรมของนางกนกวรรณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้นำสูงสุดที่นิ่งดูดายปล่อยปละละเลย นางกนกวรรณอยู่ในกระทรวงที่ต้องสร้างคน สร้างอนาคตของชาติ เป็นอาจารย์พิเศษของมหาวิทยาลัยรามคำแหง จึงขอเรียกร้องให้ ม.รามคำแหง หยุดเชิญนางกนกวรรณไปเป็นอาจารย์พิเศษ และต้องดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา นางกนกวรรณมีความมัวหมองพอสมควรเกี่ยวข้องกับจริยธรรมและคุณธรรมของนักการเมือง จึงอยากขอให้พิจารณาตัวเองด้วย

กมธ.ชำแหละงบเกษตรฯ 1.26 แสน ล.

ที่รัฐสภา ทีมโฆษกคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 66 นำโดย นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ ส.ส.ระยอง พรรค ปชป.โฆษก กมธ.แถลงว่า กมธ.ใช้เวลาพิจารณางบฯปี 66 มาแล้วทั้งหมด 7 วัน รวม 65 ชั่วโมง 2 กระทรวง 6 หน่วยงาน 2 กองทุน คิดเป็นร้อยละ 7.4 ของหน่วยงานทั้งหมด ล่าสุดได้พิจารณางบฯของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จำนวน 126,067,052,900 บาท โดยสำนักงานปลัดกระทรวงฯ ได้รับ 1,085,703,400 บาท สํานักงานเศรษฐกิจการเกษตร 601,888,700บาท สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ 226,556,500 บาท กรมการข้าว 17,343,325,400 บาท กรมวิชาการเกษตร 3,068,502,800 บาท และกรมหม่อนไหม 525,782,700 บาท

“โจ้” จิก พณ.แก้ของแพงไม่ตก

นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย โฆษก กมธ. กล่าวว่าได้รับเรื่องร้องเรียนราคาสินค้าอุปโภคบริโภคแพง ปัญหาปุ๋ยแพง กิโลกรัมละ 1,500 บาท 1 ตันราคา 30,000 บาท เกษตรกรเดือดร้อน ต้นทุนการผลิตสูงจะมาอ้างน้ำมันแพงจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนไม่ได้ เพราะเป็นกันทั้งโลก ปัญหาเกิดขึ้นก่อนมีสงคราม ขณะที่ปัญหาหมูแพง ราคา 230 บาท/กิโลกรัม ส่งผลให้อาหารที่ผลิตจากหมูราคาสูงขึ้น ทุกวันนี้กินต้มเลือดหมูราคา 70 บาท บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจะขึ้นราคาเช่นกัน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ จะแก้ปัญหาอย่างไร ยังมีปัญหาขาดแคลนอาหารทางภาคอีสานจากน้ำท่วมใหญ่เมื่อปีที่ผ่านมานาข้าวเสียหาย ประกอบกับโควิดทำให้สูญเสียรายได้ นำร้านธงฟ้าไปช่วยไม่พอ ส่งออกมีปัญหาทั้งที่ค่าเงินบาทกำลังอ่อนตัว นายจุรินทร์มีมาตรการอย่างไร การพิจารณางบฯกระทรวงพาณิชย์ สัปดาห์ถัดไปจะซักถามให้หมด

หึ่งทิ้งทวนจัดงบฯซื้อชุด ตร.รัฐสภา

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ลงนามในประกาศประธานรัฐสภา ว่าด้วยเรื่องเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภา พ.ศ.2565 โดยจัดหาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ จนเกิดเสียงวิจารณ์ความเหมาะสมและความจำเป็นต่อการใช้งบฯช่วงประเทศเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจเงินเฟ้อหรือไม่ ทั้งที่ผู้บริหารระดับสูง สำนักรักษาความปลอดภัย ประชุมสอบถามความคิดเห็นเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติส่วนใหญ่เห็นว่าไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเพราะเครื่องแบบเดิมเหมาะสมสง่างามอยู่แล้ว ทั้งเครื่องแบบปัจจุบันเพิ่งเบิกใช้งานไปเพียงครึ่งปี แต่ยังมีประกาศดังกล่าวออกมา ทั้งนี้อาจเป็นไปได้ว่าอยู่ในช่วงใกล้ปลายปีงบฯปี 65 หรือไม่ จึงรีบหาโครงการเบิกใช้งบเพราะราคารวมตกชุดละประมาณ 5,000 บาท ปัจจุบันมีตำรวจรัฐสภากว่า 200 คน แจกคนละ 2 ชุด ใช้งบไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท

