เพื่อไทยเอาคืนถูกเทร่าง ก.ม. พรรคการเมือง จับใส่ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจถล่มรัฐบาลไม่จริงใจปฏิรูปการเมือง “สุทิน” เผยรอฤกษ์ยื่นซักฟอก ยันเปิดเวทีเชือดก่อน ส.ค.แน่นอน ชี้หลัง พ.ค.รัฐบาล “ลุงตู่” เสี่ยงสูงมีสิทธิล้มน็อกหลับกลางอากาศ นายกฯถูกรุมบีบรอบทิศ ทั้ง “บิ๊กป้อม-ก๊ก 21 กบฏ-พรรคร่วมฯ” ขี่คอต่อรอง “ยุทธพงศ์” เผาหัวซีรีส์เรือดำน้ำถล่มเครือข่าย “ประวิตร” แฉให้ครูสอนภาษาจีนชนะประมูลสร้างท่าจอดเรือดำน้ำแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ โยงบริษัทนายหน้าบริจาคเงินให้มูลนิธิป่ารอยต่อฯ-ซื้อโต๊ะจีน พปชร. “แรมโบ้” จวกขี้แพ้ชวนตีถูกจับได้สอดไส้คนแดนไกลชี้นำอย่ามาขู่สภาล่ม “นิกร” ย้ำคนคิดคว่ำกฎหมายลูกคิดได้ แต่ทำไม่ได้

พรรคเพื่อไทยเล็งนำกรณีที่ประชุมร่วมรัฐสภาตีตกร่าง พ.ร.บ.พรรคการเมืองของฝ่ายค้านทั้ง 3 ฉบับ เข้าไปเป็นประเด็นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ชี้สะท้อนความไม่จริงใจของรัฐบาลในการปฏิรูปการเมือง

พท.ใส่เท ก.ม.ฝ่ายค้านลงญัตติซักฟอก

...

เมื่อวันที่ 27 ก.พ.นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์กรณีที่ประชุมรัฐสภาตีตกร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองของพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้ง 3 ร่าง จะนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 หรือไม่ ว่า การที่เขาตีตกร่างกฎหมายลูกของฝ่ายค้านทำให้เห็นว่าไม่จริงใจในการปฏิรูปการเมือง ดูเหมือนจะทำให้การเมืองเดินไปสู่ทางตันดู เหมือนว่าจะวางกติกาทางการเมืองเองโดยไม่ฟังเสียงฝ่ายค้านเพื่อเอื้อประโยชน์ตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงการจะคลี่คลายปัญหาทางการเมืองให้ประเทศเดินได้ เหล่านี้คือข้อหาที่เราไม่ควรไว้วางใจรัฐบาลทั้งสิ้น จึงเป็นมูลเหตุหนึ่งที่จะนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถ้าปล่อยให้การเมืองเป็นไปตามที่รัฐบาลวางแผนไว้ เรารู้ล่วงหน้าว่าอนาคตประเทศจะเดินลำบากอีก สมควรหยิบยกเป็นเหตุในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

เล็งเวลาเหมาะๆ ล็อกเชือดก่อน ส.ค.

เมื่อถามว่าจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อใด ทันทีที่เปิดสมัยประชุมวันที่ 22 พ.ค.เลยหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ต้องดูเวลาเหมาะสม อาจเปิดมาแล้วดำเนินการเลยหรืออาจทอดเวลาหากมีเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่เป็นประโยชน์ของประชาชนในช่วงนั้น จะใช้สภาฯแก้ปัญหาให้ประชาชนก่อน ที่สุดแล้วต้องประเมินอีกครั้ง เมื่อถามว่าจะยื่นอภิปรายก่อนวันที่ 24 ส.ค. ที่นายกฯจะครบการดำรงตำแหน่ง 8 ปี นับตั้งแต่ยุค คสช.หรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า เราคงต้องประเมินอีกครั้ง แต่มั่นใจการอภิปรายน่าจะเกิดก่อน ส.ค.แน่นอน

