
น้อยไป-ช้าไป-ไม่มั่นใจ
การป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดที่รัฐบาลไทยคุยนักหนา สามารถจัดการได้ยอดเยี่ยมเป็นระดับต้นๆ ของโลก กลับมาอาละวาดฟาดงวงฟาดงา ทำให้การประชุมคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาถึงกับโกลาหล การประชุม ครม.ประจำสัปดาห์ ต้องยกเลิกเปลี่ยนเป็นการประชุมแบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์แทน แม้แต่การประชุมรัฐสภาวิสามัญก็เกือบล่ม
เป็นผลจากการกลับมาอาละวาดระลอกที่ 3 ของไวรัสโควิด-19 มีต้นตอสำคัญคือสถานบันเทิงหรูกลาง กทม. แพร่ระบาดไปในหลายจังหวัด เกี่ยวพันไปถึงรัฐมนตรีหลายคน แม้รัฐมนตรีทุกคนจะปฏิเสธไม่ได้ไปเที่ยวผับระดับไฮโซ แต่รัฐมนตรีท่านหนึ่งยอมรับติดโควิดจริง 60 รัฐมนตรี และ ส.ส.บางพรรค ต้องลา ประชุมทั้งพรรค
ข่าวแนะนำ
กทม.ซึ่งเพิ่งถูกปลดล็อกจากพื้นที่ที่ต้องคุมเข้มที่สุด ต้องกลายเป็นพื้นที่สีแดง พร้อมกับ 4 จังหวัดในเขตปริมณฑล การแพร่ระบาดรอบนี้จะเรียกว่ารอบใหม่ หรือระลอก 3 ก็ตาม ต้องถือว่าค่อนข้างน่าตกใจ เพราะแพร่ระบาดรวดเร็ว เหมือนกับไฟลามทุ่ง ในขณะที่รัฐบาลไทย ไม่ได้เตรียมรับมืออย่างพร้อมสรรพ
เป็นการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้น ขณะที่คนไทยทั้งประเทศเตรียมฉลองสงกรานต์ เทศกาลแห่งความรื่นเริงสุดๆ ของแต่ละปี ขณะเดียวกัน ประเทศไทยก็เตรียมเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจ ที่ซบเซามานานกว่าปี แต่น่าสงสัยว่ารัฐบาลเตรียมวัคซีนป้องกันโควิดพร้อมหรือไม่
มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล เรื่องการบริหารและการฉีดวัคซีนให้ประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่ที่ว่าจัดหาวัคซีนน้อยเกินไป ช้าเกินไป และฝากความหวังไว้กับวัคซีนแทบจะยี่ห้อเดียว แผนบริหารจัดการวัคซีนระบุว่า รัฐจะซื้อซิโนแวคจากประเทศจีน 2 ล้านโดส ซื้อจากบริษัทแอสตราฯ 61 ล้านโดส ฉีดได้ 31.5 ล้านคน
ผู้เชี่ยวชาญวิจารณ์ว่า 31.5 ล้านคน น้อยเกินไป เพราะไม่ถึงกึ่งหนึ่งของประชากรทั้งประเทศ ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าต้องฉีดให้ได้ถึง 70–80% ของประชากร จึงจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ ซ้ำยังชัดเจนว่ากว่า 30 ล้านคน จะได้ฉีดวัคซีนเมื่อไหร่ ถ้าต้องรอถึงสิ้นปีถือว่าช้าไป ช้ากว่ามาเลเซียและกัมพูชา ช้ากว่าพม่า
จนถึงวันที่ 7 เมษายน ทั่วโลก 151 ประเทศ ฉีดวัคซีนให้ประชาชนแล้ว 658 ล้านโดส แต่ประเทศไทยฉีดไปแค่จิ๊บจ๊อย ประมาณ 2.4 แสนโดส น่าเห็นใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีสาธารณสุข และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อาจต้องเสียเวลาดูแล 60 ส.ส.และรัฐมนตรีที่ลาประชุมสภาทั้งพรรค.