“เต้น” นำคาร์ม็อบวนแยกอโศกราชประสงค์-บีบแตรสนั่นถนนเป็นสัญลักษณ์ขับไล่นายกรัฐมนตรี “บก. ลายจุด” ปรับยุทธศาสตร์ จัดเปิดฟรีไมค์ใครก็พูดได้ เชิญ “สิระ-แทนคุณ” มาเวที ส่วน “ไฮโซลูกนัท” ชวนทะลุแก๊ส มาลองจับไมค์แทนประจันหน้า ด้านสามเหลี่ยมดินแดง “ทะลุแก๊ส” ยังป่วนรายวัน หมอทศพรนำ 2 คนเจ็บอ้างถูก คฝ.ยิงกระสุนยางใส่ ร้องสื่อ ขณะมารับทราบข้อหาจัดม็อบแยกราชประสงค์ 15 ส.ค.ที่ สน.ลุมพินี ตำรวจบางเขน ส่งสำนวน “ทราย-เพนกวิน-ทนายอานนท์” กับพวกรวม 8 คน คดี ม.112 และ 116 ให้อัยการนัดฟังคำสั่ง 27 ก.ย. ชาวแฟลตโวย คฝ.ยิงแก๊สน้ำตาเจอกระทบเต็มๆ ด้านตำรวจเข้าหารือ ชี้กลุ่มป่วนรู้ข้อจำกัดเจ้าหน้าที่ใช้แฟลตเป็นเกราะกำบัง

การชุมนุมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่จัดบริเวณแยกอโศกเป็นวันที่ 3 มีรายงานว่า เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 6 ก.ย. ที่แยก อโศกมนตรี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. และนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ได้ปรับ แผนยุทธศาสตร์ใหม่ให้สอดคล้องกับความถนัดของมวลชนแต่ละกลุ่ม กิจกรรมแรกคือ เวทีปราศรัยกลุ่ม มวลชนอาสา หรือ wevo ติดตั้งเวทีขนาดเล็กพร้อมเครื่องเสียง ที่ถนนอโศกมนตรีขาออกฝั่งศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 เปิดให้การจราจรถนนอโศกฝั่งขาเข้าให้สัญจรได้ตามปกติ มีนายสมบัติร่วมกับนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือไฮโซลูกนัท กำกับดูแล

...

“เต้น” นำคาร์ม็อบบีบแตรลั่นถนน

กระทั่งเวลา 16.40 น. นายณัฐวุฒิที่ไปจอดรถ ตั้งขบวนคาร์ม็อบที่สี่แยกราชประสงค์ เคลื่อนขบวน มุ่งหน้ามาถึงแยกอโศก มีขบวน จยย.นับร้อยคันนำหน้า ตามด้วยรถนานาชนิด เมื่อรถทั้งหมดผ่านสี่แยกอโศก ได้บีบแตรเสียงดังลั่นเป็นสัญลักษณ์ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ส่วนมวลชนแนวร่วมที่อยู่กับเวทีปราศรัย ออกมาโบกธงแดงต้อนรับ จากนั้นคาร์ม็อบก็ขับมุ่งหน้า ไปบนถนนสุขุมวิทแล้ววนย้อนกลับมาบีบแตรอีกรอบ ก่อนแยกย้ายกลับ