“สุทิน” ชี้หลัง พ.ค. รบ.หลับกลางอากาศ

นายสุทินกล่าวอีกว่า เปิดประชุมสภาฯสมัยหน้าตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จะอยู่ในภาวะเสี่ยงสูงจากปัจจัยหลายเรื่อง ทั้งการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี การพิจารณางบประมาณรายจ่าย วาระดำรงตำแหน่ง 8 ปีนายกฯ และเรื่อง ส.ส.ออกไปจากพรรคพลังประชารัฐ 21 คน ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลเริ่มต่อรองกันสูง แต่ละเรื่องระอุทั้งนั้น ช่วงนี้เริ่มต่อรองกันแล้ว ถ้าไม่ได้อย่างที่ต้องการอาจถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล เริ่มบีบไข่กันแล้ว สมัยประชุมหน้าต้องใช้เสียงโหวตตึงเครียดทั้งนั้น พล.อ.ประยุทธ์มีสิทธิอยู่ได้และไม่ได้ตลอดเวลา ปัจจัยที่ทำให้รัฐบาลหลับกลางอากาศมีพร้อม ส่วนที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยยืนยันมี 260 เสียง ส.ส.อยู่ในมือ ไม่รู้ไว้ค้ำรัฐบาลหรือเอาไว้ขู่รัฐบาล มองว่า 260 เสียง หวังขู่นายกฯมากกว่า อย่าไปหลงตัวเลข 260 ถ้ายกมือให้ก็อยู่ได้ แต่ถ้าไม่ยกมือให้มีสิทธิไปได้เหมือนกัน ขณะนี้พรรคภูมิใจไทยพร้อมทุกด้าน ถ้าคู่ต่อสู้อ่อนแอเมื่อใด อะไรก็เป็นไปได้ ยิ่งกล้าเลือกตั้งงูเห่ากลัวเหมือนกัน อาจไม่กล้าแผลงฤทธิ์ 260 เสียงคงไม่น่ามีถึงขนาดนั้นจริงๆ เอาไว้ขู่ฝ่ายรัฐบาลมากกว่า

“บิ๊กตู่” อ่วมถูกบีบจากทั่วสารทิศ

เมื่อถามว่าจะมีเหตุการณ์ล้มรัฐบาลกลางสภาฯซ้ำรอยเหมือนช่วงปี 2564 อีกหรือไม่ นายสุทินตอบว่า ความคิดที่จะหักกันกลางสภาฯ เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ครั้งที่แล้วจ่อไว้แล้ว เปรียบเหมือนกระสุนอยู่ในรังเพลิงจ่อเอาไว้แล้ว แต่กดสับแป้กเสียก่อน มาครั้งนี้กระสุนบรรจุในรังเพลิงเหมือนเดิม แต่จะกดสับหรือไม่กดเงื่อนไขที่จะทำให้รัฐบาลล้ม มีทั้งปัจจัยจากพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ วันนี้นายกฯเหมือนถูกขี่ถูกบีบจากรอบทิศทาง

แฉให้ครูสอนภาษาจีนทำท่าเรือดำน้ำ

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย แถลงถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการจัดซื้อเรือดำน้ำของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำมี 3 ลำ โดยลำที่ 1 ซื้อไปเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างจัดสร้าง ลำที่ 2-3 มูลค่า 22,500 ล้านบาทยังไม่ได้ซื้อเพราะถูกพรรคเพื่อไทยคัดค้าน เรือดำน้ำลำที่ 1 นอกจากจัดซื้อเรือดำน้ำแล้ว ยังมีโครงการก่อสร้างท่าจอดเรือดำน้ำแหลมเทียนฐานทัพเรือสัตหีบ ระยะที่ 1 ปีงบฯ 63-64 วงเงิน 900 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างท่าจอดเรือดำน้ำ แหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ ระยะที่ 2 ปีงบฯ 64-66 วงเงิน 950 ล้านบาท บริษัทที่ชนะประมูลก่อสร้างท่าจอดเรือดำน้ำคือบริษัท CSOC จากประเทศจีน ชนะประมูลก่อสร้างเป็นบริษัทเดียวกับที่มาเซ็นสัญญากับกระทรวงกลาโหมในการซื้อเรือดำน้ำลำที่ 1 ทั้งที่บริษัทดังกล่าวไม่ใช่รัฐบาลจีน แต่เป็นบริษัทนายหน้าค้าอาวุธ และยังพบความผิดปกติว่า ผู้รับผิดชอบโครงการของบริษัท CSOC 4 คน ที่จะเข้ามาคุมโครงการก่อสร้างท่าจอดเรือดำน้ำกลับมีใบอนุญาตทำงานในประเทศ ไทยเป็นครูสอนภาษาจีน ไม่ใช่วิศวกรหรือผู้เชี่ยวชาญด้านเรือดำน้ำ และบริษัท CSOC เบิกเงินล่วงหน้าการก่อสร้างท่าจอดเรือดำน้ำแล้ว 15% ผ่านไป 10 เดือน แต่ไม่มีความคืบหน้าก่อสร้างอะไรเลย ไม่รู้ ทร.โดนหลอกหรือไม่

