ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้เข้าสู่เดือนพ.ค. ซึ่งกำหนดการทางการเมืองค่อนข้างจะเข้มข้นต่อเนื่อง

1. กฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง

2. งบประมาณประจำปี

3. ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ (อาจ จะดีเลย์) ไปก่อน

พรรคการเมืองทุกพรรคต่างก็ขยับตัวเตรียมพร้อมเพื่อเลือกตั้ง แม้ยังไม่มีสัญญาณอะไรออกมา แต่เผื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาได้

การเลือกตั้งทั่วไปครานี้มีพรรค การเมืองอยู่ 2 พรรคที่น่าสนใจติดตามไม่น้อย แม้จะเป็นพรรคใหม่ แต่บุคลากรล้วนผ่านงานมาอย่างโชกโชน

1. พรรคไทยสร้างไทยที่มีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นหัวหน้าพรรคและถูกเสนอให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

2. พรรคสร้างอนาคตไทยที่มีนายอุตตม สาวนายน เป็นหัวหน้าพรรคและเสนอนายสมคิด จาตุศรี พิทักษ์ เป็นนายกรัฐมนตรี

การที่ 2 พรรคเสนอตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯนั้น คงคาดหวังว่าจากพรรคขนาดกลางอาจขยับไปเป็นใหญ่ได้

ต่างประกาศจะส่งผู้สมัครเต็มที่

คุณหญิงสุดารัตน์นั้นแยกตัวออกมาจากพรรคเพื่อไทยหลุดพ้นจากร่มเงาของ “ทักษิณ ชินวัตร” พร้อมนำนักการเมืองออกมาชุดหนึ่ง

ฐานเสียงที่มุ่งหวังคือ กทม. และภาคอีสาน ใน กทม.นั้นเนื่องจากเคยคุมพื้นที่ในระดับ “เจ้าแม่” มาแล้ว

ที่อีสานจากการทำโพลมาหลายครั้งปรากฏว่าได้รับความนิยมไม่น้อยหากได้นักการเมืองจากพื้นที่เป็นผู้สมัคร

คงได้ ส.ส.เข้ามาไม่น้อย

สร้างอนาคตไทยนั้นมีฐานเสียงเก่าจากพลังประชารัฐ เพราะได้ริเริ่มสร้างพรรคขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ กทม.และภาคกลาง

ส.ส.เก่าที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันจะมาลงสมัครด้วย

มาครั้งนี้พยายามหานักการเมืองที่มีชื่อเสียงในภาคใต้และภาคอีสานมาขับเคลื่อนเพื่อขยายฐานให้กว้างขึ้น

...

2 พรรคนี้จึงมีโอกาสและมองข้ามไม่ได้เด็ดขาด

ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวว่ามีการพูดคุยกันเพื่อจะรวมเป็นพรรคเดียวกัน แต่ไม่สามารถตกลงกันได้จึงต้องไปสู้กันในสนาม

พรรคการเมืองใหญ่ไม่ว่าจะเป็นเพื่อไทยหรือพลังประชารัฐต่างก็จับจ้องมอง 2 พรรคนี้ตาไม่วาง

ไม่ใช่ภูมิใจไทยหรือประชาธิปัตย์เท่านั้น

เพราะวันนี้ได้กลายเป็นคู่แข่งที่มุ่งสู่เก้าอี้นายกฯไม่ต่างกันและดูเหมือนว่าจะมีความพร้อมไม่ว่าจะเป็น “บุคคล” หรือ “กระสุนดินดำ”

ขาดเพียงแค่ประสบการณ์ในสนามเลือกตั้งเท่านั้น

เพราะพรรคใหญ่และเก่าแก่ล้วนมี “ขาใหญ่” ที่กุมสภาพการเมืองมายาวนานทำให้มีความได้เปรียบสูง

แต่การเมืองในปัจจุบันหลายสิ่งหลายอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว ย่อมมีส่วนที่จะทำให้ผู้มีสิทธิลงคะแนนมีความตื่นตัวสูงขึ้น

พฤติกรรมการเลือกตั้งมีโอกาสที่จะเปลี่ยนไปได้

ก็ต้องลุ้นกันว่าจะทำให้การเมืองไทยพัฒนาไปแค่ไหน?

“ลิขิต จงสกุล”