จัดเวทีปราศรัยเปิดฟรีไมค์

นายสมบัติเผยว่า การทำกิจกรรมแบบแยกเป็น 2 ส่วน เพื่อแบ่งพื้นที่ให้ทั้งคนที่พร้อมจะลงถนนเพื่อไล่ พล.อ.ประยุทธ์และคนที่ยังไม่พร้อมที่จะลงถนนได้มีพื้นที่ คาดว่าจะใช้เวลา 7 วัน จะพิสูจน์ว่าแนวทางนี้ จะไปต่อได้หรือไม่ ประชาชนจะเป็นคนตัดสิน ถ้าไป ไม่ได้จะปรับกลยุทธ์ แต่ไม่มีแนวคิดที่จะปักหลักค้างคืน อโศกโมเดลจะใช้เวลา 3-4 ชั่วโมง ในการ ชุมนุมเพราะไม่ทำให้ล้ามาได้ทุกวัน ในส่วนเวทีปราศรัย จะปรับให้เป็นฟรีไมค์ ผู้ที่เข้าร่วมสามารถยกมือและ ขึ้นมาพูดได้อย่างอิสระ วันที่ 7 ก.ย. จะเชิญผู้ขี่รถจักรยานยนต์แบบฮาร์เล่ย์มาร่วมกิจกรรมเบิ้ลเครื่องเป็น จังหวะเสียงดนตรี ทั้งจะเปิดพื้นที่ให้กับรถจักรยานยนต์ประเภทต่างๆได้ใช้พื้นที่แสดงออก ใช้เสียงเป็นสื่อขับไล่รัฐบาล รวมทั้งจัดตลาดนัดทางการเมืองที่ทำให้ แต่ละกลุ่มสามารถมาแสดงออกร่วมกันได้ ส่วนตัวขอเชิญพรรคร่วมรัฐบาลอย่างนายแทนคุณ จิตต์อิสระ พรรคประชาธิปัตย์ หรือนายสิระ เจนจาคะ พรรคพลังประชารัฐ ให้มาร่วมเวทีนี้

ลูกนัทชวนทะลุแก๊สลองจับไมค์

ด้านนายธนัตถ์กล่าวว่า การเปิดเวทีฟรีไมค์เป็นการฝึกซ้อมคนหนุ่มสาวที่อยากจะขึ้นมาพูดบนเวที โดยจะมีโค้ชระดับเทพ คือ บก.ลายจุด นายณัฐวุฒิ และครูใหญ่ หรือนายอรรถพล บัวพัฒน์ มาร่วมรับฟัง เพื่อแนะนำปรับปรุงแก้ไขแนวทางการพูด อยากเชิญ ให้ทุกคนมาลองผิดลองถูก รวมทั้งอยากเชิญกลุ่มทะลุแก๊ส หรือผู้ชุมนุมอิสระ ที่ดินแดงให้มาลองจับ ไมค์ดู จะพบว่าเสียงของคุณนั้นดังกว่าที่คิด ไม่จำเป็น ที่จะต้องมาประจันหน้ากับเจ้าหน้าที่เพื่อแสดงออกว่า คุณก็มีสิทธิ์มีเสียง สามารถเอาเรื่องราวของกลุ่มคุณมาเล่าได้ ทั้งยังเปิดกว้างให้พูดได้ทุกเรื่องแต่ต้องรับผิดชอบตัวเองด้วย

โมเดลผสม “คาร์ม็อบ-คนม็อบ”

ด้านนายณัฐวุฒิกล่าวว่า วันนี้เป็นการสร้างโมเดลผสมระหว่างคาร์ม็อบกับคนม็อบ เพื่อดูว่าจะนัดหมายแสดงพลังครั้งใหญ่ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เมื่อไหร่ อีก 2-3 วันจะประเมินอีกครั้ง ส่วนการชุมนุมที่แยกอโศก 2 ครั้งที่ผ่านมา ประเมินกับทีมงานแล้วเป็นที่น่าพอใจมีคนมาร่วมมากขึ้น โดยเฉพาะคนหนุ่มสาว ตอนนี้ต้องเปิดพื้นที่ให้ทุกฝ่ายได้แสดง ออกไปเรื่อยๆก่อนจนเป็นที่ทราบทั่วกัน ว่าจุดนี้เป็นศูนย์กลางของการไล่ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อถึงวันนัดใหญ่เมื่อไหร่คนที่เคยมาร่วมแล้วจะได้มารวมตัวพร้อมกันทีเดียว อย่างไรก็ตาม รู้สึกเป็นห่วงสถานการณ์ที่แยกดินแดง อยากให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติโดยไม่ใช้อารมณ์ และทำความเข้าใจกับผู้ที่ออกมาชุมนุม