บ.นายหน้าบริจาค “ป่ารอยต่อ-พปชร.”

นายยุทธพงศ์กล่าวว่า ตามสัญญาซื้อเรือดำน้ำลำที่ 1 เป็นเรือเปล่าไม่มีเครื่องยนต์ ต้องใช้เครื่องยนต์จากประเทศเยอรมนี ยี่ห้อเอ็มทียู แต่ล่าสุดบริษัท CSOC จะเปลี่ยนเครื่องยนต์ไม่ใช้ยี่ห้อเอ็มทียู จะเอาเครื่องยนต์ของจีนมาใส่ให้จะทำหนังสือถึงนายกฯห้ามเปลี่ยนเครื่องยนต์ เพราะเครื่องยนต์สำคัญ ถ้าเสียหรือขัดข้องอาจตายยกลำเหมือนที่เกิดกับเรือดำน้ำอินโดนีเซียที่เครื่องยนต์เกิดปัญหาแล้วตายยกลำ นอกจากนี้ยังพบความเชื่อมโยงระหว่างบริษัท CSOC กับบริษัท ณัฐพล จำกัด ที่เป็นตัวแทนขายเรือดำน้ำในประเทศไทย ที่มีนายอาณัติ อำนวยพล กรรมการบริษัท ณัฐพล บริจาคเงิน 2 ล้านบาท ให้มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯเป็นผู้รับมอบเงินและยังพบว่านายวรพจน์ อำนวยพล บุตรชายนายอาณัติ เป็นผู้ถือหุ้นบริษัท ณัฐพลและเป็นเจ้าของบริษัท สกายไอซีที เป็นผู้บริจาคเงิน 5 ล้านบาท ซื้อโต๊ะจีนพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.61 แสดงว่า มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับ พล.อ.ประวิตรจึงไม่แปลกที่บริษัท สกายไอซีทีมักได้งานด้านไอซีทีของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในช่วงที่ พล.อ.ประวิตรเรืองอำนาจ

โควิด รบ.ถังแตก “ลุงตู่” ไม่กล้ากู้เพิ่ม

นายยุทธพงศ์ยังกล่าวว่า สถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยมีความรุนแรงมาก มีผู้ป่วยหลายหมื่นคนต่อวัน จนรัฐบาลหมดเงินรักษาผู้ป่วย เป็นที่มาที่กระทรวงสาธารณสุขจะถอนโรคโควิด-19 ออกจากโรควิกฤติฉุกเฉิน (UCEP) ที่ประชาชนเข้ารับการรักษาโรงพยาบาลใดๆทั้งรัฐบาล เอกชนได้ฟรี โดย สปสช.เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ ที่ผ่านมานับแต่เกิดโควิดเดือน มี.ค.63-ม.ค.65 มีการจ่ายค่ารักษาโควิดให้โรงพยาบาลรัฐบาลและเอกชนไปแล้ว 98,154 ล้านบาท แม้ล่าสุด ครม.ยังไม่ถอนโรคโควิดออกจาก UCEP แต่ขณะนี้ผู้ป่วยโควิดล้นโรงพยาบาล ต้องให้รักษาตัวที่บ้าน ยาฟาวิพิราเวียร์กำลังขาดแคลน รัฐบาลหมดเงินแล้ว เงินกู้ที่ใช้มาแก้โควิดเหลือแค่ 90,000 ล้านบาท แต่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่มั่นใจสภาฯจะเห็นชอบหรือไม่ ถ้าไม่เห็นชอบนายกฯต้องรับผิดชอบลาออก ทำให้ลังเลไม่กู้เพิ่ม ทั้งที่สถานการณ์แพร่ระบาดรุนแรงการระบาดระลอก 5 เพราะเปิดประเทศโดยไม่มีความพร้อม ไม่มีมาตรการรองรับ พล.อ.ประยุทธ์ต้องรับผิดชอบ เปิดสภาฯวันที่ 22 พ.ค. พรรค เพื่อไทยพร้อมยื่นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ทันที เพื่อไม่ให้ยุบสภาหนี

