ประเทศไทยเข้าสู่มหกรรมการเมืองอีกครั้ง เป็นครั้งสุดท้ายของสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบัน นั่นก็คือการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ คราวนี้โดนถึง10 รัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลที่สำคัญโดยถ้วนหน้า เริ่มด้วย “กลุ่ม 3 ป.” ผู้ยิ่งใหญ่ รัฐมนตรีจากพรรคพลังประชารัฐ 3 คน จากพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์ พรรคละ 2 คน

คราวนี้ผู้ยิ่งใหญ่ของกลุ่ม 3 ป. โดนอภิปรายโดยถ้วนหน้า ทิ้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีมหาดไทย นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน แถลงว่า จะตั้งข้อหาฉกรรจ์รัฐมนตรี อย่างน้อย 5 ข้อหา

ตัวอย่าง เช่น ล้มเหลวในการ บริหารราชการแผ่นดิน การทุจริตแสวงหาผลประโยชน์ เพื่อตนเองและพวกพ้องการประพฤติจริยธรรม การไม่ทำตามนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา ที่ไม่ได้ทำหรือทำแล้วล้มเหลว ส่วนนายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ประกาศว่า การอภิปรายรอบนี้จะเน้นไปที่การประหารหัวสุนัข

จะเปิดโปงให้สังคมรู้ว่า รัฐมนตรี ในรัฐบาลนี้ เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชันใช้เงินภาษีประชาชนแบบสะเปะสะปะ ขณะที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย มั่นใจในการอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ แต่เมื่อลงมติไม่มั่นใจ เพราะรัฐบาลคุมเสียงข้างมาก แถมยังอาจมีการแจกกล้วยด้วย

การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายก รัฐมนตรี หรือรัฐมนตรี เป็นมาตรการตรวจสอบและถ่วงดุล ที่รุนแรงที่สุด ถ้านายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรี มี ส.ส.ไม่ไว้วางใจเกินกว่ากึ่งหนึ่ง จะต้องพ้นตำแหน่ง ไม่มีสิทธิยุบสภา เพื่อขอเสียงประชาชนเป็นที่พึ่ง แต่โดยปกติฝ่ายค้านจะแพ้มติ เนื่องจากรัฐบาลคุมเสียงข้างมาก

มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ในระยะหลังๆ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ กลายเป็นเทศกาลหรือมหกรรมการเมือง เป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้ฝูงลิงอิ่มหมีพีมัน จากการบริโภคกล้วย หรือเป็นโอกาสที่บรรดา ส.ส.งูเห่า ที่ถูกเลี้ยงเอาไว้อย่างลับๆจะได้แสดงตัว ที่สำคัญที่สุด เป็นโอกาสของฝ่ายค้าน ที่จะวิพากษ์วิจารณ์นายก รัฐมนตรี โดยไม่ถูกฟ้องร้อง

...

ส่วนในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่คาดว่า จะมีในกลางเดือนกรกฎาคมนี้ ประธานวิปฝ่ายค้านเชื่อว่า อาจมี ส.ส.พรรคเพื่อไทยโหวตสวนมติฝ่ายค้านกว่า 7 คน การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งเป็นมาตรการอันน่าเลื่อมใส ในการตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาล ระวังจะกลายเป็นปัจจัยที่สร้างความเสื่อมเสียต่อระบบรัฐสภาและ ประชาธิปไตย.