ทางออกประเทศต้องแก้วิกฤติการเมือง คู่ขนานแก้วิกฤติเศรษฐกิจ ปักหมุดตรงกลางประเทศไทยแล้วจะเดินไปถึงได้อย่างไร คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งอยู่ระหว่างนำคาราวานสร้างไทย 77 จังหวัด ลงพื้นที่จังหวัดทางภาคอีสาน

ได้ขยายความบอกกับ ทีมข่าวการเมือง ว่า ไปฟังเสียงหัวใจประชาชนทุกภาคส่วน อาทิ เกษตรกร ผู้นำท้องถิ่น นักธุรกิจ เพื่อเก็บปัญหาเขย่าให้ตกตะกอนข้อมูล กำหนดเป็นนโยบายเฉพาะกลุ่ม เฉพาะพื้นที่ เฉพาะภูมิภาค

ทุ่มเททำภารกิจสุดท้ายชีวิตการเมือง กอบกู้วิกฤติบ้านเมือง สร้างเศรษฐกิจที่ดีให้ประเทศ

แค่เริ่มต้นคาราวานก็ได้ข้อมูลสอดคล้องกันทุกจังหวัด ชาวบ้านไปไม่ไหวแล้วจริงๆ เผชิญภาวะราคาพืชผลทางการเกษตรมันแย่ น้ำท่วม เก็บเกี่ยวไม่ได้ ยังมาเจอภัยแล้งซ้ำเติม ตลาดในตัวอำเภอซบเซาเงียบเหงา

ขอปักหมุดทำให้ประชาชนแข็งแรง ลุกขึ้นมาทำมาหากินโดยเร็วที่สุด

ผ่านนโยบายภายใต้หลัก “เพิ่มพลังให้ประชาชน-ปลดปล่อยประชาชน”

...

ทุกนโยบายอยู่ภายใต้หลักนี้ แต่ละนโยบายวางกรอบเอาไว้หมดแล้ว รอฟังเสียงจากทุกภาคส่วน เพื่อปรับปรุงนโยบายนั้นๆให้เหมาะสม

อาทิ การสะสางปัญหาอุปสรรคของประเทศ ปัญหาอุปสรรคการทำมาหากินของประชาชน เกิดจากรัฐราชการรวมศูนย์มากขึ้นหลังเกิดรัฐประหาร 57

มีข้าราชการถึง 2 ล้านคน เงินเดือนสูงถึง 1 ล้านล้านบาทต่อปี จากงบบริหารประเทศกว่า 3 ล้านล้านบาท ต้องปรับค่านิยมของรัฐราชการจากเป็นเจ้านาย ให้เป็นผู้สนับสนุนหรือบริการประชาชน

ถึงเวลาเปลี่ยนรัฐราชการเป็นรัฐประชาชน

ขณะเดียวกันยังมีกฎ ระเบียบ กฎหมายล้าสมัย ตีกรอบการออกใบอนุญาต เปิดช่องทางทุจริต แทนที่จะส่งเสริมคนประกอบอาชีพ

ขอย้ำว่าทุกนโยบายต้องอยู่ภายใต้หลัก “เพิ่มพลังให้ประชาชน-ปลดปล่อยประชาชน” ขอยกตัวอย่างการเพิ่มพลังให้ประชาชน เช่น เพิ่มพลังด้านทุนผ่านกองทุนต่างๆ ทั้งกองทุนเอสเอ็มอี กองทุนรัฐวิสาหกิจชุมชน กองทุนสตาร์ตอัพ กองทุนคนตัวเล็ก ซึ่งเป็นหลักประกันด้านเงินทุนตลอดชีพให้ครอบครัว ผ่านการสร้างเครดิต ยิ่งเครดิตดีก็กู้ได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว

ทำควบคู่กับการปลดปล่อยประชาชน ซึ่งถูกกดทับจากรัฐราชการรวมศูนย์ ผ่านใบอนุญาตต่างๆกว่า 1.5 พันฉบับ สามารถพักใช้ชั่วคราวระหว่างทำกิโยตีนกฎหมายที่ล้าสมัยต้องใช้เวลานับสิบปี เราจะออก พ.ร.ก.พักกฎหมายใบอนุญาตต่างๆ ที่รกรุงรัง เป็นอุปสรรคต่อการทำมาหากินของประชาชน

เพื่อสร้างโอกาส สร้างอาชีพ สร้างเศรษฐกิจ สร้างประเทศที่ดีขึ้น

เริ่มตะลอนทัวร์ 77 จังหวัดฟังเสียงทุกภาคส่วน เสียงตอบรับเป็นอย่างไร คุณหญิงสุดารัตน์ บอกว่า เดือน มี.ค.65 ครบรอบทำงานการเมือง 30 ปี อยากสร้างพรรคเป็นของประชาชน ทำให้เป็นสถาบันการเมือง ถือประชาชนเป็นศูนย์กลาง นับเป็นภารกิจสำคัญครั้งสุดท้าย

วันนี้ประเทศมีปัญหาทับซ้อน เดี๋ยวก็รัฐประหาร ขัดแย้งกันไปมาตลอด ฉุดรั้งการพัฒนาประเทศ เห็นได้จากในรอบ 7 ปีนี้ แถมเผชิญวิกฤติซ้อนวิกฤติ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ โลกร้อน การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี

ประเทศไทยจะผ่านวิกฤติเหล่านี้และเทิร์นให้เป็นโอกาส

โดยออกแบบนำบล็อกเชนมาสนับสนุนประชาธิปไตยอย่างลงตัว หลักประชาธิปไตยคือกระจายอำนาจ หลักการบล็อกเชนก็กระจายศูนย์เป็นโหนด ไม่พึ่งพาตัวกลางใดๆ

โดยนำจะมาใช้ปฏิรูประบบราชการ สร้างรัฐแบบกระจายศูนย์ เพิ่มประสิทธิภาพ ความโปร่งใส ทั้งการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง การพิจารณาใบอนุญาต

ตอนนี้เริ่มชวนประชาชนส่งเสียงสร้างไทย ผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน ทั้งเสนอปัญหา แนวทางแก้ไข ยังใช้ทำประชาพิจารณ์ ต่อไปนำไปใช้กับสภาหมู่บ้านหน่วยพื้นฐานประชาธิปไตยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เป็นองค์กรกำหนดความต้องการของประชาชนพื้นที่ จะได้จัดสรรงบประมาณตรงความต้องการของประชาชนในพื้นที่โดยไม่รั่วไหล

ระบบเลือกตั้งบัตร 2 ใบ ใบหนึ่งเลือก ส.ส.เขต อีกใบหนึ่งเลือกพรรค พรรคเล็ก พรรคตั้งใหม่เสียเปรียบพรรคใหญ่ จำเป็นต้องเดินสายคาราวาน 77 จังหวัด เพื่อสร้างแบรนด์พรรคไทยสร้างไทยให้ตรึงตาโดนใจประชาชน คุณหญิงสุดารัตน์ บอกว่า วัตถุประสงค์หลักคือฟังเสียงประชาชนให้มีส่วนร่วมสร้างนโยบาย

ในฐานะเป็นคนมองบวกพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส แม้กติกาใหม่ทำพรรคใหม่เสียเปรียบ แต่ต้องทำงานพิสูจน์ตัวเอง ให้ประชาชนเห็นว่าเรามีเครื่องมือทำให้ประชาชนอยู่รอด

วันนี้อาสาเป็นเสาเข็มให้พรรค เป็นสะพานเชื่อม โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่มากความสามารถ ทีมเศรษฐกิจพรรคไทยสร้างไทย ไม่ใช่ประเภทฮีโร่คนเดียวเข้ามาเป็น รมว.คลังแก้เศรษฐกิจได้ มันตกยุคไปแล้ว

ทีมเศรษฐกิจมีคนเก่งแต่ละด้าน เริ่มตั้งไว้ 12 ด้าน หนึ่งในนี้มีด้านหารายได้เข้าประเทศ รวมถึงการผลักดันศูนย์กลางโทรคมนาคมขนส่งของภูมิภาคและโลก ซึ่งมีโครงการคลองไทยด้วย

ผุดเมกะโปรเจกต์รีสตาร์ตประเทศไทย เชื่อมโลกผ่านไทยบนสันติภาพ

ทั้งหมดเราได้ศึกษาถึงข้อดี ข้อเสีย ประชุมร่วมกับสมาคมคลองไทยหลายครั้ง คำนึงถึงทุกด้าน สุดท้ายต้องฟังประชาชนตัดสินว่าให้ทำเมกะโปรเจกต์นี้หรือไม่

ทีมการเมือง ได้สอบถามหลายเรื่องเกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย แต่เจ้าตัวออกตัวไม่ขอวิจารณ์บ้านเก่า ถือว่าเป็นคุณธรรมอย่างหนึ่งที่ต้องมี ยึดหลักทำงานพิสูจน์ตัวเอง เป็นทางออกให้ประเทศ

ฐานเสียงพรรคไทยสร้างไทยทับซ้อนฐานเสียงพรรคเพื่อไทย แก้โจทย์นี้อย่างไร คุณหญิงสุดารัตน์ บอกว่า ฐานเสียงมีฝ่ายที่สนับสนุนเผด็จการและฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตย ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีมากกว่าหนึ่งพรรค

ฉะนั้นขอทำงานพิสูจน์ให้ประชาชนมั่นใจว่าพาเขารอดได้

“เราอาสานำพาพรรคเพื่อยุติปัญหาต่างๆทั้งหมด รับฟังความเห็นต่าง ทุกความเห็นมีความสำคัญ ถ้าพูดคุยกันมันมีทางออก แล้วมุ่งหน้าสร้างเศรษฐกิจ ประชาชนกำลังแย่

วันนี้เราเดินอยู่ฝั่งประชาธิปไตยที่มีความแตกต่าง เช่น การแก้รัฐธรรมนูญระบบเลือกตั้ง เป็นการแก้ปัญหาให้นักการเมือง ไม่ช่วยให้ปัญหารากฐานของประเทศหายไป ทั้ง ส.ว.250 คน แผนยุทธศาสตร์ชาติ โดยเฉพาะแผนยุทธศาสตร์ชาติ เป็นตัวถ่วงการพัฒนาประเทศ ปัญหาของประชาชนไม่ถูกแก้

เรากำลังเสนอแก้รัฐธรรมนูญ มาตราเดียวเปิดประตูให้มีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติ ต้องแก้ก่อนเลือกตั้ง

ไม่เช่นนั้นไปเลือกตั้งกลับมาต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ เสียเวลาอีกปีกว่า ตอนนี้ก็เสียเวลามา 7-8 ปีแล้ว”

คุณพ่อคือนายสมพล เกยุราพันธุ์ บอกเคล็ดลับการออกจากวิกฤติการเมือง ต้องใช้เวทีสภา ตอนนี้สภายังเป็นทางออกจากวิกฤติได้อย่างไร คุณหญิงสุดา รัตน์ บอกว่า ยืนยันในหลักการ...

...สภาเป็นทางออกของทุกวิกฤติ

แต่สภายังทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์ แก้วิกฤติของประเทศไทยไม่ได้ ควรใช้สภาเป็นเวทีสำหรับผู้ที่เห็นต่าง ไปพูดคนละเวทีมันหาทางออกไม่ได้ ก็ทะเลาะกันต่อไป ดังนั้นถึงได้เน้นแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นฉบับประชาชน

เพื่อแก้ปัญหาความเห็นต่าง ยุติความขัดแย้งอย่างสันติวิธี

“วันนี้ประเทศเดินต่อไม่ได้ ประชาชนส่วนใหญ่กำลังอดอยาก ต้องแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นฉบับประชาชน ผ่านการยกร่างของ ส.ส.ร. คือหัวใจแก้ปัญหาความขัดแย้ง

ต้องแก้ก่อนเลือกตั้ง โดยต้นปี 2565 เตรียมเสนอผ่านสาธารณะและรณรงค์ ถ้า ส.ส.ทุกท่านจริงใจกับประชาชนต้องแก้ก่อนเลือกตั้ง สิ่งที่เราเสนอเพื่อประชาชน ประเทศชาติ”

เสนอไปถึงทางตันแน่ มีสัญญาณพิเศษจากไหนถึงได้กล้าเสนอ คุณหญิงสุดารัตน์ บอกว่า เดี๋ยวทำให้ดูว่ามันไม่ตัน โดยใช้ความหวังของประชาชน ขอร้องให้ ส.ส.เห็นแก่ประชาชน หาทางออกให้วิกฤติบ้านเมือง

วิกฤติการเมืองเป็นอุปสรรคต่อการแก้วิกฤติเศรษฐกิจ

แก้วิกฤติการเมืองไม่ได้ ย่อมแก้วิกฤติเศรษฐกิจได้ยาก

ทางออกประเทศไทยต้องแก้ทั้งสองวิกฤติไปพร้อมกัน.

ทีมการเมือง