ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้รัฐนาวา “เรือแป๊ะ” เจอโควิด-19 รอบ 3 เข้าไปต้องบอกเต็มกลืนคือกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ลำพังความรุนแรงของโรคระบาดก็หนักหนาอยู่แล้ว 2 รอบที่ผ่านมาถือว่า “สอบผ่าน” ก็ได้หน้าได้ตากันไป

แต่รอบนี้กลายเป็นว่า “ความจริง” ได้ถูกตีแผ่ออกมาว่ามีปัญหาขัดแย้งไม่ได้มีเอกภาพอย่างที่สร้างภาพกันเอาไว้

ทำให้การแก้ไขเกิดอุปสรรคไปกันคนละทิศละทางจนกินแหนงแคลงใจ จนต้องจัดระเบียบกันใหม่

ครม.ได้มอบอำนาจให้นายกฯรับผิดชอบ ตัดสินใจ สั่งการแต่เพียงผู้เดียว หากมุ่งหวังเพื่อให้การแก้ไขเป็นไปด้วยดี

ก็พอจะเข้าใจได้...

แต่มันไม่ใช่แค่นั้น เพราะถึงขั้นต้อง “ยึดอำนาจ” ควบคุมแต่เพียงผู้เดียวก็เท่ากับมีฝ่ายถูกอีกฝ่ายต้องผิดพลาด

เอากันให้ชัดๆก็คือ ระหว่าง “นายกฯ” กับ “รัฐมนตรี” ซึ่งต้องรับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” กับ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ยิ่งการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จัดระเบียบใหม่ไม่ตั้งให้เป็นกรรมการในชุดวัคซีน และอำนาจการสั่งการทั้งหมด

ก็เท่ากับชี้เป้าว่าความผิดพลาดเกิดจากใคร ตรงไหน

นั่นจึงทำให้เกิดแรงเหวี่ยงระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน ระหว่างนายกฯ กับภูมิใจไทย ถึงกับฟาดงวงฟาดงาใส่กันแล้ว

ภูมิใจไทยระบุว่าเป็นฝ่ายถูกกระทำ

อีกด้านหนึ่งประชาธิปัตย์ก็มีปัญหาในเรื่องการแต่งตั้งรัฐมนตรีดูแลพื้นที่ต่างๆ โดยนายกฯได้ให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ไปคุมจังหวัดภาคใต้

ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของประชาธิปัตย์

...

ทำให้ประชาธิปัตย์ไม่พอใจโวยวายขึ้นมาจนต้องระงับคำสั่งดังกล่าวกลับไปใช้ของเดิมแม้จะคลี่คลายไปได้

แต่ก็คงจะขุ่นใจกันไม่ต่างจากการเลือกตั้งซ่อมที่นครศรีธรรมราช

ว่าไปแล้วรัฐบาลชุดนี้ที่ตั้งขึ้นมาได้ต้องผ่านอุปสรรคมาไม่น้อย แต่เป็น “3 ป.” ต้องการสืบอำนาจต่อไป

จึงต้องหวานอมขมกลืนอยู่ไม่น้อย เพราะพรรคร่วมรัฐบาลมีอำนาจต่อรองมากกว่าทำให้ได้รับผิดชอบกระทรวงสำคัญไปทั้งหมด

ยังเรียกร้องให้ “ขึ้นป้าย” แก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นนโยบายเร่งด่วน

มิหนำซ้ำหลังจากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญตกไป ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์และชาติไทยพัฒนา ยังรวมหัวกันผลักดันให้เริ่มต้นกันใหม่

พลังประชารัฐต้องเสนอแก้ไขที่เน้นย้ำประเด็นที่ได้ประโยชน์เท่านั้น

ไม่แตะ “วุฒิสภา” อันเป็นหัวใจสำคัญในเชิงอำนาจ!

นั่นก็เท่ากับแสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งที่กินลึกยากที่จะลงเอยกันได้ง่ายๆ แต่มีความจำเป็นที่จะต้องเป็นรัฐบาลร่วมกันไปก่อน

จนกว่า “3 ป.” จะกุมสภาพการ เมืองได้และมั่นใจจะชนะการเลือกตั้ง

ว่ากันถึงการบริหารราชการแผ่นดิน จากนี้ไปคงไม่เหมือนเดิมได้อีกแล้ว อยู่ที่ว่าฝ่ายไหนจะเพลี่ยงพล้ำไปก่อนเท่านั้น

ยังไงเสียก็จัดการโควิด-19 ให้จบก่อนแล้วค่อยมาเปิดศึกใส่กัน!!!

“ลิขิต จงสกุล”