“บิ๊กตู่” ยันเคาะขั้นสุดท้ายปรับ ครม. “บิ๊กป้อม” สยบศึกในก๊ก พปชร.รุมทึ้งเก้าอี้ บอกส่ง 2 ชื่อแคนดิเดตรัฐมนตรีให้นายกฯพิจารณา “ชัยวุฒิ” มืองานประสาน กปปส.มีลุ้นนั่งเก้าอี้ใหญ่ รมว.ศธ. หรือเสียบแทน “อนุชา” ถ้าแม่บ้านพรรคได้ขยับตำแหน่งใหม่ให้สมฐานะ “ตรีนุช” ได้รางวัลเด็กดี เทใจหักค่ายเก่าทิ้งเพื่อไทยซบ พปชร.คั่ว รมว.วัฒนธรรมแทน “อิทธิพล” ที่อดีตบิ๊กทหารคนสำคัญออกแรงดันโยกไปคุมดีอีเอส ก๊วน “3 ช่วย” กินแห้ว ผู้ใหญ่ไม่เอาด้วยแผนกดดันเลื่อนชั้นยึด รมว. ฝ่ายค้านยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญฟังความเห็นฝ่ายแก้ รธน.60 เร่งวินิจฉัยก่อนเข้าวาระ 3 “ชลน่าน” ซัด “ครูหยุย” ออกตัวแต่ไก่โห่ สัญญาณชัด ส.ว.จ้องล้มโต๊ะ “การุณ” จวกมีใบสั่งล่มเรียบร้อยโรงเรียน คสช. “กิตติศักดิ์” เชื่อ ส.ส.เจตนาแตะหมวด 1 และ 2 ชิงโหวตคว่ำตัดไฟแต่ต้นลม ลั่นอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

ความคืบหน้าการปรับ ครม. ล่าสุด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ระบุจะเสนอรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พิจารณา เพียง 2 รายชื่อเพื่อสยบศึกในพรรค ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ย้ำจะตัดสินใจขั้นสุดท้ายเอง

...

“บิ๊กตู่” ปลุกคนไทยรวมพลังชนะทุกศึก

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 3 มี.ค.ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) โครงการบูรณาการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือน ระหว่าง 12 กระทรวง 1 หน่วยงาน มีนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวรายงาน จากนั้นนายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลตระหนักแก้ไขปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม การพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มคนยากจนและกลุ่มเปราะบาง วันนี้เราคือทีมประเทศไทยไม่มีศึกใดที่เราเอาชนะไม่ได้ถ้าเราร่วมมือกัน ร่วมพลังความรัก ความสามัคคี ทุกอย่างแก้ได้ทั้งหมด โลกเปลี่ยนทุกวัน ปัญหาสำคัญที่สุดคือความมั่นคง ความมีเสถียรภาพของบ้านเมือง ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ส่วนการต่อต้านการทุจริตต้องดำเนินการอย่างเข้มแข็งเฉียบขาด

ลั่นเคาะเองขั้นสุดท้ายเฟ้น รมต.

จากนั้นผู้สื่อข่าวสอบถาม พล.อ.ประยุทธ์ ถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งนี้เป็นคนในทั้งหมดหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ตอบคำถามเพียงแต่หันมามอง ต่อมาเวลา 10.35 น. พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับ ครม.ที่พรรค พปชร.มอบอำนาจให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคตัดสินใจว่า ตนเคารพทั้งในกติกาพรรคการเมือง และตนก็มีหน้าที่คัดสรรคนที่เสนอเข้ามาเพื่อบรรจุเป็นรัฐมนตรีแทนในตำแหน่งที่ว่างลง ซึ่งก็คงไม่มีปัญหาใดๆทั้งสิ้นและขอให้รอดูแล้วกันว่านายกฯ จะตัดสินใจขั้นสุดท้ายอย่างไร คงไม่นานนัก

จากนั้นเวลา 14.00 น. พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค พปชร. เพื่อนร่วมรุ่น ตท.12 ได้มาเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ท่ามกลางกระแสข่าวกลุ่มส.ส.ภาคใต้ขอโควตา 1 เก้าอี้ พ.อ.สุชาติเปิดเผยว่า มาพบนายกฯ ขอพรวันคล้ายวันเกิด 3 มี.ค.ในฐานะเพื่อนฝูงก็มาพูดคุย ไม่ได้พูดเรื่องปรับ ครม.โควตาภาคใต้หรือต่อรองเก้าอี้ ไม่ชอบระบบกดดันผู้นำตั้งมุ้งต่อรอง ควรให้นายกฯ เลือกคนเหมาะสม หากเสนอชื่อตนก็ไม่รับ ให้คนเหมาะสมดีกว่า

“ประวิตร” ส่งแค่ 2 ชื่อ รมต.พปชร.

เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการปรับ ครม.พรรค สรุปส่ง 2 รายชื่อ ใช่หรือไม่ว่า “ก็ 2 ชื่อไง” เมื่อถามว่าจะห้ามไม่ให้คนในพรรคให้สัมภาษณ์หรือไม่ กว่ารายชื่อจะออกมาคงสัมภาษณ์กันทุกวัน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ไม่มี มันอยู่ที่ผมคนเดียว ก็บอกไปแล้วตอนสัมภาษณ์เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ฝากบอกไปด้วยสิ อยู่ที่ผมคนเดียว ผมส่งรายชื่อคนเดียว คนอื่นไม่ได้ส่ง คนอื่นไม่รู้ว่าใคร”

ต่อมาเวลา 15.00 น. นายกฯ กล่าวอีกครั้งโดยแซวว่า “ถามทุกวันเลยนะ เช้าก็ถาม บ่ายก็ถาม” เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตรระบุส่งรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีถึงมือนายกฯแล้ว นายกฯปฏิเสธว่า “ไม่เห็น”

สยบแรงกดดันกลุ่มก๊ก

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐว่า แกนนำพรรค พปชร.ประเมินว่าเหตุผลสำคัญที่ พล.อ. ประวิตร เป็นผู้พิจารณาและเสนอรายชื่อผู้เหมาะสมเป็นรัฐมนตรีต่อนายกฯเพียงผู้เดียว เพื่อไม่ให้เกิดแรงกระเพื่อมหรือความขัดแย้งภายในพรรคขึ้นอีก เนื่องจากแกนนำกลุ่มต่างๆในพรรคต่างต้องการขอปรับตำแหน่งให้สูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม “3 ช่วย” นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ที่หมายตาอยากขยับขึ้นเป็น รมว.แรงงาน แทนที่นายสุชาติ ชมกลิ่น พร้อมกับจะดันนายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชรคนใกล้ชิด มาเสียบแทน รมช.เกษตรฯ แต่ผู้ใหญ่ยังไม่ตอบรับ ขณะที่นายสุชาติเองพยายามเข้าหาผู้ใหญ่เพื่อรักษาเก้าอี้ไว้สุดชีวิต ด้านนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ต้องการโยกจาก รมช.แรงงานไปเป็น รมช.คลัง หรือแอบหวังกระทั่งขึ้นชั้น รมว.ก็ไม่ได้รับการตอบสนองจากผู้ใหญ่ของพรรคเช่นกัน เพราะไม่ต้องการให้มีการนำตัวเลข ส.ส.ในมือมากดดัน

“ชัยวุฒิ–ตรีนุช” ลุ้นชิมลาง รมต.ใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 2 รายชื่อแคนดิเดตรัฐมนตรีที่ พล.อ.ประวิตรจะเสนอต่อนายกฯ คาดว่าจะเป็นชื่อนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะเต็ง 1 และทำงานร่วมกับพรรคมาตั้งแต่ต้น ประสานงานได้ทุกกลุ่ม สนิทสนมกับกลุ่มทุนใหญ่สายพลังงาน ทั้งยังสนิทสนมกับนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีต รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม (ดีอีเอส) และนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต รมว.ศึกษาธิการ มีลุ้นนั่งเก้าอี้ รมว.ศึกษาธิการ สานงานต่อเยียวยากลุ่ม กปปส.หรืออาจไปเป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ แทนนายอนุชา นาคาศัย ที่กลุ่มสามมิตรผลักดันขึ้นชั้นเป็น รมว.ศึกษาธิการ ให้สมฐานะเลขาธิการพรรค อีกชื่อหนึ่งน่าจะเป็น น.ส.ตรีนุช เทียนทอง ส.ส.สระแก้ว 5 สมัย หลานสาวนายเสนาะ เทียนทอง นักการเมืองอาวุโสที่ พล.อ.ประวิตรคุ้นเคยดีตั้งแต่สมัยเป็นทหารประจำการอยู่ที่ จ.สระแก้ว และเคยพยายามผลักดันให้เป็นรัฐมนตรีตั้งแต่ช่วงแรกๆ หลังได้ใจจากการยอมหักพรรคเพื่อไทยค่ายเก่าย้ายขั้วมาอยู่กับ พปชร. ไม่เคยทำตัวเป็นเด็กดื้องอแงเรียกร้องอะไร คาดว่าจะได้ไปเป็น รมว.วัฒนธรรม สลับให้นายอิทธิพล คุณปลื้ม ไปนั่ง รมว.ดีอีเอส ที่ได้รับแรงสนับสนุนจากผู้ใหญ่คนสำคัญระดับอดีตบิ๊กทหาร

