ม็อบไล่นายกฯแยกอโศก ตั้งเวทีขนาดเล็กข้างเทอร์มินอล 21 เลี่ยงผลกระทบจราจร นำหุ่นฟางหุ้มผ้าดิบเลียนแบบศพมาห้อยไว้บนสกายวอล์ก สะท้อนให้เห็นความล้มเหลวรัฐแก้โควิด บก.ลายจุด เผยการไว้วางใจนายกฯของพรรคร่วมรัฐบาลเหมือนตบหน้าประชาชน ลั่นจากนี้แยกอโศกจะมีแฟลชม็อบ 2-3 ชั่วโมงแบบต่างประเทศทุกวัน วัดใจใครจะล้าก่อนกันระหว่างประชาชนกับรัฐ “เต้น” ชี้วันนี้แค่ซ้อม รอนัดใหญ่เคลื่อนขบวนทั้งรถทั้งคน ระบุเหตุการณ์ในการอภิปรายรัฐบาลไม่เหมือนเดิม หากมีพลังประชาชนเป็นแรงหนุนจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น บช.น.แถลงสรุปภาพรวมการชุมนุมพร้อมแสดงความเสียใจกรณีชายขี่ จยย.ชนตู้คอนเทนเนอร์ดับกลางดึกที่ผ่านมา

...

ไล่นายกฯปรับเวทีแก้รถติด

การชุมนุมขับไล่รายวัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่ถูกกล่าวหาบริหาร งานมา 7 ปี ไม่มีอะไรดีขึ้น เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 5 ก.ย. ที่แยกอโศกมนตรี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติหรือ นปช. ร่วมกับนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ผู้ริเริ่มจัดกิจกรรมแบบคาร์ม็อบ นัดหมายมวลชนแนวร่วมจัดการชุมนุมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 2 ภายใต้สโลแกน “สู้ด้วยกัน ไล่ด้วยกัน#ไล่ประยุทธ์” มีมวลชนกลุ่ม ทะลุฟ้า กลุ่มมวลชนอาสา หรือ wevo กลุ่มการ์ด โปรเจคเมย์แฮม และกลุ่มแนวร่วมเสื้อแดง รับหน้าที่ จัดการพื้นที่ชุมนุม เปลี่ยนแผนตั้งเวทีใหม่เลี่ยงการปิดสี่แยกอโศกให้รถราที่มาจากถนนสุขุมวิทวิ่งได้ปกติเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบด้านการจราจร ใช้เฉพาะ พื้นที่ถนนอโศกมนตรี ข้างศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 ติดตั้งเวทีขนาดเล็ก

ห้อยหุ่นคนตายสื่อแก้โควิดเหลว

ขณะเดียวกัน กลุ่มทะลุฟ้านำผ้าดิบสีขาวความยาว 20 เมตร มาปูบนพื้นถนนให้ประชาชนที่มาร่วมเขียนข้อความถึงรัฐธรรมนูญที่ต้องการ ทั้งนำ หุ่นฟางหุ้มผ้าดิบขาวเลียนแบบผู้เสียชีวิตมาห้อยไว้บนสกายวอล์กสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสอโศก ให้ประชาชน ที่ผ่านไปมาที่บริเวณแยกอโศกเห็นเพื่อสื่อถึงผู้เสียชีวิต จากความล้มเหลวในการแก้ปัญหาโรคโควิด-19 ของ รัฐบาล มีกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนเสื้อแดงทยอยเดินทางเข้าพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

ไว้ใจนายกฯเหมือนตบหน้า ปชช.

นายสมบัติกล่าวว่า การโหวตให้คะแนนไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ของพรรคร่วมรัฐบาลเหมือนตบหน้าประชาชน ไม่ได้อยู่บนหลักประชาธิปไตย อยู่ที่พวกใคร พวกมัน การแสดงออกวันนี้เป็นการแสดงปฏิกิริยาว่า เราไม่ยอมรับและไม่ทน หาก พล.อ.ประยุทธ์ยังอยู่ต่อ จะมีคนออกมาทุกวัน จากนี้ที่สี่แยกอโศกจะเป็นป้อมค่าย ในวันที่ 6 ก.ย. จะปรับแผนใหม่ในแบบคาร์ม็อบผสม กับม็อบที่ชุมนุมบนถนน จะเชิญชวนให้คนที่เคยขับรถ มาร่วมกับเราในคาร์ม็อบ 5 ครั้งที่ผ่านมา ขับมาที่ แยกอโศกมากดแตรยาวๆ วันนี้จะประกาศจุดที่จะ รวมตัวคาร์ม็อบจากนอกเมืองที่ไหนบ้าง ตนจะอยู่ที่ เวทีแยกอโศกเพื่อรอรับขบวน ส่วนนายณัฐวุฒิจะไป ตั้งจุดรับที่จะเคลื่อนเข้ามา ยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหลายครั้งเกิดขึ้นนอกสภา หากประชาชนไม่ยอมแพ้มุ่งมั่นแสดงเจตจำนงที่ชัดเจน พลังเหล่านี้ จะสะท้อนออกไปยังรัฐบาล และถ้าแข็งแรงเพียงพอจะกดดันให้ฝ่ายการเมืองมาร่วมกับเราได้