นักเรียนเลวประท้วงหวาดเสียว

ส่วนบรรยากาศในที่ชุมนุม บริเวณสกายวอล์ก สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส อโศก กลุ่มนักเรียนเลวได้ทำ กิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ประท้วงการจัดการเรียน การสอน แบบออนไลน์ของกระทรวงศึกษาธิการ นำป้ายไวนิล ขนาดใหญ่ ไปติดบนสกายวอล์กใจความว่า เด็ก 1.8 ล้านคน กำลังหลุดจากระบบการศึกษา เพราะการเรียน ออนไลน์ไม่เห็นหัวเด็ก จากนั้นได้นำสมาชิกหญิงรายหนึ่งในกลุ่มแต่งกายในเครื่องแบบนักเรียนมัธยม ถูกราดด้วยสีแดง แล้วมาผูกเชือกหย่อนตัวลงมาแขวน บนสกายวอล์กอ้างว่าเพื่อแสดงออกถึงความล้มเหลวของ ระบบการศึกษาไทย จนทำให้เด็กเครียด และฆ่าตัวตาย สร้างความหวาดเสียวให้ผู้ผ่านไปมา สุดท้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องไปขอให้ยุติ

นัดหมาย 2 ล้อก่อนยุติชุมนุม

ในช่วงท้ายของเวทีไล่ พล.อ.ประยุทธ์ที่แยกอโศก นายณัฐวุฒิ และนายสมบัติ 2 แกนนำได้สลับกัน ขึ้นปราศรัย โจมตีความล้มเหลวการบริหารงานของนายกรัฐมนตรีอย่างดุเดือด โดยนัดหมายมวลชนแนวร่วมที่ขี่จักรยานยนต์ 2 ล้อ ให้มาร่วมทำกิจกรรม ขับไล่รัฐบาล ในวันที่ 7 ก.ย. แล้วประกาศยุติการชุมนุม ในเวลา 19.40 น.

“ทะลุแก๊ส” ไม่สนฝนป่วน คฝ.

ส่วนสถานการณ์ที่บริเวณแยกดินแดง เมื่อเวลา 18.00 น. ท่ามกลางบรรยากาศฝนตกพรำๆ มีวัยรุ่นกลุ่มทะลุแก๊สจำนวนหนึ่ง ขี่รถ จยย.มารวมตัวกัน จากนั้นขว้างปาประทัดยักษ์ และระเบิดปิงปองเสียงดัง ขึ้นหลายครั้ง ก่อกวนรถที่ขับขี่ผ่านไปมา รวมทั้งขว้างปาเข้าสวนหย่อมใต้ทางด่วนเพื่อให้เกิดความวุ่นวาย รวมทั้งจุดไฟเผากลางถนน นอกจากนี้ ยังขี่รถ บีบแตรเสียงดังวนไปมาระหว่างแยกดินแดงมาที่หน้า กรมดุริยางค์ทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิตขาออก และขว้างปาประทัดยักษ์และระเปิดปิงปองเข้าไปภายในรั้ว กรมดุริยางค์ทหารบก ที่ตั้งของตำรวจ คฝ.เพื่อท้าทายและยั่วยุให้ออกมาโต้ตอบไล่จับกุมเหมือนทุกวัน

ยกแรกจับโจ๋ 18 คน จยย. 31 คัน

ต่อมาเวลา 19.55 น. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวสรุปหลังเจ้าหน้าที่ คฝ.เข้าควบคุมสถานการณ์บริเวณใกล้กรมดุริยางค์ทหารบก ว่า เมื่อเวลา 17.30 น. กลุ่มทะลุแก๊สได้เริ่มรวมตัวก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง โยนระเบิดปิงปอง ประทัดยักษ์ ยิงลูกแก้ว ยั่วยุเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง ตำรวจได้ประกาศแจ้งเตือนว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมาย แต่ไม่มีใครเชื่อฟัง จนเวลา 19.10 น. เจ้าหน้าที่มีความจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมาย ใช้ชุดเคลื่อนที่เร็วออกมาจับกุมผู้ก่อเหตุได้ 18 ราย ยึด จยย. ได้ 31 คัน อยู่ระหว่างซักถามเบื้องต้น และจะควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ส่งอัยการ “อานนท์” กับพวกคดี 112

