คนรักเป็นพันๆ แต่คนเกลียดเป็นแสน มุกที่ตลกดังชอบอำกันฮากลิ้ง แต่สำหรับท่านผู้นำอย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม นาทีนี้น่าจะขำไม่ออก

ตามปรากฏการณ์ “ตลกร้าย” ที่เพจเฟซบุ๊ก “Prayut Chan–o–cha ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ดันเปิดให้คอมเมนต์รูปโปรไฟล์ของ “บิ๊กตู่” ที่เปลี่ยนใหม่ จากที่ปิดให้แสดงความคิดเห็นมาปีกว่า เพราะโดนด่าเรื่องโควิด

เท่านั้นแหละเป็นเรื่อง ประชาชนชาวเน็ตแห่คอมเมนต์ล้นทะลัก

“ทัวร์ลง” ขึ้นหลักพันหลักหมื่น เรียกแขกจนนับไม่ถ้วน อ่านข้อความด่ากันไม่ทัน

ตามฟอร์ม ส่วนใหญ่เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก ไล่ให้ยุบสภา อยากเลือกตั้งใหม่ เปลี่ยนรัฐบาลไวๆ ทนไม่ไหวกับฝีมือบริหารเศรษฐกิจ เพราะชาวบ้านกำลังลำบากปากท้อง ฯลฯ

ข้อมูลดิบของจริง ไม่ต้องทำโพลสำรวจเลย

และเหมือนจะย้ำผลทดสอบกันอีกรอบ จากคิวที่ พล.อ.ประยุทธ์ นำคณะหางเครื่องชุดใหญ่ทำพิธีเปิดท่าเรืออัจฉริยะ “ท่าช้าง–สาทร” โดยมีการไลฟ์สดผ่านเพจ “ไทยคู่ฟ้า”

...

นั่นก็ออกมาฟอร์มเดียวกัน ประชาชนชาวเน็ตแห่วิจารณ์กันอุ่นหนาฝาคั่ง

ส่วนน้อยให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี “ลุงตู่ สู้สู้” เทียบกันไม่ได้กับพวกที่รุมตำหนิ ติเตียน หมดเวลาสร้างภาพ สิ้นเปลืองภาษี ไล่ให้ผู้นำลาออก ยุบสภา เลือกตั้งใหม่ไวๆ

ตั้งใจให้ชม แต่กลับเรียกเสียงด่า

นั่นไม่เท่ากับการนำไปเทียบเคียงกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ ที่กระแสกำลังขึ้นหม้อ ทำอะไรก็ดูดีในสายตาประชาชน หักมุมสวนทางกับ พล.อ.ประยุทธ์ ทำอะไรก็ดูผิด ขัดหูขัดตาชาวบ้าน

ไลฟ์สดโชว์ “ลูกขยัน” ฟิตทำงานเหมือนกัน

แต่ผลตอบรับตรงกันข้าม “บิ๊กตู่” โดนถล่ม ก๊อปไม่เนียน แค่สินค้าลอกเลียนแบบมาตรฐาน “เสิ่นเจิ้น”

ถึงจะ “เขิน” อาย แต่ไม่อาจปฏิเสธความจริงได้

ลำพังแค่ปรากฏการณ์ในโลกโซเชียลมีเดียที่สะท้อนตรงจากแฟนเพจเฟซบุ๊กของท่านผู้นำ ก็น่าจะเพียงพอกับการวัดกระแสสังคม ณ ห้วงเวลานี้

ความนิยม “บิ๊กตู่” ขาลงแนวดิ่งแบบ 90 องศา ยั้งไม่หยุดฉุดไม่อยู่

กู้ศรัทธาคืนยากเต็มกลืน

แต่ในสภาพรุ่งริ่ง ผู้นำรัฐบาลทหารเฒ่า 3 ป. ต้องเผชิญกระแสพายุสังคมภายนอกที่เชี่ยวกราก โอนไปเอนมา เสียงโห่ไล่ดังกระหึ่มขึ้นทุกขณะ