ทิ้งเด็กติดเชื้ออดสอบมหาวิทยาลัย

น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงปัญหาการสอบเข้ามหาวิทยาลัยภายใต้การระบาดของโควิด-19 ทำให้นักเรียนที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยกังวล เพราะกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ไม่มีมาตรการชัดเจน สำหรับเด็กติดเชื้อโควิดอาจหมดสิทธิสอบเข้า สะท้อนรัฐบาลและ อว.ไม่สนใจเตรียมพร้อมให้อนาคตการศึกษาของเด็ก แม้การสอบ TCAS จะเปิดให้ยื่นผลสอบได้ 2 รอบ แต่การสอบ O-net รวมถึง GAT/PAT เปิดให้สอบรอบเดียว อาจมีนักเรียนไม่น้อยที่ติดโควิด-19 หรือกักตัวเสียสิทธิ ไม่สามารถเข้าสอบได้ โดย อว.และ ทปอ.ไม่คิดแก้ไขจริงจัง แต่ผลักให้ไปสอบปีการศึกษาถัดไป ตัดโอกาสเด็กหรือไม่ ขอให้ อว.และ ทปอ.จัดส่งชุด ATK ฟรีให้เด็กทุกคนที่สมัครสอบ และจัดเตรียมพื้นที่แยกสอบอย่างเป็นระบบ กรณีตรวจพบโควิด-19 จัดเตรียม รพ.สนามรองรับนักเรียนติดโควิด-19 และกักตัวอยู่บ้านให้มีสิทธิสอบ หรือควรเพิ่มรอบพิเศษให้นักเรียนที่ติดโควิด โควิดพรากเด็กจากห้องเรียนมาเกือบ 3 ปี รัฐบาลยังมาดับฝันเด็กไทยสอบเข้ามหาวิทยาลัย จะคาดหวังอะไรได้กับอนาคตประเทศ ถ้าผู้นำชื่อ พล.อ.ประยุทธ์

“แรมโบ้” ซัดขี้แพ้ชวนตี พท.ขู่สภาล่ม

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ กล่าวถึงพรรคเพื่อไทยไม่พอใจที่รัฐสภาฯตีตกร่าง พ.ร.บ.พรรคการเมืองของฝ่ายค้านว่า ต้องหัดยอมรับเสียงส่วนใหญ่ในสภาฯ สมาชิกรัฐสภามีเหตุผลและพิจารณาแล้ว ไม่ควรออกมาโวยวายข่มขู่หากสภาฯล่มอย่าโทษพรรคเพื่อไทย ไม่เกี่ยวข้องกัน การเข้าร่วมประชุมสภาฯเป็นหน้าที่ ส.ส. พรรคตัวเองรวมถึงนายใหญ่น่าละอาย ควรเคารพเสียงส่วนใหญ่ ไม่ใช่ขี้แพ้ชวนตี ขู่คนอื่น ร่างกฎหมายที่เสนอสอดไส้ ปรับแก้มาตรา 28 และ 29 ต่อให้มีเหตุผลเป็นร้อยก็ไม่เชื่อว่าไม่ได้ทำเพื่อนายใหญ่แดนไกล อย่ามาอ้างเลยว่าป้องกันการถูกยุบพรรค เพราะอย่างไรมีโอกาสถูกยุบพรรคสูงที่ปล่อยให้นายใหญ่โทนี่ครอบงำพรรคตลอดมา มีคนไปร้องยุบพรรคไว้เรียบร้อยแล้ว เป็นการแสดงพฤติกรรมธาตุแท้ของคนที่อยู่ในคอกมีเจ้าของสุนัขคอยกำกับสั่งการ ระวังประชาชนจะพิพากษาลงโทษ จนเพื่อไทยจะไม่มีที่ยืนเหลือในสภาฯ

เศรษฐกิจไทยยึดแก้ตามหลัก รธน.

นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจไทย ในฐานะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองให้สัมภาษณ์ถึงการเลือกประธาน กมธ.พิจารณา พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับว่า วันที่ 1 มี.ค. จะพูดคุยกัน เมื่อถามว่าจะปรับแก้เรื่องใดบ้าง นายบุญสิงห์กล่าวว่า ยึดประเด็นที่ได้แก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหลักไว้ก่อน ข้อปลีกย่อยอื่นๆที่เพิ่มมาต้องดูว่าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ และเพิ่มมาเนื้อหาสอดคล้องในประเด็นหลักที่จำเป็นจะต้องแก้หรือไม่ บางทีการแก้ที่ไม่ได้เกี่ยวโยงอะไรกับที่รัฐธรรมนูญแก้ไข ถ้ามากเกินไปอาจไม่ได้เป็นผลดี ตรงนี้ต้องไปดูก่อน เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่กฎหมายลูกจะถูกคว่ำ นายบุญสิงห์กล่าวว่าไม่น่าจะคว่ำ เพราะกฎหมาย ลูกออกมาสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญที่แก้ไข การแก้ไขรัฐธรรมนูญยากกว่าการแก้ไขกฎหมายลูกและการแก้ไข รัฐธรรมนูญเป็นคนกลุ่มเดียวกันคือ ส.ว.และ ส.ส.

“นิกร” เชื่อ ก.ม.เลือกตั้ง ส.ส.ไม่มีแก้ไข

นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ในฐานะคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองให้สัมภาษณ์ถึงการปรับแก้กฎหมายลูกว่า ได้เป็นคณะทำงานที่ยกร่างกฎหมายลูก พ.ร.บ.ว่าด้วยเลือกตั้ง คงไม่มีนัยอะไร เอาตามร่างของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ยื่นโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นหลัก ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะหลักการคือบัตร 2 ใบ แต่คนละเบอร์ ส่วนการนับคะแนนนำมารวมแล้วหารด้วย 100 เป็นคะแนนกลางและคงเป็นแบบนี้ ไม่สามารถเป็นแบบอื่นได้ จึงคิดว่า พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งไม่มีการเพิ่มเติมอะไร

คว่ำกฎหมายลูกคิดได้ แต่ทำไม่ได้

นายนิกรกล่าวว่า ส่วน พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองเอาร่างของพรรคร่วมรัฐบาลเป็นหลัก หลักสำคัญคือเรื่องไพรมารีกับตัวแทนเขต จากที่ฟังการประชุมสภาตัวแทนประจำจังหวัดมีคนเดียวไม่น่าจะเหมาะ เพราะไม่สามารถดูแลได้ทั้งจังหวัด เห็นด้วยกับการอภิปรายของ ส.ว.และพรรคฝ่ายค้านว่าร่างของพรรคร่วมรัฐบาลเป็นคนเดียวทำการแทนให้ทั้งจังหวัดนั้นน้อยไป จึงต้องไปแก้ในชั้น กมธ.ว่าให้เป็นคณะบุคคลอาจจะ 5 คน แต่ไม่ถึงขั้นให้เป็นสาขาที่ต้องมีสมาชิก 500 คน เมื่อถามว่าความเป็นไปได้ที่จะคว่ำกฎหมายลูกถอยกลับไปแก้รัฐธรรมนูญนายนิกรกล่าวว่า ไม่น่าจะทำได้ แต่เป็นเรื่องที่คิดได้ ที่สำคัญคือทางการเมืองทำไม่ได้ จะบอกกับประชาชนว่าอย่างไรหากกลับไปกลับมา และถ้าเกิดไปแก้รัฐธรรมนูญ เวลาสภาฯเหลืออยู่ไม่พอแน่ หากจะคว่ำจริงพรรคการเมืองจะให้คว่ำหรือ ใครจะเป็นคนยกร่างเสนอแก้รัฐธรรมนูญ หากฝ่ายค้านยกร่างที่เสนอมาโดยประชาชน ฝ่ายค้านอาจยิ่งวุ่นวาย นั่นหมายความว่าโดยกฎหมายทำได้ แต่โดยการเมืองและเวลาที่เหลืออยู่นั้นทำไม่ได้

ปชป.ติวเข้ม 50 ผู้สมัคร ส.ก.กทม.