ในส่วนคดีความเกี่ยวกับการชุมนุม ที่สำนักงานอัยการสูงสุด พนักงานสอบสวน สน.บางเขน นำสำนวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องนายอานนท์ นำภา กับพวกรวม 8 คน ฐานร่วมกันดูหมิ่นสถาบันฯ, ยุยงปลุกปั่นตามมาตรา 116 และข้อหาอื่นๆที่เกี่ยวข้องในการชุมนุมเมื่อวันที่ 29 พ.ย.63 ตั้งแต่เวลา 15.00-22.00 น. หัวข้อ “ปลดอาวุธศักดินา” เดิมได้ประกาศว่า จะมุ่งไปที่กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ภายหลังย้ายมายังกรมทหารราบที่ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ฯ เขตบางเขน เหตุเกิดที่หน้ากรมทหารราบที่ 11 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร

มา 5 คน กวิ้น–ฟ้า–อานนท์อยู่คุก

นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผยว่า พนักงานสอบสวนนำสำนวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 8 เรียงลำดับคือ นายอานนท์ นำภา นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ นายชินวัตร หรือไบร์ท จันทร์กระจ่าง นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นายพรหมศร หรือฟ้า วีระธรรมจารี น.ส.พิมพ์สิริ เพชรน้ำรอบ น.ส.ณัฏฐธิดา หรือแหวน มีวังปลา พยาบาลอาสา น.ส.อินทิรา หรือทราย เจริญปุระ ข้อหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูง มาตรา 112, มาตรา 116, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองและข้อหาอื่นๆ ส่วน น.ส.อินทิราจะมีข้อหาร่วมชุมนุมโดยไม่ได้รับอนุญาตเพิ่มมาอีก ภายหลังรายงานตัวเสร็จแล้ว พนักงานอัยการได้นัดฟังคำสั่งคดีวันที่ 27 ก.ย.นี้ เวลา 09.00 น. ในวันนี้มี น.ส.อินทิรา หรือทราย นายสมยศ กับพวก 5 คน มารายงานตัวกับพนักงานอัยการ อีก 3 คน คือ นายพริษฐ์, นายอานนท์ และนายพรหมศร หรือฟ้า ขณะนี้ ยังถูกควบคุมอยู่ในเรือนจำ

“กวิ้น” กับพวกวืดประกันอีก

ที่ศาลจังหวัดธัญบุรี วันเดียวกัน ศาลได้อ่านคำสั่งขอปล่อยชั่วคราวของศาลอุทธรณ์ ภาค 1 กรณีที่ทนายความของนายพรหมศร หรือฟ้า วีระธรรมจารี นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ นายณัฐนนท์ ไพโรจน์ นายชาติชาย แกดำ และนายภาณุพงศ์ หรือไมค์ จาดนอก 5 ผู้ต้องหา ที่ร่วมกันมั่วสุม ก่อความวุ่นวาย ทำลายทรัพย์สินราชการได้รับความเสียหายหน้า บก.ตชด.ภาค 1 ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิเคราะห์ความหนักเบา ของข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว โดยรวมแล้วเห็นว่า หากปล่อยชั่วคราวเกรงผู้ต้องหาทั้ง 5 คนจะไปก่อเหตุซ้ำลักษณะเดียวกันนี้อีก ไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมของศาลชั้นต้นให้ยกคำร้อง

หมอทศพรรับทราบข้อหา

ส่วนที่ สน.ลุมพินี เมื่อเวลา 10.00 น. นพ.ทศพร เสรีรักษ์ พร้อมกลุ่มไทยไม่ทน และกลุ่มการ์ดวีโว่ รวม 7 คน เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี รับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกในข้อหาร่วมกันจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มกันของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 5 คน เสี่ยงในการติดต่อสัมผัสกันที่สามารถแพร่โรคได้, ร่วมกันชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ที่มีประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันกีดขวางทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตจนอาจเป็นอุปสรรคต่อความ ปลอดภัยหรือความสะดวกในการจราจร จากกรณีจัดการชุมนุมที่แยกราชประสงค์เมื่อวันที่ 15 ส.ค.