“อนุชา” โยนทุกอย่างอยู่ที่ “บิ๊กป้อม”

นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า กระแสปรับ ครม.จบแล้ว พล.อ.ประวิตรจะเป็นผู้พิจารณา ตามมติเอกฉันท์ของกรรมการบริหารพรรคให้หัวหน้าพรรคเสนอรายชื่อบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี จะเสนอรายชื่อแทนตำแหน่งว่างอย่างเดียวหรือจะปรับเปลี่ยนตำแหน่งอื่นด้วยขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรคพิจารณา ท่านคงต้องปรึกษากับนายกฯ คิดว่าไม่มีรัฐมนตรีที่ถูกปรับออก ตอนนี้มี 2 ตำแหน่งว่างอยู่ ไม่มีอย่างอื่น เรื่องนี้ไม่น่าห่วง เมื่อถามว่าหากถูกดันไปนั่ง รมว.ดีอีเอสพร้อมรับหรือไม่ นายอนุชาตอบว่า แล้วแต่ผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะไปทำงานที่ไหนตั้งใจทำงานอยู่แล้ว ไปอยู่ตรงไหนก็ได้

“สุชาติ” ยอ หน.พรรคศูนย์รวมใจ พปชร.

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่าพล.อ.ประวิตรเป็นผู้ที่พวกเราเคารพนับถือ เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในพรรคอยู่แล้ว การตัดสินใจทั้งหมดอยู่ที่ท่านจะนำเสนอนายกฯพิจารณา ที่มีข้อสังเกตว่าจะเกิดแรงกระเพื่อมในพรรคได้อีก ตนไม่ทราบ เป็นเรื่องของหัวหน้าพรรค เมื่อถามว่าถ้าถูกปรับออก นายสุชาติกล่าวว่าทุกอย่างอยู่ที่การบริหารงานเพื่อชาติบ้านเมืองและความเหมาะสม ทั้งหมดอยู่ที่นายกฯ

นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม และกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า การปรับเปลี่ยน ครม.เบื้องต้นจะมีเฉพาะตำแหน่งที่ว่างลง ส่วนจะเกลี่ยหรือจะปรับเปลี่ยนอย่างไรขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรคและนายกฯ ผู้ที่จะมาเป็นรัฐมนตรีไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นกรรมการบริหารพรรค

“อาคม” ไม่ถอดใจลุยบทขุนคลังต่อ

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวถึงกระแสข่าวว่าเบื่อการทำงานในตำแหน่ง รมว.คลัง ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงและไม่ถอดใจ ยังคงเดินหน้าทำงานตามปกติ การตรวจเยี่ยมโครงการสถานีกลางบางซื่อ ตรวจเยี่ยมความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้า สังกัดกระทรวงคมนาคมเมื่อวันที่ 3 มี.ค. ในฐานะกระทรวงการคลังเป็นผู้ให้กู้เงินไปดูความคืบหน้าโครงการเป็นเรื่องปกติไม่เกี่ยวกับกระแสการปรับ ครม.

รปช.เจียมตัวให้อยู่หรือไปไร้ปัญหา

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) กล่าวว่า โควตาของพรรค รปช.ยังอยู่เหมือนเดิมหรือไม่ แล้วแต่นายกฯ หากเห็นว่านายอเนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษาฯ เหมาะสมแล้ว ทำงานดี อยากให้เราทำงานต่อเราก็ทำ แต่หากเขาบอกว่าไม่เอาแล้วให้กลับบ้าน เราก็กลับบ้าน ไม่มีปัญหาอะไร กปปส.ไม่เกี่ยวกับการเมืองอะไรทั้งสิ้น รปช.มี ส.ส.อยู่ 5 คน ไม่มีฤทธิ์ อิทธิพลหรืออำนาจไปต่อรองอะไรกับใคร เราเจียมตัวอย่าคิดว่าเราสำคัญ

“วิษณุ” แบไต๋ทางออกแก้รายมาตรา

อีกเรื่อง เมื่อเวลา 09.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า อยู่ที่ผลการวินิจฉัยอำนาจหน้าที่ของรัฐสภาในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจะออกมาอย่างไร ถ้าศาลฯสั่งว่าทำได้ไม่มีปัญหาหรือถ้าสั่งว่าทำไม่ได้ไม่ต้องประชุมวาระ 3 แล้ว ถ้าผลออกมาเป็นลบ สิ่งที่ทำไปแล้วถือว่ากลายเป็นศูนย์ ใช้ไม่ได้ แต่ความจริงมันก็ใช้ได้ เพียงแต่ว่าจะทำต่อไปไม่ได้ เมื่อถามว่าเท่ากับไม่ได้มีการแก้ไขใดๆเลยใช่หรือไม่ นายวิษณุพยักหน้า เมื่อถามว่ารัฐบาลยังคงมีแนวทางที่อยากให้แก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ถ้าออกมารูปนั้นก็แก้ไขเป็นรายมาตราได้ ปัญหาต่อไปคือจะแก้มาตราไหน เมื่อถามว่ายืนยันว่าหมวด 1 หมวด 2 ไม่แตะต้องใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า วันนี้ยังจะต้องยืนยันอีกหรือ

ฝ่ายค้านยื่นถ้อยคำยันอำนาจรัฐสภา

เมื่อเวลา 10.00 น.แกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล พร้อมตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้าน ร่วมกันยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อส่งบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นให้ศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบการพิจารณาวินิจฉัยเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของรัฐสภาในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ นายชัยธวัชกล่าวยืนยันว่า รัฐสภามีอำนาจและไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ คดีนี้ไม่ควรยื่นมาให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยด้วยซ้ำ

ขอให้มีคำวินิจฉัยออกมาก่อนวาระ 3

นายประเสริฐกล่าวว่าได้ยื่นเอกสารฉบับแรกคำร้องทั่วไป เพื่อให้ศาลพิจารณาอนุญาตรับบันทึกถ้อยคำแสดงความคิดเห็นของตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้งหมด ส่วนฉบับที่ 2 เป็นบันทึกถ้อยคำรายละเอียดความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว คาดว่าวันที่ 17-18 มี.ค.หากไม่มีอะไรติดขัดจะพิจารณาวาระ 3 แต่กลับมีกรณีนี้ ฝ่ายค้านจึงต้องทำคำร้องมาเพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญด้วย เพื่อให้ทันก่อนจะมีการโหวตวาระ 3 พร้อมคาดหวังว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาก่อนจะเข้าสู่วาระ 3 และวันที่ 10 มี.ค. จะไปยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้ตรวจสอบนายกฯละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามความผิดมาตรา 157 และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ กรณีทุจริตการจัดซื้อถุงมือยาง

พท.ชี้สัญญาณชัด ส.ว.ล้มโต๊ะแก้ รธน.

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ส.ว.ประกาศจุดยืนไม่เห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่จะเข้าสู่การพิจารณารัฐสภาสมัยวิสามัญกลางเดือน มี.ค.ว่าเท่ากับส่งสัญญาณชัดเจนว่า ส.ว.ไม่ยอมรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การอ้างว่ามีการก้าวล่วงพระราชอำนาจ ใส่ร้าย กล่าวหาสมาชิกรัฐสภาที่เห็นชอบวาระ 2 ไปแล้วอย่างร้ายแรง ส.ว.บางคนไม่อยากให้แก้ไขจะทำให้ไม่ได้อยู่เสวยสุขในอำนาจอีก ทั้งที่ ส.ว.บางคนเป็นนักการเมืองจากการแต่งตั้งยาวนานนับ 10 ปีน่าจะพอได้แล้ว ส.ว.ยอมเป็นนั่งร้านให้ พล.อ.ประยุทธ์ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกฯ เป็นสัญญาณชัดเจนว่านายกฯมีธงชัดเจนมาตลอดว่าไม่ต้องการแก้รัฐธรรมนูญ จากนี้เป็นไปได้ว่าเครือข่ายผู้มีอำนาจจะออกมาสอดรับกันอย่างเป็นระบบ สุดท้ายประเทศไทยภายใต้ระบอบประยุทธ์ ไม่มีทางแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นฉบับประชาชนได้แน่นอน ไม่เห็นอนาคต

“การุณ” เฉ่งมีใบสั่งชัดคว่ำกลางทาง

นายการุณ โหสกุล ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คนส่วนใหญ่ตั้งข้อสังเกตว่าการรีบออกมาประกาศเช่นนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่ามีใบสั่งให้คว่ำญัตติจากผู้มีอำนาจแล้วแน่นอน การอ้างว่าไปก้าวล่วงสถาบันใส่ร้ายสมาชิกรัฐสภาเสียงส่วนใหญ่ว่ามีการก้าวล่วงสถาบัน อย่าลืมว่าญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านการพิจารณาของรัฐสภามาแล้วถึง 2 วาระ ถ้าเนื้อหาที่อ้างมีอยู่จริงเสียงส่วนมากคงไม่มีใครบังอาจกล้าละเมิดพระราชอำนาจแน่นอน ไม่แปลกใจที่ภาคประชาสังคมจำนวนมากกล้าฟันธงว่าญัตตินี้จะไม่ผ่านวาระ 3 เพราะพรรคเผด็จการที่มีสมาชิกในสภาฯมากที่สุด ถูกสั่งการให้ลงมติคว่ำญัตตินี้เรียบร้อยโรงเรียน คสช.ไปแล้ว

“สงคราม” ซัด ส.ว.อยู่ 10 ปี พอได้แล้ว

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ ในฐานะคณะ กมธ.วิสามัญเพื่อศึกษาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ท่าทีนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ส.ว.ประกาศล่วงหน้าไม่เห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่าการออกมาของประกาศคว่ำญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 เป็นการส่งสัญญาณไปยังสมาชิกฝ่ายนิติบัญญัติว่า ส.ว.พร้อมใจกันลงมติคว่ำญัตติแน่มีขบวนการฉุดรั้งประเทศเพราะกลัวเสียอำนาจและผลประโยชน์ ทั้งที่ ส.ว.หลายคนอยู่ในตำแหน่งมายาวนานเกินกว่า 10 ปีแล้ว ควรพอได้แล้ว ประชาชนไม่ได้ประโยชน์การมี ส.ว.แต่งตั้ง หากมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าทำไม่ได้ทุกอย่างพังหมด เสียทั้งเวลาและงบประมาณ แม้ศาลรัฐธรรมนูญอาจมีคำวินิจฉัยให้ไปแก้รายมาตรา ให้เป็นอำนาจของรัฐสภาก็ชัดเจนว่าไม่มีทางแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจได้ เพราะการแก้ไขต้องใช้เสียง ส.ว. 85 เสียง ปิดประตูแก้ไขรัฐธรรมนูญได้เลย เพราะ ส.ว.ไม่มีทางยอมเสียอำนาจตัวเอง

ส.ว.เชื่อ ส.ส.เจตนาแตะหมวด 1 และ 2

ด้านนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. กล่าวถึงการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 กลางเดือน มี.ค.ว่า จะเป็นหนึ่งเสียงที่ลงมติคว่ำร่างรัฐธรรมนูญวาระ 3 เพราะเชื่อว่ามีเจตนาจะแตะหมวด 1 และ 2 ที่ ส.ว.ห้ามแก้ไขและมั่นใจว่าจะมี ส.ว.เกิน 84 เสียงลงมติคว่ำเช่นเดียวกับตน เห็นได้จากการลงมติแก้รัฐธรรมนูญวาระ 2 เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ในมาตรา 256/13 เรื่องการห้าม ส.ส.ร.แก้ไขหมวด 1 และ 2 ที่ ส.ว.พยายามให้เพิ่มเติมข้อความว่าให้รวมถึงการห้าม ส.ส.ร.แก้ไขเนื้อหาอีก 38 มาตราที่เกี่ยวกับสถาบันเข้าไปในร่างรัฐธรรมนูญวาระ 2 แต่ที่ประชุมลงมติด้วยคะแนน 349 ต่อ 200 ไม่ให้เพิ่มเติมถ้อยคำ แสดงให้เห็นว่า ส.ส.ยังมีเจตนาให้แตะการแก้หมวด 1 และ 2 ได้เพราะ 349 เสียงไม่ใช่มีแค่เสียงฝ่ายค้าน แต่ยังมีเสียงพรรคร่วมรัฐบาลร่วมอยู่ด้วย

อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดคว่ำตัดไฟต้นลม

“ส.ว.หลายคนเห็นตรงกันว่าควรโหวตคว่ำร่างรัฐธรรมนูญวาระ 3 เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม จะเป็นชนวนเหตุให้เกิดชุมนุมใหญ่ของม็อบราษฎรตามมาหรือไม่ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด บ้านเมืองจะขึ้นอยู่กับม็อบไม่ได้ ถ้าไปยอมตามม็อบกดดัน แล้วถ้าผมขนม็อบมาบ้าง ต้องทำตามผมหรือไม่ ถ้า ส.ว.ปล่อยร่างรัฐธรรมนูญผ่านวาระ 3 ได้ การประท้วงจะไม่สิ้นสุด อีกฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญและปกป้องสถาบันต้องออกมา กลายเป็นความขัดแย้งไม่สิ้นสุด ยิ่งปล่อยไปความขัดแย้งยิ่งรุนแรง ส.ว.จึงปล่อยผ่านไม่ได้ ยืนยันอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด”

“เสธ.อู้” ฟันธงเห็นชอบไม่ถึง 84 เสียง

พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว. กล่าวว่า ดูแนวโน้มน่าจะมี ส.ว.เห็นชอบไม่ถึง 84 เสียงค่อนข้างแน่ เห็นสัญญาณชัดเจนมาตั้งแต่การแก้รัฐธรรมนูญวาระ 2 ทั้งจำนวนเสียงแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ ส.ว.เสนอไปให้ใช้เสียงที่ประชุมรัฐสภา 2 ใน 3 และกรณีขอให้เพิ่มข้อความห้าม ส.ส.ร.แก้ไข 38 มาตราที่เกี่ยวข้องกับพระราชอำนาจ สิ่งที่ ส.ว.เสนอไปแพ้โหวตทั้งหมด ทำให้ ส.ว.เห็นตรงกันว่าจะไม่โหวตผ่านวาระ 3 แต่คงต้องรอคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญวันที่ 4 มี.ค.ก่อนว่าจะให้แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับได้หรือไม่ หากศาลระบุว่าแก้ไม่ได้ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญตกไปทันที

“เสรีพิศุทธ์” ฉะวิชามารจดชื่อซื้อเสียง

เมื่อเวลา 07.30 น. ที่ตลาดหนองหม้อ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ลงพื้นที่ช่วยว่าที่ ร.ต.อภิรัฐ รัตนพันธ์ ผู้สมัครของพรรคหาเสียง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนพร้อมหลักฐานจากชาวบ้านเรื่องการซื้อเสียง ใช้วิธีจดรายชื่อไปแลกเงิน ผู้มีอำนาจบางคนเหตุใดจงใจมาตรวจเยี่ยมราชการช่วงนี้ ถือว่าใช้อำนาจหน้าที่เอื้อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือไม่ กกต.ตรวจสอบด่วน

ปชป.โวยทหารกดดันกำนัน-ผญบ.

ที่วัดพระพรหม (นาโพธิ์) อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯและอดีตหัวหน้าพรรค นำบรรดา ส.ส.และอดีต ส.ส.พรรคลงพื้นที่เสียงช่วยนายพงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 นครศรีธรรมราช โดยขอให้พี่น้องชาวนครฯหวงแหนรักษาสนับสนุนพรรคที่เป็นของพวกเรา จากนั้นจึงนำคณะไปหาเสียงต่อที่ตลาดเทศบาลชะอวด อ.ชะอวด ด้านนายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช ในฐานะ ผอ.เลือกตั้งซ่อมพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่ากระแสนายพงศ์สินธุ์ดีมากขึ้น ทำให้บางพรรคอาศัยตัวช่วยใช้นายทหารมากดดันบรรดากำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งพลทหารใต้บังคับบัญชาว่าขอให้เลือกผู้สมัครรายหนึ่งอ้างนายสั่งมาขอให้ช่วย มีหลักฐานชัดเจน ขอเรียกร้องให้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.ตั้งคณะกรรมการสอบสวน ลงโทษนายทหารคนดังกล่าว

กกต.เผยไร้รายงานทุจริตซื้อเสียง

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า กรณี ที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เรียกร้องให้ดูแลเรื่องการซื้อเสียง เวลามีข่าวว่าเกิดเหตุจุดไหนทางจังหวัดจะประสานผู้ตรวจการเลือกตั้งและชุดเคลื่อนที่เร็วให้ลงไปติดตามตรวจสอบ จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานการทุจริตเข้ามา