นั่นก็ตรงกันข้ามกับสถานะในสภาของนายกรัฐมนตรี

ที่เพิ่งยกระดับความแน่นหนา ผ่านการการันตีจากรายการโหวตรับหลักการวาระแรก ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ผ่านฉลุย

278 ต่อ 194 ห่างกันถึง 84 คะแนน

เสียงฝ่ายรัฐบาลแน่นปึ้ก พรรคต่ำเอี่ยว 16 เสียงพรึบ แม้แต่ค่ายเศรษฐกิจไทยของ “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็เข้าแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่งโหวตให้ “บิ๊กตู่”

แถมยังไปแซะ “งูเห่า” จากพรรคเพื่อไทย 7 เสียง พรรคก้าวไกล 4 เสียง

รวม 11 หัว นับไปกลับเท่ากับ 22 แต้ม

โดยสมการตัวเลขนี้ถือได้ว่า “รับประกันความปลอดภัย” พล.อ.ประยุทธ์ผ่านพ้น “เส้นยาแดง” หนีสภาพของนายกฯที่คุมเสียงข้างมากในสภาไม่ได้

โอกาสลากเรือเหล็กปะผุไปได้ อย่าว่าแค่โชว์อินเตอร์บนเวทีประชุมเอเปกที่กรุงเทพฯในเดือนพฤศจิกายนปลายปีแต่พูดกันถึงการลากไปยุบสภาก่อนครบเทอมสภาในเดือนมีนาคมต้นปีหน้ายังได้

ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์ “โหวต” แลกผลประโยชน์

เรื่องของอุดมการณ์มาทีหลัง แบบที่เห็นกันชัดๆ ในคิวลาก พ.ร.บ.งบประมาณฯที่พรรคเศรษฐกิจไทยได้เก้าอี้กรรมาธิการฯไปถึง 3 ที่นั่ง พรรคเล็กยังได้โควตาไป 1 เก้าอี้

ในสภาพปกติ ด้วยเสียงที่มีอยู่ ยากจะต่อรองได้

นั่นแสดงว่า ตราบใดที่เกลี่ยกล้วยกันลงตัว รัฐบาลก็กุมเสียงมากกว่าฝ่ายค้านเกือบช่วงตัว

และด้วยสภาพฝ่ายรัฐบาลที่ได้เปรียบในการกุมแหล่งผลประโยชน์ โอกาสตุนกล้วยในโกดังมีมากกว่า นั่นย่อมหมายถึงโอกาสแต้มพลิกเป็นไปได้น้อยถึงน้อยมาก

รัฐบาลแบกกล้วย ลากสังขารไปได้ยาวๆ

อารมณ์แบบที่พรรคแกนหลักฝ่ายค้านยังต้องทำใจ ในมุมแบบที่นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประธานวิปฝ่ายค้าน และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยอมรับสภาพตรงๆ

คงไม่หวังพึ่งพรรคเศรษฐกิจไทย และพรรคเล็ก 16 เสียง

เพราะเห็นกันอยู่ว่า คะแนนสปริง เด้งไปเด้งมา เอาชัวร์ไม่ได้ แถมยังมีงูเห่าพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ที่พร้อมแสดงฤทธิ์เดชแลกกล้วยตลอดเวลา

ยุทธศาสตร์ “เสี้ยม” สู้พลังกล้วยไม่ได้

รังแต่จะเตะหมูเข้าปากหมา ฝ่ายค้านเดินหมากเข้าเหลี่ยมทีม “ผู้กองนัส” และขบวนการพรรคเล็ก 16 เสียง ไปยันงูเห่า ได้ต่อรองผลประโยชน์กันปากมัน

ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจยกต่อไป พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงต้องทำหน้าที่อย่างแหลมคม

ลุยโค่นกระดานอำนาจทหารเฒ่า 3 ป. ด้วยลำแข้งตัวเอง

และก็ต้องปรับเกมกันทันที ตามโพยล่าสุดที่พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนหลักฝ่ายค้าน เร่งเดินหน้ายุทธการ “เด็ดหัว สอยนั่งร้าน” ปล่อยชื่อเป้าหมายที่จะถูกลากขึ้นเขียงเชือดในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ร่อนตะแกรงเลือกกันเน้นๆ เฟ้นเฉพาะตัวเอ้ๆ

ไล่จาก “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าค่ายพลังประชารัฐ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย

ล็อกเป้าหมายหัว “ขุมอำนาจทหารเฒ่า 3 ป.”