“อิสระ” ปัดถลุงงบฯ เตรียมไว้ใส่ปี 66

นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชป. ที่ปรึกษาคณะกรรมการยกร่างประกาศรัฐสภาว่าด้วยเครื่องแบบตำรวจรัฐสภา ชี้แจงว่าข้อเท็จจริงปี 63 รัฐสภาบรรจุตำรวจรัฐสภาสายวิชาการมาใหม่ 122 คน ไม่เคยเปิดรับมาก่อน ประธานรัฐสภาจึงดำริให้ตั้งคณะกรรมการศึกษาปรับปรุงระเบียบ เพื่อมีเครื่องแบบใส่ปฏิบัติงาน รูปแบบชุดจากกระบวนการรับฟังความเห็นของตำรวจรัฐสภา ทั้ง 2 สภาฯยึดตามมติเสียงส่วนใหญ่ของข้าราชการเอง ข้อวิจารณ์เรื่องถลุงงบฯเพราะเพิ่งตัดเครื่องแบบเก่าไปได้ไม่นาน ได้ให้ระบุไว้ในระเบียบแล้วว่าให้เริ่มใช้ในปี 66 ให้ใช้เครื่องแบบเก่าไปก่อนจนครบตามวงรอบ ไม่ใช่จ้องถลุงงบฯ

“เจี๊ยบ” จี้ “สมศักดิ์” สอบหมอเรือนจำ

ที่รัฐสภา นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงว่า ขอเรียกร้องให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เร่งตรวจสอบและชี้แจงเหตุการณ์ละเมิดในเรือนจำ เนื่องจากได้รับเรื่องร้องเรียนจากทนายความของ น.ส.ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ หรือใบปอ แกนนำกลุ่มทะลุวัง ผู้ต้องหาตามมาตรา 112 ที่ถูกจองจำในทัณฑสถานหญิงกลาง ถูกละเมิดโดยแพทย์ชาย ข่มขู่ เสียดสี คุกคามด้วยคำพูด ท่าทาง ตอนหนึ่งนายแพทย์คนดังกล่าวทำมือคล้ายรูปปืนแล้วจ่อไปที่คางแล้วพูดว่า “หากมีปืนก็คง...” และขู่ว่าจะจับแยกกับ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง แกนนำกลุ่มทะลุวัง ผู้ต้องหาคดีเดียวกัน ยังซักประวัติส่วนตัว น.ส.ณัฐนิช วิจารณ์สิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับสภาพร่างกาย นอกเหนือการรักษาไม่ให้คำแนะนำช่วยเหลือตามจรรยาบรรณแพทย์ ทำให้ทั้ง 2 คนปฏิเสธการรักษา ต้องเร่งรัดสอบสวนข้อเท็จจริง กอบกู้ความน่าเชื่อถือกระบวนการยุติธรรมไทย ขอให้แพทย์ผู้นั้นได้รับโทษจากแพทยสภา