เต้น–เงินตรา ขอเลื่อนนัด

ทั้งนี้ มีผู้ที่ถูกออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาทั้งหมด 9 คน ประกอบด้วย 1.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ 2.นพ.ทศพร เสรีรักษ์ 3.นายวีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล 4.นายณัฐพงศ์ คำจันทร์ 5.นายอภิวัชร์ สุขแสวง 6.นายทีระพันธ์ บุรณสวรรค์ 7. น.ส.เงินตรา คำแสน 8.น.ส.ชลธิชา ปราชญานุสรณ์ และ 9.นายต่อพงษ์ ดรุณพงษ์ มาทั้งหมด 7 คน อีก 2 คน คือ นายณัฐวุฒิ และ น.ส.เงินตราได้ขอเลื่อนการเข้าพบ ทั้งนี้ หลังจากทั้ง 7 คน เข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว พนักงานสอบสวนปล่อยตัวกลับ เนื่องจากเป็นการเข้าแสดงตัวตามหมายเรียก

หนุ่ม 46 ร้อง คฝ.ยิงเข้าตา

พร้อมกันนี้ นพ.ทศพร ได้พานายฐนกร ผ่านพินิจ อายุ 46 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป และเยาวชนอายุ 13 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ คฝ. ยิงกระสุนยางใส่บาดเจ็บ มาพบสื่อมวลชนเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายฐนกรกล่าวว่า วันที่ 13 ส.ค. ระหว่างขี่ จยย.กลับบ้าน ผ่านแยกดินแดงที่จะเลี้ยวไปถนนพระราม 9 มีการชุมนุมอยู่ ได้หยุดดูสถานการณ์ ขณะนั้นมีเจ้าหน้าที่ยิงกระสุนยางทำให้นักข่าวและผู้ชุมนุมวิ่งหนี ตนหลบอยู่ข้างเสาไฟฟ้า โดนยิงเข้าที่ตาขวาเฉียดไปตาซ้าย ไปรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แพทย์บอกตาขวาฉีกขาด ตาซ้ายเลนส์เคลื่อน รักษาอยู่ 15 วัน ก่อนกลับบ้าน ตอนนี้ยังปวดตาขวาอยู่ ตาซ้ายเริ่มหายปวด แต่ทั้งสองข้างมองเห็นเพียงลางๆ ระบุใบหน้าคนไม่ได้ การรักษาหลังจากนี้ แพทย์แจ้งว่า ต้องให้เลนส์ตาซ้ายหายบวมก่อนจะผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ ส่วนตาขวาจะรักษาต่อเนื่องจนกว่าจะอาการดีขึ้น ทั้งนี้ ได้ปรึกษาทนายดำเนินคดีกับผู้ที่ยิงกระสุนยางใส่ แต่วันนี้ยังไม่แจ้งความ เพราะต้องการรักษาตาก่อน

