ทูตญี่ปุ่นบุกทำเนียบทวงถามความคืบหน้าคดียิงช่างภาพ “เฉลิม” ย้ำชัด เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ จากหลักฐาน-พยานบุคคล เผย ตร.เรียก "มาร์ค-เทือก” ให้ปากคำ 2 ธ.ค.นี้ คาดส่งศาลภายใน 5-6 ธ.ค.นี้ พร้อมอ้อนอย่าถอนการลงทุนจากไทย...

เมื่อวันที่ 29 พ.ย.2554 นายเซอิจิ โคจิมา เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เพื่อสอบถามความคืบหน้า ในการสอบสวนการเสียชีวิตของ นายฮิโรยูกิ มูราโมโต ช่างภาพชาวญี่ปุ่น ของสำนักข่าวรอยเตอร์ ที่ถูกกระสุนปืนปริศนายิงเสียชีวิตในเหตุการณ์ชุมนุมของคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553

ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ได้อธิบายขั้นตอนการสอบสวนคดีนี้อย่างละเอียดผ่านล่าม โดยกล่าวว่า คดีนี้ชัดเจนว่าเป็นการตายโดยการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยมีพยานบุคคลและหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ยืนยัน โดยเฉพาะวิถีกระสุนซึ่งชัดเจนว่ายิงมาจากฝั่งเจ้าหน้าที่รัฐ

ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวว่า เดิมพนักงานสอบสวนจะต้องสำนวนการชันสูตรพลิกศพให้กับพนักงานอัยการในวันที่ 28 พ.ย.นี้ แต่เนื่องจากพนักงานอัยการส่งหนังสือมาว่าควรจะสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องอีก 2 คน ได้แก่ 1.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และ 2.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะอดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เพิ่มเติม พนักงานสอบสวนจึงนัดบุคคลทั้ง 2 มาให้ปากคำในวันที่ 2 ธ.ค.นี้ หากบุคคลทั้งสองมาให้ปากคำตามนัดหมาย เชื่อว่าพนักงานสอบสวนจะส่งสำนวนการชันสูตรพลิกศพให้กับพนักงานอัยการได้ ภายในวันที่ 5-6 ธ.ค. เพื่อส่งให้ศาลไต่สวนการตายต่อไป

“หลังส่งสำนวนการชันสูตรพลิกศพให้ศาลเพื่อทำการไต่สวนการเสียชีวิตแล้ว ตาม ป.วิอาญา มาตรา 150 วรรคสาม โดยพนักงานอัยการจะซักถามในศาลว่าผู้ตายเป็นใคร ตายที่ไหน ตายอย่างไร แล้วใครเป็นคนสั่ง ขณะที่ญาติคนตายสามารถตั้งทนายมาร่วมไต่สวนได้ และตามกฎหมายไทยหากเจ้าหน้าที่รัฐทำตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาจะได้รับการยกเว้นไม่ต้องถูกลงโทษตาม ป.อาญา มาตรา 62 ประกอบ ม.70 แต่คดีนี้จะต้องมีคนรับผิดชอบ โดยเฉพาะคนที่เป็นผู้สั่งการ ซึ่งรัฐบาลชุดนี้มีความทุกข์ใจเช่นเดียวกับรัฐบาลญี่ปุ่น ขอให้ท่านทูตมั่นใจในกระบวนการยุติธรรม สถาบันอัยการ และสถาบันศาลของไทยได้” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

ด้านนายโคจิมะ กล่าวผ่านล่ามว่า ขอขอบคุณที่เสียสละและพยายามค้นหาความจริง ตั้งแต่เกิดเหตุรัฐบาลญี่ปุ่นพยายามประสานให้รัฐบาลไทยตั้งแต่ชุดที่แล้วค้นหาความจริง เพราะญาติๆ และเพื่อนของนายมูราโมโตอยากจะทราบความจริง ทำให้ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวแทรกว่า รัฐบาลชุดนี้ได้ความจริงเกือบ 100% แล้วว่า นายมูราโมโตเสียชีวิตจากเจ้าหน้าที่รัฐ แต่จะเป็นหน่วยงานไหนนั้นอยู่ในขั้นตอนการไต่สวนในชั้นศาล

“เมื่อศาลไต่สวนสำนวนการชันสูตรพลิกศพเสร็จแล้ว ก็จะนำสำนวนดังกล่าวไปรวมกับสำนวนการสอบสวนในคดีอาญา จะทำให้การดำเนินคดีทำได้เร็วขึ้น พอจะรู้ว่าใครเป็นคนผิด จากนั้นพนักงานสอบสวนจะเรียกบุคคลนั้นๆ มาแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งผู้ต้องหารายดังกล่าวจะให้การในชั้นพนักงานสอบสวนหรือไม่ก็ได้ เมื่อทำสำนวนคดีอาญาเสร็จก็จะสั่งให้พนักงานอัยการพิจารณา หากเห็นว่าไม่มีมูลก็ไม่ส่งฟ้อง ถ้าเห็นมีมูลก็ส่งฟ้องศาลต่อไป ซึ่งศาลไทยมี 3 ศาล ได้แก่ ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา คดีนี้เชื่อว่าจะสู้กันถึง 3 ศาล โดยญาติผู้เสียชีวิตสามารถส่งทนายเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมด้วย” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายการเข้าพบ ร.ต.อ.เฉลิม ได้วิงวอนให้นายโคจิมากลับไปบอกรัฐบาลญี่ปุ่นว่าอย่าถอนการลงทุน รวมทั้งขอให้มาช่วยสร้างถนนด้วย เพราะรถยนต์ที่วิ่งในไทยส่วนใหญ่เป็นรถยนต์ญี่ปุ่นทั้งสิ้น ทำให้นายโคจิมากล่าวตอบว่า ประเทศไทยมีเสน่ห์สำหรับนักลงทุนชาวญี่ปุ่น และขอแสดงความเสียใจกับอุทกภัยที่เกิดขึ้น แต่อยากขอให้ช่วยดูแลบริษัทญี่ปุ่นที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงมีมาตรการในการจัดการน้ำ ยืนยันว่ารัฐบาลญี่ปุ่นพร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการสร้างสาธารณูปโภค ทั้งถนน ประปา และอื่นๆ.

...