วัดใจรัฐกับ ปชช.ใครจะล้าก่อน

นายสมบัติกล่าวต่อว่า ที่แยกอโศกจะชุมนุมทุกวันเพราะถือเป็นป้อมค่าย แต่จะไม่ชุมนุมแบบพักค้างแรม แค่ 3-4 ชั่วโมงต่อวัน คล้ายแฟลชม็อบที่มีในต่างประเทศ เหมือนในหนังที่เกี่ยวกับเอเลี่ยน เวทีจะเป็นยานแม่ ส่วนคาร์ม็อบจะเป็นยานลูก แต่จะ ไม่ใช้วิธีจอดรถที่แยกอโศก เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิด ความเดือดร้อน ตอนนี้อยู่ที่ว่าใครจะล้าก่อนกันระหว่าง ประชาชนกับรัฐ ถ้าประชาชนไม่ล้าแรงกดดันจะอยู่ที่รัฐ ขึ้นอยู่กับประชาชนว่ามีความสามัคคีและมีวินัยพอที่จะมาเจอกันที่นี่ทุกวันหรือไม่ ส่วนแกนนำไม่ล้าแน่นอนเพราะตนเพิ่งโดนคดีแค่ 3 คดี ยังได้อีกเยอะ

“เต้น” โว วันนี้แค่ซ้อมรอนัดใหญ่

ด้านนายณัฐวุฒิกล่าวว่า กลไกทางรัฐสภาของประเทศนี้ถูกเหยียบย่ำไม่เป็นชิ้นดี มีการใช้วิธีการสกปรกกันในสภา แม้จะไม่ปรากฏพยานหลักฐาน แต่เชื่อว่าประชาชนที่ติดตามสถานการณ์คงรับรู้ได้ แต่เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ผ่านความเห็นชอบจากสภาให้ทำหน้าที่ต่อ ในส่วนของประชาชนที่มองว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่นายกฯอีกต่อไป ต้องจัดชุมนุมและแสดงกิจกรรมที่สอดคล้องกับสถานการณ์เพื่อขับไล่ทุกวัน ยอมรับว่าวิกฤติโควิด-19 ยังเป็นอุปสรรคในการชุมนุมบนถนน แต่การแสดงพลังแบบคาร์ม็อบเห็นได้ชัดว่าสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ดังนั้นทุกเย็นจะหา เพื่อนฝูงมาร่วมกันจัดคาร์ม็อบ จุดนัดหมายที่แยกอโศก จะมาร่วมกันตั้งแต่ 16.00-20.00 น. แค่ผ่านเพื่อบีบแตรเท่านั้น วันนี้ถือเป็นการซ้อม เพราะเริ่มมีรถมาบีบแตรให้เห็นตามที่วางแผนไว้ จะทำทุกวัน รอวันนัดใหญ่ ที่จะเคลื่อนขบวนทั้งรถทั้งคนที่มีสัญลักษณ์แบบเดียวกัน ส่วนจะเป็นเมื่อไหร่ขอทำการบ้าน 2-3 วันก่อน

ชี้ รบ.มีสนิมจากเนื้อใน

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้รับการยอมรับจาก ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาลหรือแม้แต่แกนนำพรรคพลังประชารัฐแล้ว จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสภาช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่เชื่อว่าหลังจากนี้จะรักษาเสถียรภาพไว้ได้ไม่ว่าจะประคับ ประคองอย่างไร ก็ไม่สนิทใจกันเหมือนเดิม จะต้องเกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง สนิมเหล็กเกิดจากเนื้อใน เมื่อเกิดรอยแบบนี้แล้ว พลังของประชาชนอาจเป็นแรงหนุนส่งให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในที่สุด ประกอบกับเรามีแนวทางชัดเจนว่าไม่บวกไม่ลุย หากเจ้าหน้าที่มาสลายการชุมนุมก็เท่ากับขาดความ ชอบธรรม เพราะเราตั้งใจจะทำให้เกิดผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุดและทำอย่างไรให้เกิดการจับจ่ายสินค้าในละแวกนี้ให้มากขึ้น