ม็อบอาชีวะปิดถนนทวงราคาเบนซิน

เมื่อเวลา 12.30 น. ที่สวนสมเด็จย่า ห้าแยกลาดพร้าว กลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มโรนินฝั่งธน ไม่เอาเผด็จการ นำโดยนายธนเดช ศรีสงคราม หรือม่อน นัดแนวร่วมกลุ่มวัยรุ่นขับขี่รถจักรยานยนต์ (จยย.) รวมตัวไปทวงคำตอบกระทรวงพลังงาน ให้ปรับลดราคาน้ำมันเบนซินที่กลุ่มผู้ใช้ จยย. 4 กลุ่มเคยยื่นหนังสือถึงปลัดกระทรวงไว้เมื่อวันที่ 27 พ.ค. ทั้งนี้ นายธนเดชสวมชุดไทยมาชุมนุม อ้างว่าเพื่อให้ภาพลักษณ์ดูสุภาพเรียบร้อยไม่ใช้ความรุนแรง ยืนยันต้องการคุยกับ รมว.พลังงานเท่านั้น เพื่อขอให้ประกาศลดราคาในวันที่ 18 มิ.ย.ถ้าไม่รับข้อเรียกร้องจะชุมนุมจนกว่าจะได้คำตอบต่อมากลุ่มผู้ชุมนุมขับ จยย.ราว 50 คันมาที่หน้ากระทรวงพลังงาน ปิดซอยวิภาวดีรังสิต 11 นำกรวยจราจรปิดถนนคู่ขนานวิภาวดีรังสิตขาออก มี พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.2 เข้าเจรจานำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน (คฝ.) ตั้งแถวเป็นแนวควบคุมปิดถนนคู่ขนานหน้าปั๊ม ปตท.วิภาวดี ห่างจุดที่มีผู้ชุมนุม 200 เมตร ต่อมาเวลา 17.00 น. นายธนเดชและนายชินวัตร จันทร์กระจ่าง แกนนำกลุ่มนำขบวน จยย.ราว 80 คันไปหน้ากรมพัฒนาพลังงานทดแทน แยกกษัตริย์ศึก ถนนพระราม 1 นำถุงพลาสติกใส่เลือดวัวระดมขว้างปาเข้าไปในกรมและป้ายหน้ากรม สื่อถึงเลือดของประชาชนที่เดือดร้อน ก่อนปักหลักชุมนุมปิดถนนพระราม 1 บนสะพานกษัตริย์ศึกขาเข้า 2 ช่อง

สลายตัวเลี่ยงปะทะนัดอีกบุก ก.คลัง

กระทั่งเวลา 18.50 น. กำลังตำรวจ คฝ.พร้อมอาวุธครบมือตั้งแถวหน้ากระดานเคลื่อนเข้าหากลุ่มผู้ชุมนุมจากถนนผดุงกรุงเกษม มุ่งหน้าแยกกษัตริย์ศึก เตรียมกดดันให้กลุ่มชุมนุมบนสะพานกษัตริย์ศึกให้ยุติชุมนุม ปรากฏว่าผู้ชุมนุมไม่มีการใช้ความรุนแรงตอบโต้ใดๆ ก่อนที่นายธนเดชชิงประกาศยุติชุมนุม พร้อมทั้งนัดหมายอีกในครั้งหน้าพบกันที่กระทรวงการคลัง ส่วนจะเป็นวันไหนจะแจ้งอีกครั้งผ่านสื่อโซเชียล ส่วนมวลชนพากันโห่ฮาใส่ตำรวจอย่างสะใจแล้วแยกย้ายกลับ

จำคุก 2 มือปาระเบิดศาล 34 ปี 4 เดือน

ที่ศาลอาญา ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาคดีพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องนายมหาหิน ขุนทอง นายยุทธนา เย็นภิญโญ จำเลยที่ 1 กับ 2 กับพวกรวม 14 คน ถูกฟ้องฐานเป็นอั้งยี่ ร่วมกันก่อการร้าย ร่วมกันมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและข้อหาอื่นๆกรณีปาระเบิดหน้าศาลอาญาเหตุเกิดวันที่ 7 ม.ค.58 ที่บริเวณลานจอดรถศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลพิพากษา ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1, 2 ตลอดชีวิต คำให้การมีประโยชน์ลดโทษให้เหลือ จำคุกจำเลย 1, 2 คนละ 34 ปี 4 เดือน และยกฟ้องจำเลยที่ 3-14