“วิถีแห่งธรรม คืออย่างไร” คำถามจากผู้มาเยือน “ก้อนเมฆบนท้องฟ้า น้ำในแจกัน” คำตอบจากพระอาจารย์เซน ฟังแล้วพอเข้าใจ และน่าจะยิ่งกระจ่าง เมื่อมีคำอธิบาย “ไม่ต้องวิตกกังวลว่า เมื่อไรเมฆจะกลายเป็นน้ำ และเมื่อไรน้ำจะกลายเป็นเมฆ”

ผมเล่าเรืองนี้ให้เพื่อนใกล้ๆตัวฟัง เห็นเพื่อนทำท่างง จึงต้องบอกต่อ ความหมายของวิถีแห่งธรรม ก็คือการมีชีวิตอยู่อย่างปกติธรรมดา ตัวอย่างเช่นในสถานการณ์โควิด-19 เราก็แค่หาความสุขอยู่ให้ได้ในบ้าน

แต่ในหนังสือ เรื่องง่ายๆ ความหมายดีๆ (สำนักพิมพ์อินสไปร์ พ.ศ.2553) เรื่องที่ 38 กาที่ถูกรังเกียจ มีคำอธิบายท้ายเรื่องว่า
“น้ำนิ่งย่อมกลายเป็นน้ำเน่า” นี่คือน้ำนิ่ง อีกความหมายหนึ่ง

น้ำนิ่งย่อมกลายเป็นน้ำเน่า หากเราไม่ปรับตัว ไม่ขยันเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ในที่สุดเราก็จะล้าหลัง พ่ายแพ้ และถูกรังเกียจ

คนประสบความสำเร็จ มีจุดเด่นที่เห็นได้ชัด คือมักแสวงหาความก้าวหน้า กลัวความไม่สามารถปรับสิ่งที่กำลังทำเข้ากับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ กลัวความสามารถในการแข่งขันจะลดลง

คำแนะนำสำหรับผู้นำ...ทุกเช้าเมื่อเริ่มต้นทำงาน ควรตั้งใจทำวันนี้ให้ดีกว่าวันวาน ถ้าทำได้ เพียงหนึ่งปีให้หลัง ท่านผู้นำท่านนั้นจะมีความก้าวหน้า มั่นคงต่อไปบนเก้าอี้

เลือดในกายของมนุษย์สร้างใหม่อยู่เสมอ จึงจะรักษาสุขภาพร่างกายที่ดีไว้ได้ เช่นเดียวกันหากต้องการรักษาระดับการทำงานไม่ให้ถอยหลัง ต้องสร้างวิธีใหม่ ความคิดใหม่ๆไม่ขาด

หากต้องการความก้าวหน้า จำเป็นต้องสัมผัสความเป็นไปของโลกภายนอกให้มากที่สุด จัดเวลาไปหาเพื่อนร่วมงาน คุยหาวิธีการทำงานใหม่ๆ ความคิดใหม่ๆ

วิธีการนี้คือการเพิ่มเม็ดเลือดใหม่ในกระแสหมุนเวียนของร่างกาย ให้ร่างกายมีชีวิตชีวา

...

“การทำงานของเราในวันนี้ มีส่วนที่จะต้องปรับเปลี่ยนอีกหรือไม่?” นี่คือประโยคที่ผู้นำองค์กรทุกคน ควรเขียนใส่กรอบตั้งไว้บนโต๊ะทำงาน และอ่านมันตอนเช้าวันละครั้ง

จบคำอธิบายความหมายดีๆแค่นี้ แล้วย้อนไปอ่าน เรื่องง่ายๆ ...ที่เขียนไว้ตอนต้น

กาตัวหนึ่ง ตัดสินใจย้ายถิ่น เริ่มบินไปทางทิศตะวันออก ระหว่างทางเจอนกพิราบ สบตาถูกอัธยาศัยกัน จึงหยุดพักคุยกันบนต้นไม้

ท่วงท่าของกาที่บินอย่างเหน็ดเหนื่อย ลำบาก นกพิราบ หลุดคำถามแรก “นายจะบินไปถึงไหน”

“ที่จริง ฉันไม่อยากย้ายถิ่นทำกินไปที่ไหนไกลๆหรอก” กาตอบด้วยน้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจ “แต่เพื่อนๆในที่เก่า มักรุมรังเกียจเสียงร้องของฉัน เขาว่าเสียงฉันเป็นอัปมงคล ฉันจึงต้องย้ายไปเรื่อยๆ”

เสียงร้องของกา เคยมีคำร้องเล่นของเด็ก “กาเอ๋ยกา บินไปบินมา อีกาหน้าดำ เขาจำหน้าได้” พอรู้ๆกันอยู่ว่า นอกจากกาถูกรังเกียจเสียงร้อง ยังถูกรังเกียจว่าหน้าดำ

นกพิราบเข้าใจเรื่องนี้ดี บอกกาด้วยความหวังดี

“อย่าคิดมากไปเลยเพื่อน ตราบเท่าที่นายยังไม่เปลี่ยนเสียงร้องของตัวเอง ไม่ว่านายจะบินไปถึงไหน นายก็จะถูกรังเกียจเหมือนเดิม”

จบเรื่องเล่าเรื่องนี้ มีคำสอนสั้นๆว่า หากไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมได้ วิธีเดียวที่จะอยู่ในโลก อยู่เพื่อการเป็นผู้นำต่อไป คุณต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง

ผมเอาเรื่องในหนังสือมาเล่าจบแล้ว ก็นั่งงง เพราะยังสงสัย เรื่องนี้ควรจะเล่าให้ใครฟัง คนฟังจะเป็นใครก็ได้หรอกน่า! คนอยู่บนเก้าอี้สูง แต่ได้คะแนนต่ำ ละกระมัง.

กิเลน ประลองเชิง