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเตรียม พร้อมการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และ ส.ก. ว่า นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคลงพื้นที่ต่อเนื่องหลายปัญหารอการแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น ส่วนผู้สมัคร ส.ก.ของพรรคที่เปิดตัวไปแล้วทั้ง 50 เขตลงพื้นที่ช่วยเหลือดูแลประชาชนช่วงโควิดระบาดอย่างหนักตลอด 2 ปีที่ผ่านมา พรรคได้จัดประชุมผู้สมัคร ส.ก. 50 เขตเตรียมพร้อมก่อนล่วงหน้า คาดว่าน่าจะสมัครรับเลือกตั้งช่วงปลายเดือน มี.ค. หรือต้นเดือน เม.ย.น่าจะมีการเลือกตั้งไม่เกิน พ.ค. เชื่อมั่นทั้งนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ และ 50 ผู้สมัคร ส.ก.ของพรรคจะทำหน้าที่เต็มกำลังความสามารถ

ลุยเปิดแคมเปญครอบครัว พท.

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองพรรคเพื่อไทยหลังปิดสมัยประชุมสภาฯวันที่ 1 มี.ค.ว่า พรรคจะมีกิจกรรมลงพื้นที่พบปะประชาชน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีโครงการฝ่ายค้านพบประชาชน พรรคเพื่อไทยจะมีโครงการ “ครอบครัวเพื่อไทย” จะยกคณะพรรคเพื่อไทยเชิญชวนผู้สนใจมาร่วมอุดมการณ์ ให้สมัครบัตรครอบครัวเพื่อไทย จะเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยหรือไม่ก็ได้ บัตรครอบครัวเพื่อไทยมีวัตถุประสงค์เชิญชวนให้มาร่วมกิจกรรมพรรค ได้เสนอแนวคิด ความต้องการ อยากเชิญชวนทุกคนร่วมเป็นครอบครัวเพื่อไทย ช่วงปิดสมัยประชุมจะเตรียมพร้อมรองรับการเลือกตั้งให้จบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนโยบายที่จะใช้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า และผู้สมัคร ส.ส.

คิกออฟ จ.อุดรฯเดินสายพบ ปชช.

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เดือน มี.ค.หลังปิดสมัยประชุมสภาฯพรรคเพื่อไทยตรียมจัดคาราวานหาสมาชิกครอบครัวเพื่อไทย สร้างความผูกพันระหว่างพรรคกับประชาชน จะคิกออฟที่ จ.อุดรธานี จากนั้นจะเดินทางไปยังจังหวัดอื่นๆแต่ละภูมิภาค เชิญชวนประชาชนมาสมัครบัตรครอบครัวเพื่อไทย จะไปรับฟังปัญหาประชาชนแต่ละพื้นที่ นำมาจัดทำเป็นนโยบายพรรค นอกจากนี้พรรคเพื่อไทยพัฒนาระบบสื่อสารกับประชาชนผ่านโลกโซเชียล ล่าสุดเปิดให้ประชาชนเข้าไปยังแอปสโตร์ พิมพ์คำว่าพรรคเพื่อไทย โหลดแอปพลิเคชันดังกล่าว ประชาชนสามารถสมัครสมาชิกพรรค และสมัครบัตรครอบครัวเพื่อไทยไว้สื่อสารแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ส่งตรงมายัง ส.ส.ได้ จะมี ส.ส.ไปตอบร่วมแสดงความคิดเห็น เป็นการสื่อสารกับประชาชนได้สะดวก รวดเร็ว นำไปสู่การแก้ไขได้ทันที และช่วงปิดสมัยประชุมสภา พรรคจะพิจารณาผู้สมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่ยังว่างให้แล้วเสร็จ เพื่อเตรียมความพร้อม เชื่อว่ารัฐบาลจะอยู่ไม่ครบวาระ การยุบสภาฯเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา