วิกฤติโควิดยังสาหัสสากรรจ์ ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งทะลุนิวไฮทุกวัน 2 หมื่นกว่าราย ตายอีก 188 เห็นตัวเลขแล้วว้าวุ่นกลุ้มใจ ประชาชนคนไทยแพนิก ใช้ชีวิตกันยากเย็น

มาตรการล็อกดาวน์ยืดเวลา ขยายพื้นที่ของรัฐบาลถูกนินทา ค่อนขอด ซื้อเวลารอความหวัง แทบไม่เห็นผลเชิงรุก เอาแต่ตั้งรับ ตัวเลขยังดีดขึ้นวันแล้ววันเล่า คลัสเตอร์ใหม่ๆผุดขึ้นมาราวดอกเห็ด

ส่วนประชาชนรับกรรมซ้ำซาก ทำมาหากินกันลำบากกว่าเดิม นั่งเฝ้ารอวัคซีนที่กว่าจะมาก็ไตรมาส 4 ปาเข้าไปช่วงสุดท้ายปลายปี นับนิ้วแล้วยังอีกหลายเดือน หากนับเป็นวันคูณกับตัวเลขที่เห็นอยู่ตำตา ถึงวันนั้นผู้ติดเชื้อประเทศไทยจะมากกว่านี้อีกกี่เท่า

แล้วระหว่างนี้ทำอะไรกัน ดูเอื่อยเฉื่อย ไร้พลัง ไม่มีอะไรให้คาดหวังใจชื้น ล็อกดาวน์แต่ไม่เร่งตรวจเชิงรุก คัดแยก รักษา ส่งผู้ติดเชื้อกลับบ้าน แต่ไม่มีระบบสาธารณสุขรองรับผลย่อมเกิดจากเหตุ ผู้ติดเชื้อจึงพุ่งสูงขึ้นทั่วประเทศ

ต่อไปจังหวัดสีแดงเข้มอาจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การล็อกดาวน์อาจต้องขยายวงออกไป ทำมาหากินกันไม่ได้ เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า เจ็บแต่ไม่จบ เจ็บนี้อีกนาน

บรรดาหมอชื่อดัง ทั้งมือทำงาน ที่ปรึกษา ศบค. โดนนักเลงคีย์บอร์ดเสียดสี โขกสับหยาบคายระบายแค้น จนกระทรวงสาธารณสุขต้องนำทีมผู้บริหารมาตั้งแถวแถลงข่าวปกป้อง ยกขึ้นหิ้ง

ออกตัวให้หมอชื่อดังเป็นเพียงที่ปรึกษา เสนอแนะเชิงวิชาการ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกำหนดนโยบาย หรือจัดซื้อ จัดหาวัคซีนและเวชภัณฑ์

ดังนั้นบรรทัดนี้ขอให้เข้าใจตรงกัน หมอทำเพื่อประโยชน์ประเทศชาติ ไม่มีเรื่องธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง

แต่ที่โดนหนักกว่าใคร เช้า สาย บ่าย เย็น ต้องเห็นชื่อ เห็นหน้า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค. ผู้ถืออำนาจสูงสุด “ซิงเกิลคอมมานด์” แอนด์ “มาสเตอร์มายด์”

...

เวิร์กฟรอมโฮม นอนอยู่บ้านยังสะดุ้ง ยิ่งนับวันแนวร่วม “ไม่เอาลุง” ยิ่งไหลมาเทมาเป็นแม่น้ำหลากสาย

ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ สามนิ้ว เสื้อเหลือง เสื้อแดง ประกาศฝ่าดงโควิดลงถนน “ไล่ลุง” ให้โลกรู้ที่ฮือฮาก็ในราย “ไฮโซนัท” นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย ทายาทโนเบิลอสังหาฯ ประกาศเป็น “สลิ่มกลับใจ” ไปร่วมคาร์ม็อบไล่ลุงแบบออกหน้าออกตา พร้อมเชิญชวนแนวร่วมเดิม เลิกอายออกมาร่วมด้วยช่วยกัน

ภาพของอดีตสาวก กปปส. ไปขอโทษนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง กราบขอโทษ 2 อดีตนายกฯ นายทักษิณ-น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บาดตาบาดใจไปถึงค่ายสีฟ้า จนเป็นดราม่าด่ากันหอมปากหอมคอ

แต่ที่ด่ากันหนักแทรกคิวโควิดขึ้นมาเป็นประเด็นร้อนทางการเมือง “ก้าวไกล-เพื่อไทย” ใส่กันยับปมโหวตปรับลดงบประมาณ 1.6 หมื่นล้าน ไปใส่เพิ่มไว้ในงบกลางให้ “ลุงตู่” ใช้สอยเร่งด่วนแก้โควิด

พรรคเพื่อไทยถูกตั้งคำถามจากพรรคก้าวไกล รวมทั้งเครือข่ายคนกันเอง หลังอภิปรายมาแรมเดือนจวกยับ “บิ๊กตู่” บริหารจัดการงบประมาณผิดพลาด แต่สุดท้ายกลับเอาไปเพิ่มให้ใช้แบบไม่ต้องมีใบเสร็จ

ตอกย้ำคำนินทา “วาระแฝง” ล้อต่อเนื่องไปถึงคิวอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่พรรคเพื่อไทยเผยไต๋รายชื่อรัฐมนตรีจับขึ้นเขียงซักฟอก ยกเข่งมากกว่า 10 ราย

หลังจากคุยโตมีหมัดเด็ดเน้นชกเป้าใหญ่เอาให้ตายคาเวที แต่สุดท้ายเหวี่ยงแหสะเปะสะปะ “งานเข้า” ตามสูตร ทั้งที่ตอนนี้ “รัฐบาลลุงตู่” เปรียบเหมือนมวยเมาหมัดรอเวลาวัดพื้น แต่กลับไปเต้นฟุตเวิร์ก แย็บไปแย็บมา รำคาญคนดู

ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน ชั่วโมงนี้วิกฤติโควิดคือเรื่องที่ต้องขยี้ขยาย ขืนไปเอาเรื่องอื่นมาอภิปรายแบบหน่อมแน้ม ไร้ข้อมูลเชิงลึก เรื่องทุจริตไม่มี คงไม่พ้นโดนคนนินทาเหมือนที่ผ่านมา

พอจะเห็นเค้าลางอนาคตอันใกล้ เวทีซักฟอกไฮไลต์ทีเด็ดของฝ่ายค้าน “ก้าวไกล-เพื่อไทย” คงไม่เน้นประสานงาน แต่เน้น “ประสานงา” ยึกยักกั๊กข้อมูลหวาดระแวงกันไปมา เดี๋ยวก็ด่ากันอีกรอบ

เห็นแล้วก็ละเหี่ยใจ การเมืองในระบบพึ่งหวังไม่ได้ ที่สบายไปก็ “รัฐบาลลุงตู่” ได้พักหายใจหายคอ ศึกซักฟอกไม่มีอะไรน่าห่วง ส.ส.เสียงข้างมากยกมือผ่านสบาย แถมฝ่ายค้านยังเปิดศึกภายใน ยังไงก็ฉลุย

ที่น่าห่วงกว่าคือกระแสภายนอก ความรู้สึกประชาชนที่กำลังคุกรุ่นร้อนแรง ศรัทธาเดินมาถึงจุดเปราะบาง เข้าขั้นวิกฤติ

คนเห็นต่างเริ่มน้อย มีแต่คนเห็นด้วยว่ามันไม่ไหวแล้ว.

ทีมข่าวการเมือง