พ่อเด็ก 13 แฉตำรวจโหดเกิน

ด้านนายพเนศ ปานะจำนงค์ อายุ 38 ปี บิดาเยาวชนชายวัย 13 ปี ที่ถูกตำรวจ คฝ. ยิงกระสุนยางใส่ จนบาดเจ็บเล่าว่า ทราบเรื่องเมื่อช่วงค่ำวันที่ 20 ส.ค. จากเพื่อนของลูกที่ไปสังเกตการณ์การชุมนุมที่แยกดินแดง หลังจากสลายการชุมนุม ในวันนั้นลูกชายตนขี่ จยย.ไปกับแฟน ถึงใต้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสอนุสาวรีย์ชัยฯ ถูกกลุ่มเจ้าหน้าที่ คฝ. ถีบรถ จยย.คว่ำ ก่อนยิงด้วยกระสุนยางรวม 8 นัด มีบาดแผลรวม 8 จุด ถูกส่งรักษาที่ รพ.ตำรวจ แพทย์ระบุว่า ถูกกระสุนยางยิงหลายแห่ง อาทิ บาดแผลกระสุนบริเวณหลัง เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 ซม. ต้นแขนขวามีบาดแผลฉีกขาด บาดแผลถลอกต้นขาขวา และแผลถลอกบริเวณท้อง รู้สึกเสียใจกับการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ ทั้งที่ลูกชายอายุแค่ 13 ปี ยืนยันจะดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่ใช้ความรุนแรงกับลูกชาย

ชาวแฟลตโวยเดือดร้อน

ส่วนผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ คฝ.ในการปราบปรามกลุ่มวัยรุ่นที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดงเวลา 22.00 น. วันที่ 5 ก.ย. ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชน 1 กองร้อย พร้อมรถกระบะเคลื่อนที่เร็วนับสิบคัน ถอนกำลังออกจากที่ตั้งสามเหลี่ยมดินแดง มุ่งหน้าไปถนนพระราม 9 ปะทะกับกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่หน้าแฟลตดินแดง ตำรวจใช้ปืนลูกซองบรรจุกระสุนยางและแก๊สน้ำตายิงใส่ ส่วนฝ่ายผู้ชุมนุมตอบโต้ด้วยระเบิดเพลิง ระเบิดปิงปอง และพลุไฟ เสียงดังสนั่นหวั่นไหว หลังตำรวจออกจากพื้นที่ไปหมดแล้ว มีชาวบ้านที่อยู่ในแฟลตบาดเจ็บจากแก๊สน้ำตา เด็กๆร้องไห้จ้าจากเสียงระเบิด อีกทั้งมีประชาชน 1 รายขี่ รถ จยย.ผ่านมา ถูกกระสุนยางเข้าที่หน้าอกบาดเจ็บ นอกจากนี้ กระจกประตูทางเข้าออกของธนาคารออมสิน สาขาดินแดง เสียหายจากการปะทะ

“บิ๊กต๊ะ” แฉโจ๋ใช้ชุมชนเป็นเกราะ

ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 10.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.โฆษก บช.น. เปิดเผยว่า ยอมรับว่ากลุ่มผู้ที่ก่อความวุ่นวายบริเวณแยกดินแดง ทราบข้อจำกัดของตำรวจที่จะไม่เข้าติดตามจับกุมบริเวณชุมชนแฟลตดินแดง และใช้ชุมชนเป็นเกราะกำบัง แฝงตัวเป็นคนในแฟลต ทำร้ายเจ้าหน้าที่สร้างความเข้าใจผิดระหว่างผู้อาศัยในชุมชนและตำรวจ ตำรวจนครบาลดินแดง ได้เข้าหารือกับผู้นำแฟลตแล้ว เพื่อป้องกันและหาทางแก้ไขปัญหา รวมถึงพบว่ากลุ่มผู้ที่ก่อความวุ่นวายบางส่วน แต่งกายคล้ายบุคลากรทางการแพทย์ หรือสื่อมวลชน แฝงตัวเข้าร่วมชุมนุมด้วย ขอให้อาสาสมัครทางการแพทย์และสื่อมวลชนที่แท้จริง แยกบุคคลเหล่านี้ออกจากกลุ่ม เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดขึ้น

รวบ 3 โจ๋ทะลุแก๊สป่วน 5 ก.ย.