บก.ลายจุดเปลี่ยนชื่อบิ๊กตู่

ต่อมาเวลา 19.00 น. บรรยากาศการชุมนุม ของม็อบไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ที่บริเวณแยกอโศก บนเวที มีการแสดงดนตรีของนายโชคดี ร่มพฤกษ์ การแสดงของกลุ่มนักเรียนเลว ที่เรียกร้องให้ยุติการเรียนออนไลน์ เพื่อประท้วงความล้มเหลวในการจัดการศึกษาออนไลน์ ของกระทรวงศึกษาฯ จากนั้นมีการสลับปราศรัย โจมตีความล้มเหลวในการบริหารงานของนายกรัฐมนตรี ด้านต่างๆ อาทิ นายทรงพล สนธิรักษ์ แกนนำกลุ่ม ทะลุฟ้า น.ส.กุลจิรา ทองคง หรือ “เอ้” ผู้ประกวดรายการ The Voice Season 3 น.ส.สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้สูญหายในประเทศกัมพูชา นายพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย อดีตแกนนำ นปช. ฯลฯโดยเฉพาะ การปราศรัยของนายสมบัติ บุญงามอนงค์ เรียกเสียงฮา จากกลุ่มผู้ชุมนุมมากที่สุด เนื่องจากเสนอไอเดียให้เปลี่ยนชื่อสะพานควาย มาเป็นสะพานประยุทธ์ และให้เปลี่ยนชื่อเรียกตัววรนุชเพศผู้ว่า ตัวประยุทธ์แทน

“เต้น” นัดต่อม็อบ 6 ก.ย.ที่เดิม

จนกระทั่งเวลา 19.30 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ขึ้นเวทีปราศรัยกล่าวว่า การชุมนุมหลังจากนี้จะมีขึ้นทุกวัน และนอกจากการปราศรัยแล้ว จะมีกิจกรรมต่างๆ เช่น วันถนนอาหาร วันถนนวัฒนธรรม ฯลฯ ยืนยันไม่มีบวกไม่มีลุย พาลูกพาหลานมาได้ ส่วนการจัดคาร์ม็อบมารวมกับม็อบบนถนนที่แยกอโศก วันที่ 6 ก.ย. เวลา 16.00 น. ตนจะขับรถนำคาร์ม็อบจากราชประสงค์มุ่งมาที่แยกอโศก และจะบีบแตรก่อนขับวนไปแยกสุขุมวิท กิจกรรมจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆทุกวันไม่นาน เมื่อพร้อมก็จะขยับเป็นทัพใหญ่ทันที หลังนายณัฐวุฒิปราศรัยเสร็จ ได้เปิดเพลง “เราคือเพื่อนกัน” ของวงดนตรีสามัญชน และชวนมวลชนเปิดแฟลชโทรศัพท์มือถือชูตามจังหวะเพลง และเมื่อเวลา 20.04 น. จึงยุติการชุมนุม

“ทะลุแก๊ส” บอมบ์กรมดุริยางค์

ส่วนความเคลื่อนไหวที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดงที่มีการปะทะระหว่างตำรวจ คฝ.และมวลชนวัยรุ่นแทบจะทุกวัน เมื่อเวลา 17.00 น. วันเดียวกัน ที่บริเวณแยกดินแดง มีกลุ่มวัยรุ่นจำนวนหนึ่ง ขี่รถจักรยานยนต์มารวมตัวกัน มีการปาประทัดยักษ์ และระเบิดปิงปองเสียงดังขึ้นหลายครั้ง แต่ยังไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรง จนกระทั่งเวลา 17.30 น. กลุ่มวัยรุ่นบางส่วนได้ขี่รถจักรยานยนต์มาที่ด้านหน้ากรมดุริยางค์ทหารบก จากนั้นได้ขว้างประทัดยักษ์ และระเบิดปิงปองเข้าไปด้านใน ที่เชื่อว่ามีกำลังตำรวจ คฝ.อยู่ ก่อนจะกลับมารวมตัวกันที่บริเวณใกล้กับทางลง ทางด่วนดินแดง พร้อมบีบการจราจรให้รถที่จะลงทางด่วนดินแดงต้องใช้ช่องจราจรขวาสุด และมีกลุ่มวัยรุ่นบางส่วนไปรวมตัวที่หน้าปั๊มน้ำมันเชลล์ และปาประทัดยักษ์กับระเบิดปิงปองบริเวณกรมดุริยางค์ทหารบก เป็นระยะอีก

