ก่อนเดินทางมาเยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ 1 ถึง 2 พฤษภาคม นายฟุมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้ส่งสารถึงคนไทย โดยกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ที่มีมาอย่างยาวนานราว 600 ปี และประกาศเป้าหมายการเยือนประเทศไทยครั้งนี้ 2 ประการ ประการแรกคือสงครามรัสเซียบุกยูเครน

นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวว่า ญี่ปุ่นต้องการเสริมความเข้มแข็งในการประสานงานระหว่างญี่ปุ่นกับไทยซึ่งเป็นหุ้นส่วนสำคัญในภูมิภาคและระหว่างประเทศ ขณะที่ประชาคมโลกกำลังเผชิญสถานการณ์ที่สั่นคลอนต่อรากฐานความเป็นระเบียบในสังคมโลก การบุกโจมตียูเครนของรัสเซีย เป็นการทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศชัดเจน ยอมรับไม่ได้โดยเด็ดขาด

สารของนายกรัฐมนตรีคิชิดะระบุว่า การใช้กำลังเพียงฝ่ายเดียวเพื่อเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ ไม่อาจเป็นที่ยอมรับได้ และเชื่อมั่นว่าจะสามารถแบ่งปันแนวคิดนี้ร่วมกับประเทศไทย ที่สามารถรักษาเอกราชมาได้อย่างยาวนาน ญี่ปุ่นจะให้ความร่วมมือกับไทยในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ยูเครน และพูดถึงพม่าด้วย

เป้าหมายประการที่ 2 ของการเยือนไทย นายคิชิดะระบุว่า ได้แก่ การยกระดับความสัมพันธ์ญี่ปุ่น–ไทย แบบก้าวกระโดด และกล่าวถึงวัฒนธรรมญี่ปุ่น และอาหารญี่ปุ่น ที่แทรกซึมอยู่ในวิถีชีวิตประจำวันของคนไทย พูดอีกอย่างก็คือ พูดถึงการแลกเปลี่ยน “ซอฟต์เพาเวอร์” ระหว่างญี่ปุ่นกับไทย

สำหรับประเทศไทยและคนไทย ก็ถือว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่มีมายาวนาน มีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน ญี่ปุ่นมีส่วนสำคัญในการลงทุนในประเทศไทย และช่วยพัฒนาเศรษฐกิจไทยจากเกษตรกรรมเป็นประเทศอุตสาห กรรมใหม่ โดยประเทศไทยได้รับความช่วย เหลือจากญี่ปุ่น ทั้งด้านทุนและเทคโนโลยี

ในอดีตหลายร้อยปีที่ผ่านมา ไทยกับญี่ปุ่นมีระบอบการปกครองที่คล้ายกันคือระบอบศักดินา และระบอบเผด็จการทหารของรัฐบาลโชกุน ญี่ปุ่นเพิ่งจะเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นประชาธิปไตยเมื่อปี 2490 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ญี่ปุ่นเป็นผู้แพ้ และได้รับของขวัญจากผู้ชนะ คือสหรัฐอเมริกามอบระบอบประชาธิปไตยให้

...

ของขวัญดังกล่าวคือ “รัฐธรรมนูญ” ที่เป็นประชาธิปไตย ที่คนญี่ปุ่นใช้ปกครองประเทศและเป็นประชาธิปไตย โดยไม่มีใครฉีกทิ้ง ทั้งๆที่เป็นกฎหมายจากแนวคิดของต่างชาติ ต่างจากไทยที่เป็นประชาธิป ไตยจะครบ 90 ปี ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่ชอบฉีกรัฐธรรมนูญซ้ำซาก ขณะนี้ได้ฉบับที่ 20 แต่ยังไม่เป็นประชาธิปไตย.