ส่วนการชุมนุม เมื่อวันที่ 5 ก.ย. พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ในส่วนของการจัดกิจกรรมของกลุ่มนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ บริเวณแยกอโศก ไม่มีเหตุการณ์รุนแรง แต่การชุมนุมบริเวณแยกดินแดงมีการขว้างปา สิ่งของ พลุ ประทัด ระเบิดปิงปอง ระเบิดแสวงเครื่อง จุดไฟเผาทรัพย์สินของทางราชการและเอกชน รวมถึงลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่และประชาชน จับกุมผู้กระทำผิดได้ 3 คน ฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ร.บ.ควบคุมโรคฯ และสมคบกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ย้ำเตือนว่า ผู้ต้องหาที่เป็นเด็กและเยาวชน หากพบว่าพ่อแม่ผู้ปกครองปล่อยปละ ละเลยให้มีการกระทำผิดกฎหมาย จะต้องมีส่วนรับผิดชอบตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯด้วย

อุปกรณ์ในอุโมงค์ทางลอดถูกเผา

วันเดียวกัน เพจเฟซบุ๊กสำนักการระบายน้ำ กทม. โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า คืนวันที่ 5 ก.ย. กลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณแยกดินแดง ทำลายทรัพย์สินราชการ ทุบทำลายจุดไฟเผาเสียหาย ประกอบด้วยตู้ควบคุมหลัก ตู้ควบคุมระบบไฟฟ้าแสงสว่าง ตู้ควบคุม ระบบเครื่องปรับอากาศ ตู้ควบคุมระบบเครื่องสูบน้ำ ตู้ควบคุมวัดระดับน้ำท่วมอุโมงค์ทางลอดดินแดง และระบบกล้อง CCTV ภายในอุโมงค์ทางลอดดินแดง ทั้งนี้ ต้องขออภัยในความไม่สะดวกและอาจเกิดอุบัติเหตุได้เนื่องจากขาดไฟฟ้าแสงสว่างในอุโมงค์ หากมีฝนตกหนักจะเกิดปัญหาน้ำท่วมในอุโมงค์ทางลอดด้วย นายณรงค์ เรืองศรี ผอ.สำนักการระบายน้ำ กล่าวว่า ได้แก้ไขชั่วคราว ใช้รถ mobile ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้า พร้อมตู้ควบคุมระบบต่างๆ รวมทั้งแจ้งความ สน.ดินแดงแล้ว

เพจเชียร์ลุงแจ้งจับจาบจ้วง

อีกด้านหนึ่ง เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ สน.บางพลัด น.ส.วริษนันท์ ศรีบวรธนกิตติ์ หรือแอดมินเจน เพจเชียร์ลุง นายฐิติวัฒน์ หรือเอ ธนการุณย์ (บุคคลที่ในหลวงรัชกาลที่ 10 ตรัสให้กำลังใจว่า “กล้ามาก เก่งมาก ขอบใจ” พร้อมมวลชนภาคีประชาชนปกป้องสถาบันและประชาชนของพระราชาจำนวนหนึ่งเข้าพบ ร.ต.ท.กีรติ พูลจันทร์ รอง สว. (สอบสวน) สน.บางพลัด แจ้งความคดี ม.112 แก่บุคคลที่โพสต์เฟซบุ๊กจาบจ้วงสถาบันฯ 29 รายชื่อ น.ส.วริษนันท์ กล่าวว่า มีประชาชนจำนวนมากส่งข้อมูลบุคคลโพสต์ข้อความ รูปภาพลงเฟซบุ๊กส่วนตัว รวมไปถึงคอมเมนต์และแชร์โพสต์เนื้อหาจาบจ้วง ล่วงเกิน ดูหมิ่น ใส่ความ หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาต มาดร้ายพระมหากษัตริย์ มีเจตนาทำลายสถาบันฯ ตรวจสอบเฟซบุ๊กตัวจริง 29 รายชื่อ ยื่นเป็นหลักฐานแจ้งความ นอกจากนี้ ตัวแทนจากศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) จะเข้าแจ้งความในลักษณะเดียวกันอีก 26 รายชื่อ ที่ สน.สำราญราษฎร์