สัญญาณไปต่อ ยังยืนหยัด ชัดเจน

ไม่มีคำว่าถอย หยุด หรือพอแล้ว จากปาก “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม

กระแสข่าวยึดพรรคพลังประชารัฐ “บิ๊กตู่” เสียบตำแหน่งหัวหน้าแทนที่ “พี่ป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคนปัจจุบัน ถูก “บิ๊กตู่” บอกปัดนิ่มๆ

แถมย้อนถามสื่อ ได้แหล่งข่าวมาจากไหน ยังทำงานอยู่เหมือนเดิม ทุกอย่างกำลังเดินหน้าด้วยดี วันนี้คิดแต่ว่าทำอย่างไรจะประคับประคองรัฐบาลนี้ไปให้ครบวาระ

เรื่องของเรื่องหนีไม่พ้นทีมแห่ท่านผู้นำจำเป็นต้องเข็น “บิ๊กตู่” ไปต่อ

เพราะเหลียวซ้ายแลขวายังไม่เห็นใครมีบารมีเข้ามาแทนที่ หรือเกาะเกี่ยวพึ่งพาได้

มองโลกแง่ดีถ้าพลังประชารัฐเป็นปึกแผ่น กลมเกลียว ภาพการนำของ “บิ๊กตู่” ชัดเจน ทุกอย่างจะดีกว่านี้

เมื่อถอดบทเรียนความพ่ายแพ้สนามเลือกตั้ง กทม.ล่าสุด ถือว่าไม่น่าเกลียด ประชาชนที่สนับสนุนยังมีอยู่

ปัญหาคือพี่น้อง 2 ป. ขัดกันเอง เรื่อยไปจนถึงทีมงานคนใกล้ชิด ทุกอย่างเลยอลเวงสะเปะสะปะ เน้น “ประสานงา” มากกว่า “ประสานงาน”

ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. 2 คน ส.ก.แบ่งเป็น 2 ทีม ผลคือแพ้แบบไม่มีทรง มั่วจนเซ็ง ส.ก.พลังประชารัฐประกาศพลิกจุดยืนฉุกละหุก เปลี่ยนม้ากลางศึกจนแพ้ยับเยิน

ถึงเวลาต้องตั้งสติ เซตทีมกันใหม่ แบ่งงานให้ชัด ผลเลือกตั้งที่ “เดอะจั้ม” สกลธี ภัททิยกุล จากค่าย กปปส. ได้คะแนนมากกว่าพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีตผู้ว่าฯ กทม.นั้นน่าสนใจ

ต้องทบทวนว่าจะกลับไปใช้ทีมเดิม ที่มี “เดอะตั้น” นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีตรมว.ศึกษาธิการ กับ “เดอะจั้ม” เป็นหัวหอก มาดูแลพื้นที่ กทม. เพราะชัดเจนว่ายังขายได้ แถมไม่มีใครเป็นคู่เทียบได้เลย

...

ทีมนี้ถูก “บิ๊กตู่” เพิกเฉยมองข้าม ไม่ให้ความสำคัญหลังแกนนำถูกตัดสิทธิไป แต่ลืมนึกถึงมิติของความเป็นแกนนำ และเครือข่ายองคาพยพ วันนี้แว่วว่านายกฯต้องหันกลับไปใช้บริการแล้ว

มโนภาพ “บิ๊กตู่” เป็นหัวหน้าพรรค ตั้งกรรมการชุดใหม่ จัดสรรพื้นที่แบ่งโซนดูแลตามศักยภาพ ทำเหมือนเมื่อครั้งตอนพรรคตั้งใหม่ๆ นั่นคือคำตอบสุดท้าย เป็นทางรอดทางเดียว เพื่อกู้ซากพรรคที่กำลังตกต่ำเสื่อมศรัทธา

แต่นั่นเป็นมุมมองของทีมแห่ผู้นำ ไม่ใช่ทีมงานบ้านป่ารอยต่อ

ไม่ทันไร “ตัวจี๊ด” อย่างนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ฐานะรองหัวหน้าพรรค ออกมาเหยียบเบรกหัวทิ่ม ฉะข่าวบิดเบือน โคมลอย เจตนาปั่นป่วน ปลุกปั่น จะไปตามล่าตัวคนปล่อยข่าวทำให้เสียหาย

ขอให้เข้าใจไว้ พล.อ.ประวิตรจะดูแลเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐตลอดไป

ออกตัวแรงแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม บนสมมติฐาน “พี่น้อง 3 ป.” ขัดแย้งเป็นเส้นขนาน เดินคนละทางกันไปแล้ว

ถ้าเป็นอีกฝ่าย อะไรก็ไม่ดี อะไรก็ไม่ได้ ถือว่าผิดทั้งนั้น

ความคิดแบบนี้จากคนรอบข้าง “บิ๊กป้อม” คงไม่ต่างกัน

“บิ๊กตู่” ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคแล้ว “บิ๊กป้อม” จะอยู่ไหน หนีไม่พ้น “ขึ้นหิ้ง” ที่ปรึกษาชัวร์

หน้าที่การงานในรัฐบาลของ “บิ๊กป้อม” ชั่วโมงนี้ก็มีแต่คนนินทา เบอร์ใหญ่ขนาดนี้แต่งานจิ๊บจ๊อยหร็อมแหร็ม เป็นรองนายกฯ ดูห้วย
หนอง คลอง ที่ดิน

ในฐานะทีมงานคนใกล้ชิด “บิ๊กป้อม” แปลความหมายเป็นอื่นไม่ได้เลย นี่มันคือปฏิบัติการล้างบาง ริบอำนาจ “บิ๊กป้อม” ทั้งใน ครม.และในพรรค

เว้นเสียแต่ว่ามีดีลสำคัญเจรจาให้รับรู้กันภายใน

เช่นยกตำแหน่ง มท.1 ให้ “บิ๊กป้อม” พร้อมคืนโควตา 2 เก้าอี้ รมต.ที่ว่างอยู่ กลับมาให้ “ทีมลุงป้อม” บริหารจัดการ

ส่วนอำนาจจัดการในพรรคยังเป็นเบอร์ 1 หน้าที่เหมือนเลขาฯพรรค เนื่องเพราะบารมี คอนเนกชันเหนือใคร เพียงแค่หลบไปอยู่หลังฉาก

แบบนั้นน่าสนใจ รีโนเวตกันใหม่ทั้งพรรค ทั้ง ครม.

“บิ๊กป้อม” เป็น มท.1 โค้งสุดท้ายวางเกมเลือกตั้ง บัญชาการสนามรบ ชู “บิ๊กตู่” กลับเป็นนายกฯอีกรอบ

แต่เหนืออื่นใดทั้งการรีโนเวตพรรคพลังประชารัฐ เข็น พล.อ.ประยุทธ์กลับมาเป็นนายกฯ

เป็นเกมที่พูดง่ายแต่ทำยากเหลือเกิน.

ทีมข่าวการเมือง