อารมณ์ควันออกหูลามทุกหัวระแหง บรรยากาศหน้างานตามโหมดเกรี้ยวกราดของประชาชนจากปัญหาค่าครองชีพพุ่ง ปฐมบทจากหมูแพงเพราะโรคระบาด บานปลายพาสินค้าอื่นๆพาเหรดขึ้นราคายกแผง

มหกรรมแพงทั้งแผ่นดินตามที่เสียดสีกันในโลกโซเชียล ไม่ใช่แค่เฉพาะข้าวปลาอาหาร แต่เลยเถิดไปถึงค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน ค่าเรือโดยสารคลองแสนแสบ

ของแพง แต่ค่าแรงเท่าเดิม เคราะห์ซ้ำกรรมซัดคนไทย ผ่านปีใหม่มาไม่กี่อึดใจ โอมิครอนระบาดไม่พอ สินค้าต่างๆยังขยับขึ้นราคา เดือดร้อนถ้วนหน้าเพิ่มเป็นทวีคูณ

สถานการณ์ข้าวยากหมากแพงทำท่าจะน่ากลัวกว่าเรื่องโรคระบาด คนกลัวอดตายมากกว่าติดโรค ปัญหาเรื่องหมูๆ แต่กลับไม่หมู ถูกลากเป็นประเด็นการเมือง ล้มรัฐบาล

เล่นงาน “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กับ “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว. เกษตรและสหกรณ์ นั่งไม่ติด ในฐานะหน่วยงานสายตรงที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ต้องเร่งโชว์กึ๋นการบริหารจัดการแก้ปัญหา ลุยสแกนยิบพื้นที่เสี่ยง “อหิวาต์หมู” ตัดวงจรโรคระบาดสัตว์

...

คู่ขนานไปกับการตรึงราคาสินค้าอื่น เร่งแก้ปัญหาค่าครองชีพ บรรเทาความเดือดร้อนประชาชน

อารมณ์ไม่ต่างจาก “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ตกที่นั่งลำบากไปด้วย แม้ไม่ใช่ผู้รับผิดชอบโดยตรง แต่ในฐานะผู้นำรัฐบาลก็เลี่ยงเสียงก่นด่าไม่พ้น

ต้องเร่งสั่งการแก้ปัญหา ทุ่มงบประมาณ 574 ล้านบาท เยียวยาเกษตรกร 56 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบฆ่าหมูยกฟาร์มจากปัญหาโรคระบาด

พลังประชารัฐ-ประชาธิปัตย์ โดนหมูกัดช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม ใกล้เลือกตั้งซ่อม ส.ส.ชุมพร-สงขลา ต้องรีบสร้างผลงานกู้หน้าจ้าละหวั่น ไม่ให้บั่นทอนแต้มเลือกตั้งซ่อมที่

ทั้งสองพรรคขับเคี่ยวกันหนักถึงขั้นใส่กันยับในสนามปักษ์ใต้ เด็กพลังประชารัฐแขวะพรรคเก่าแก่บริหาร 2 กระทรวงหลัก แต่ดูแลแก้ปัญหาสินค้าแพงไร้ประสิทธิภาพ ขณะที่แม่ทัพใหญ่ประชาธิปัตย์ตอกกลับ

มีคนลัก วิ่ง ชิง ปล้น กลางแดด นำโครงการคนละครึ่งที่เป็นโครงการของรัฐบาล ไปหาเสียงเคลมเป็นผลงานตัวเอง

แรงมาแรงกลับ “พลังประชารัฐ-ประชาธิปัตย์” ฟาดปากสุดมัน ดีกรีต่อสู้ในพื้นที่เดือดทะลัก ขบเหลี่ยมกันมาตั้งแต่การข้ามเส้นมารยาทการเมือง พลังประชารัฐส่งผู้สมัครทับซ้อนในพื้นที่ประชาธิปัตย์

ยิ่งตามแต้มต่อโค้งสุดท้ายที่ค่ายประชาธิปัตย์อาจเพลี่ยงพล้ำ ปราชัยเลือกตั้งซ่อมที่ จ.ชุมพรและสงขลา เพราะสู้พลังกระสุนดินดำไม่ไหว
ทัพสะตอยิ่งแข่งยิ่งแพ้ มีแต่ทุนหายกำไรหด ผิดกับฝั่งพลังประชารัฐมีแต่กำไร แข่งทีไรชนะตลอด ยิ่งตอกลิ่มขัดแย้ง เพิ่มความหมั่นไส้
หนักขึ้น เสร็จศึกเลือกตั้งคงมองหน้ากันลำบากไปใหญ่

และไม่ใช่แค่รอยร้าว “พลังประชารัฐ-ประชาธิปัตย์” เท่านั้น ล่าสุด “พลังประชารัฐ-ภูมิใจไทย” ก็กลับมาแตกคอ อย่างที่เห็นท่าทีไม่สบอารมณ์ของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กรณีนโยบายกัญชาเสรี ถูก ป.ป.ส.เหยียบเบรก

เคืองการตีความกฎหมายของ ป.ป.ส. ระบุคนปลูกกัญชาในบ้านมีความผิด ขัดเจตนารมณ์ปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด ตอบโต้หากใครปลูกกัญชาในบ้านแล้วถูกจับ พรรคภูมิใจไทยพร้อมสู้คดีให้

ทิ้งท้ายให้ถอดรหัส “นโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์ เป็นวาระเร่งด่วนสำคัญของรัฐบาลที่ประกาศต่อสภาฯ ถ้าทำไม่ได้ถือว่า ผิดสัญญาประชาชน เจ้าของนโยบายก็อยู่ไม่ได้ ถ้าอยู่ไม่ได้ ทุกคนต้องมีความผิด แต่ไม่เป็นไร เพราะปีสุดท้ายแล้วอย่าคิดมาก”

นโยบายชิ้นเอกทัพเซราะกราวที่กำลังปั่นแต้มช่วงใกล้เลือกตั้ง

ถูกขัดขาโดยหน่วยงานรัฐ ไม่ให้ทำคะแนนเป็นกอบเป็นกำ เหมือนไม่ได้รับความจริงใจจากแกนนำรัฐบาล

สนิมเนื้อในปะทุขึ้นมาพร้อมกันทั้งประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย เร่งปฏิกิริยาความตึงเครียดพรรคร่วมรัฐบาลให้บานปลายออกไปอีก
สัมพันธภาพรัฐบาลเปราะบาง ชังหน้ากันเต็มที อยู่กันแค่ตัว แต่ใจไม่อยู่ด้วย

ตามไทม์ไลน์ที่เหลือแค่รอเวลาให้กฎหมายลูก 2 ฉบับ ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาราวกลางปี หลังบรรลุจุดหมายปลายทาง ผลประโยชน์การเมืองลงเอยด้วยกันทั้งพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์

รวมถึงฝ่ายค้านอย่างพรรคเพื่อไทยแล้ว อาจได้เวลาสละเรือ

ปะผุอุดรูรั่วกันไม่ไหว เพราะลูกเรือสิ้นสุดความอดทนต่อกัปตัน อยู่ด้วยกันไม่ได้ทั้งตัวและใจ

“บิ๊กตู่” ต้องลุ้นตัวโก่งอายุรัฐบาลจะลากยาวผ่านการเป็นเจ้าภาพประชุมเอเปกช่วงเดือน พ.ย.ไปได้หรือไม่.

ทีมข่าวการเมือง