ตร.โต้ด้วยแก๊ส–กระสุนยาง

เวลา 18.30 น. หลังถูกกลุ่มวัยรุ่นป่วนปาประทัดยักษ์ใส่ที่ตั้ง เจ้าหน้าที่ได้ยิงแก๊สน้ำตา และกระสุนยางออกจากกรมดุริยางค์ทหารบก ทำให้กลุ่มวัยรุ่นต้องวิ่งหลบหนี เบื้องต้นพบชายวัยรุ่น 1 คน บาดเจ็บที่ขาซ้าย คาดว่าถูกเจ้าหน้าที่ยิงกระสุนยางใส่ เพื่อนๆรีบพาออกมาให้พ้นรัศมีกระสุนยางและแก๊สน้ำตาเพื่อปฐมพยาบาล จากนั้นกลุ่มวัยรุ่นได้เผากรวยยางบริเวณบนถนนวิภาวดีรังสิต ขาออก ใกล้กับกรมดุริยางค์ทหารบก พร้อมกับขว้างประทัดยักษ์และระเบิดปิงปองเข้าไปในกรมดุริยางค์อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตำรวจ คฝ. ประกาศเตือนกลุ่มวัยรุ่นที่รวมตัวให้เลิกการกระทำและเดินทางกลับทันที หากยังเพิกเฉยมีการกระทำผิด เจ้าหน้าที่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าบังคับใช้กฎหมาย พร้อมยิงแก๊สน้ำตาเพื่อสลายการรวมตัวของกลุ่มวัยรุ่นที่ยังคงอยู่ด้านหน้ากรมดุริยางค์ทหารบก ทำให้วัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวถอยร่นกลับไปตั้งหลักที่แยกดินแดง

รถน้ำจีโน่พร้อม คฝ.กระชับพื้นที่

จากนั้นเวลา 19.40 น. กลุ่มวัยรุ่นได้ทยอยมาสมทบที่ด้านหน้ากรมดุริยางค์ทหารบก โดยรวมตัวกันอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต ฝั่งขาออก ทำให้การจราจรบริเวณดังกล่าวต้องปิดไปโดยปริยาย ต่อมาเวลา 20.00 น. เจ้าหน้าที่ คฝ.ได้นำรถน้ำจีโน่ออกจากที่ตั้งเคลื่อนกระชับเข้าพื้นที่บริเวณด้านหน้ากรมดุริยางค์ทหารบก ต่อเนื่องไปจนถึงบริเวณทางลงด่วนดินแดง พร้อมตั้งแนวกำลังบริเวณช่วงทางลงด่วนดินแดง ขอความร่วมมือสื่อมวลชนให้ขึ้นไปอยู่บนทางเท้าบริเวณป้ายรถประจำทาง เพื่อความปลอดภัย และไม่กีดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ ขณะที่กลุ่มวัยรุ่นยิงพลุไฟใส่แนวเจ้าหน้าที่เพื่อเป็นการตอบโต้ ก่อนถอยร่นไปตั้งหลักที่แยกดินแดง

น.เตือนรายวันชุมนุมผิด ก.ม.

ก่อนนี้เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.และโฆษก บช.น. เผยว่า วันนี้มีนัดหมายชุมนุมทางการเมือง 2 จุด จุดแรก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด นัดจัดกิจกรรม ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่แยกอโศกในช่วง 16.00 น. อีกจุดคือ กลุ่มทะลุแก๊ส ที่แยกดินแดง ในส่วนการชุมนุมที่แยกอโศก ตำรวจจะปรับเปลี่ยนแผนและกำลังไปตามสถานการณ์ ทั้งในเรื่องของการจราจร และการติดตั้งเครื่องกีดขวาง ทั้งนี้ ขอเตือนว่า การชุมนุมและการรวมตัวกันจัดกิจกรรมมีคนจำนวนมากในขณะนี้มีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.ควบคุมโรคฯ ผู้ที่ชักชวนและผู้ที่มาร่วมกิจกรรมจะมีความผิดตามกฎหมาย

ล่าตามภาพ 10 โจ๋ทะลุแก๊ส

พล.ต.ต.ปิยะกล่าวต่อว่า ส่วนการชุมนุมเมื่อวานนี้ของกลุ่มรีเดม นัดรวมตัวหน้าสถานทูตสวิตเซอร์ แลนด์เคลื่อนมาแยกราชประสงค์ จากนั้นปิดจราจรและปราศรัย ภาพรวมไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น ส่วนกลุ่มที่ 2 กลุ่มทะลุแก๊สที่แยกดินแดงมีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น มีการทุบทำลายทรัพย์สินราชการและสาธารณประโยชน์ เช่น กล้องวงจรปิด สัญญาณไฟจราจร ปาประทัดยักษ์ เผาทำลายรั้ว บริเวณกรมดุริยางค์ทหารบก ถนนวิภาวดี มีทรัพย์สินเสียหาย วางเพลิงเผายางรถยนต์ ตำรวจมีภาพหลักฐานของผู้กระทำผิดกว่า 10 คนที่อยู่ระหว่างสืบสวนติดตามตัวมาดำเนินคดี และเตรียมรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลออกหมายเรียกและหมายจับ

คนขายพลุประทัดให้ม็อบพันยา

พล.ต.ต.ปิยะกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังพบว่า มีผู้กระทำผิดอย่างน้อย 5 คนที่เกี่ยวข้องกับการขายพลุ และประทัด ที่ถูกนำมาใช้ในการชุมนุมทางการเมือง เบื้องต้นพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติดอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีตามกฎหมาย ในส่วนของแกนนำผู้ชุมนุม ตำรวจออกหมายเรียกไปแล้ว 8 หมาย มีแกนนำบางส่วนทยอยเข้าให้ปากคำไปบ้างแล้ว ส่วนการดำเนินคดีการชุมนุมทาง การเมือง ตั้งแต่ ก.ค.-ส.ค. ตำรวจดำเนินคดีไปแล้ว 176 คดี มีผู้ต้องหา 660 คน จับดำเนินคดีไป 403 คน ขอย้ำเตือนถึงผู้ปกครอง ที่ปล่อยปละละเลยให้เด็กและเยาวชน ออกมาร่วมกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความวุ่นวาย ผู้ปกครองต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย

เสียใจขี่ จยย.ชนตู้คอนเทนเนอร์

พล.ต.ต.ปิยะกล่าวถึงกรณีเมื่อคืนนี้มีชายขี่รถจักรยานยนต์ชนตู้คอนเทนเนอร์ที่วางสกัดการชุมนุมใกล้อาคารรัฐสภาเสียชีวิต ว่า ในส่วนนี้ ผกก.สน.บางโพ ได้กำกับดูแลการสอบสวน เพื่อความเที่ยงธรรมและรอบคอบ มีการสอบปากคำเพื่อนผู้ตายที่ร่วมรับประทานอาหารและดื่มสุรากันก่อนจะออกจากบ้านและมาประสบอุบัติเหตุ อยู่ระหว่างการรอผลชันสูตรพลิกศพของผู้ตาย ขอแสดงความเสียใจกับผู้ตายด้วย ส่วนการระมัดระวังของเจ้าหน้าที่นั้น เมื่อวานนี้มีตำรวจจราจรกลาง เป็นผู้ที่คอยอำนวยความสะดวกการจราจร และดูแลความเรียบร้อยตามระเบียบอยู่แล้ว คงจะเข้าสู่กระบวนการสอบสวนดำเนินการไปอย่างตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ ส่วนมาตรการการตั้งหรือเก็บตู้คอนเทนเนอร์บริเวณใกล้อาคารรัฐสภา ซึ่งค่อนข้างมืด หลังจากนี้ ได้ประสานกับกรุงเทพมหานคร เพื่อติดไฟส่องสว่างเพิ่มเติมในหลายๆถนนที่มีความเสี่ยง เพื่อให้เกิดความปลอดภัย

