แม้จะไม่มีตำแหน่งการเมืองอย่างเป็นทางการ แต่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ปัจจุบันประธานคณะก้าวหน้า ก็ยังออกมาวิพากษ์การบ้านการเมืองเป็นระยะๆ ด้วยน้ำเสียงค่อนข้างร้อนแรงในช่วงแรกๆ แต่ลดความเข้มข้น และมีน้ำเสียงที่สร้างสรรค์มากขึ้น ล่าสุดคือการวิจารณ์นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาล

เป็นการวิจารณ์นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพลังงาน ที่เรียกร้องผู้มีเงินออกใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้จีดีพีโตถึง 4% นาย ธนาธรบอกว่าเป็นการพูดที่ไม่รับผิดชอบ เพราะวันนี้คนไทยเป็นหนี้ครัวเรือนมากจนน่าตกใจถึง 90% ของจีดีพี รวม 14 ล้านล้าน บาท มีหนี้เฉลี่ยครัวเรือนละ 1.3 แสนบาท

เหตุที่นายสุพัฒนพงษ์ถูกวิจารณ์ เนื่องจากคนทั่วไปเห็นว่านายสุพัฒนพงษ์ เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล นายธนาธรชี้ให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่ไม่มีเงินออม หรือเงินเก็บ ทั้งประเทศมีบัญชีเงินฝากเกิน 1 ล้านบาท เพียง 1.4 ล้านบัญชี เป็นเพียงคนหยิบมือเดียว คนส่วนมาก 80% มีเงินฝากไม่ถึง 50,000 บาท จะเอาเงินไหนมากระตุ้นจีดีพี

ประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งความเหลื่อมล้ำ เรียกกันว่า “รวยกระจุกจนกระจาย” คนเพียงหยิบมือเป็นเจ้าของทรัพย์สิน และความมั่งคั่งของประเทศ เมื่อโดนฤทธิ์เดชของโควิดฟาดงวงฟาดงา คนจนบางส่วนต้องตกงาน ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะ “หาเช้ากินค่ำ” ต้องนั่งรอเงินแจกจากรัฐบาล ประทังชีวิตไปวันๆ

ภาวะทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน ไม่ได้ขาดแคลนเงิน หรือเป็นหนี้สินแค่เฉพาะประชาชน แม้แต่รัฐบาลก็มีปัญหา ต้องกู้เงินมาใช้จ่ายมหาศาล ตั้งแต่หลังโควิดระลอกแรกนับล้านล้านบาท เพื่อเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ รายงานข่าวระบุว่า ขณะนี้รัฐบาลมีเงินเหลืออยู่เพียง 2.4 แสนล้านบาท น่าสงสัยว่าจะพอจ่ายหรือไม่

...

รัฐบาลยืนยันว่าเรื่องเงินไม่มีปัญหา รัฐบาลมีเงินใช้จ่ายอย่างเพียงพอในการเยียวยาวิกฤติโควิด แต่นักเศรษฐศาสตร์บางคน สงสัยว่าอาจไม่เพียงพอ รัฐบาลอาจมีปัญหาสภาพคล่อง หรือภาวะถังแตก แต่รัฐบาลปฏิเสธคอเป็นเอ็น สถาบันทางเศรษฐกิจบางแห่งไม่เชื่อ และเสนอให้รัฐบาลกู้เงินเพิ่มอีก 2.4 ล้านล้านบาท

แม้รัฐบาลจะยินยอมกู้เงินเพิ่มตามที่ผู้เชี่ยวชาญเสนอแนะ แต่น่าสงสัยว่าจะไปหากู้ได้ที่ไหน เพราะรัฐบาลกู้ไปมากแล้ว ขณะนี้เป็นวิกฤติเศรษฐกิจ ได้รับผลกระทบจากโควิด ผู้เชี่ยวชาญเคยเชื่อว่าปี 2562 เป็นปี “เผาหลอก” ปี 2563 “เผาจริง” และโควิดระลอกใหม่จะทำให้ปี 2564 “เผาจริง” ซ้ำอีกหรือ?