ต่อด้วยทีมนั่งร้าน ค่ายพลังประชารัฐ ประกอบด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. “เสี่ยโอ๋” นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส “เสี่ยเฮ้ง” นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน

ไล่ตีระนาดไปถึงพรรคลำดับสองในรัฐบาล

ล็อกเป้า “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย “เสี่ยโอ๋” นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เลขาธิการค่ายเซราะกราว

สิ้นสุดที่พรรคลำดับสามในทีมหนุน พล.อ.ประยุทธ์

“อู๊ดด้า” นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ “เสี่ยต่อ” นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ เลขาธิการค่าย ปชป.

พ่วงแกนหลักพรรคพลังประชารัฐ ภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ รวมในเข่งเดียวกัน

โดยยุทธศาสตร์ก็ชัดเจนเลยว่า พรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ทีมก้าวไกล มุ่งเป้าถล่มแกนหลักพรรคร่วมรัฐบาล มัดเป็นพวงใหญ่

ให้เห็นภาพความล้มเหลวร่วมกันของทีมแห่อำนาจ 3 ป.

เพื่อผลสัมฤทธิ์ ลากกระแสไปสนามเลือกตั้งใหญ่

อย่างที่เห็นกันจะจะในศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ปรากฏการณ์ “ชัชชาติแลนด์สไลด์” ตรงกันข้ามกับพวก “แลนด์ไถล” ทั้งนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ จากค่ายประชาธิปัตย์ นายสกลธี ภัททิยกุล และ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครอิสระ ที่พะยี่ห้อกองหนุน “บิ๊กตู่”

พวกที่เกาะเกี่ยวกับทหารเฒ่า 3 ป. เจ๊งระเนระนาด

นั่นคือโอกาสทองที่พรรคฝ่ายค้าน ทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล รวมไปถึงพรรคใหม่ป้ายแดงที่กำลังมาแรงอย่างยี่ห้อ “สร้างอนาคตไทย” ของทีม ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ลงหลักปักฐาน เป็น “ทางเลือกสายกลาง” ในภารกิจกู้มหาวิกฤติเศรษฐกิจ ต่างก็มองเห็นจุดบอดของทีมรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์

ณ จุดที่ย้อนแย้งกันระหว่างเสียงในสภากับกระแสนอกสภา

พล.อ.ประยุทธ์ สามารถลากอำนาจต่อไปได้ยาวๆ จนครบเทอมที่เหลืออีก 10 เดือน จึงไม่จำเป็นอะไรที่ฝ่ายค้านจะเร่งเกมโค่นกระดานที่ป่วยการเปล่าๆ

สู้เอาเวลาที่เหลือ ไล่ทุบ ไล่นวด เอาให้อ่วมอรทัย

เปิดแผลแล่ทาเกลือในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ

เป็นจังหวะให้พรรคใหม่ “ตั้งไข่” โชว์กึ๋น ขายนโยบาย ให้ประชาชนเห็นลำหักลำโค่น กล้าฝากผี ฝากไข้

ในสภาพที่กระแสภายนอก ทีมทหารเฒ่าลากยังไง ก็ยากจะขึ้น

ยิ่งอยู่นาน สถานการณ์เงินเฟ้อ ราคาน้ำมันพุ่งทะลัก สินค้าพาเหรดขึ้นราคา ประชาชนลำบากเศรษฐกิจปากท้อง โดยที่รัฐบาล “บิ๊กตู่” ทำได้แค่มองตาปริบๆโบ้ยเป็นสถานการณ์ทั่วโลก

เสียงโห่ไล่ของประชาชนดังสวนทางกับเสียงแน่นๆในสภา

อย่างเก่ง “บิ๊กตู่” ก็น่าจะลากได้แค่สุดปลายทางรัฐบาลนี้

หลังเลือกตั้งรอบหน้า คงจะเป็นหนังคนละม้วน.

“ทีมการเมือง”