ลูกจ้างร้านอาหารขี่ จยย.ชนดับ

ส่วนรายละเอียดอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อตีหนึ่งครึ่ง วันที่ 5 ก.ย. ร.ต.อ.ถวัลย์ศักดิ์ ถ่องแท้ รอง สว. (สอบสวน) สน.บางโพ ไปสอบสวนเหตุรถ จยย.พุ่งชนตู้คอนเทนเนอร์มีผู้เสียชีวิต หน้าบริษัท สามเสนบริวเวอรี่ จำกัด ถนนสามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ เป็นถนน 4 เลน พบรถโฟร์กลิฟต์ สีเหลือง ขณะขนย้ายตู้คอนเทนเนอร์ที่วางสกัดกลุ่มผู้ชุมนุมจอดขวางถนน ใกล้กันพบศพนายนภวิท ณ ราชสีมา อายุ 50 ปี แขนซ้ายท่อนบนหักผิดรูป ซี่โครงหัก ห่างออกไป 10 เมตรพบรถ จยย.ฮอนด้า คลิก สีดำ-ส้ม ทะเบียน ฬรษ 436 กทม. ของผู้ตายล้มคว่ำ สอบสวนทราบว่า ผู้เสียชีวิตเป็นลูกจ้างอยู่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใกล้ที่เกิดเหตุ ขณะขี่รถ จยย.กลับบ้านพร้อมเพื่อนอีก 1 คันมาถึงที่เกิดเหตุ มีเจ้าหน้าที่ขนย้ายตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อนผู้ตายหยุดรถ ส่วนผู้ตายไม่ยอมหยุดขี่พุ่งชน ตู้คอนเทนเนอร์เต็มแรงจนเสียชีวิต มอบศพให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯนำส่งโรงพยาบาลวชิระฯเพื่อผ่าพิสูจน์อย่างละเอียดต่อไป

คาร์ม็อบเมืองชลฯตะลุยทัพเรือ

ส่วนการเคลื่อนไหวของม็อบขับไล่รัฐบาลในต่างจังหวัด เมื่อเวลา 16.00 น. วันเดียวกัน ที่วงเวียนปลาโลมา เมืองพัทยา จ.ชลบุรี กปช.และคณะไทยไม่ทน โดยนายวันเฉลิม กุนเสน กรรมการประชาชนขับไล่เผด็จการแห่งชาติ และเจ๋ง ดอกจิก หรือนายยศวริศ ชูกล่อม แนวร่วม นปช. รวมพลจัดกิจกรรมคาร์ม็อบพัทยา ครั้งที่ 4 ตะลุยทัพเรือไล่ประยุทธ์ เส้นทางพัทยา-สัตหีบ มีผู้ร่วมกิจกรรมราว 100 คน เคลื่อนขบวนรถยนต์ราว 50 คัน และรถ จยย. 30 คัน นำด้วยรถเครื่องเสียงจากวงเวียนปลาโลมาไปตามถนนเลียบชายหาดเมืองพัทยา ก่อนเข้าถนนพัทยาใต้และตัดออกถนนทัพพระยาเข้าถนนเทพประสิทธิ์ ก่อนจะไปออกถนนสุขุมวิทเพื่อไปยื่นหนังสือต่อผู้บัญชาการกองทัพเรือ

เผาพวงหรีด 2 ส.ส.ไว้วางใจบิ๊กตู่

ระหว่างทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้หยุดรวมตัวหน้าที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ ริมถนนสุขุมวิท ชุมชนบ้านเตาถ่าน ร่วมกันนำพวงหรีดโดยระบุชื่อ ส.ส. ดร.สะถิระ เผือกประพันธุ์ และ ส.ส.ขวัญเลิศ พาณิชมาท ที่โหวตให้การสนับสนุนไว้วางใจนายก รัฐมนตรี พร้อมเผาพวงหรีด ก่อนจะเคลื่อนขบวนไปยังจุดนัดพบหน้าประตูทางเข้ากองบัญชาการกองเรือยุทธการ เพื่อยื่นหนังสือต่อกองทัพเรือ ให้อยู่เคียงข้างประชาชน โดยมีนาวาโท ธีรพงษ์ ศรีสวัสดิ์ นายทหารเวร เป็นผู้แทนรับมอบเพื่อส่งมอบหนังสือต่อไปยังผู้บัญชาการทหารเรือ

ขณะที่นายวันเฉลิม กุนเสน แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม CAR MOB พัทยา พร้อมด้วยม่อน อาชีวะ จอมพลปฏิวัติ และเจ๋ง ดอกจิก ได้ร่วมกันปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อย่างดุเดือด พร้อมบีบเสียงแตรลั่นถนน โดยการชุมนุมปราศรัยครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 30 นาที กลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนกลับไปรวมตัวกันยังหน้าศาลาที่ว่าการเมืองพัทยา เพื่อปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาลต่อไป