“บิ๊กตู่” ไร้กังวล ศาล รธน.นัดชี้ชะตาปมบ้านพักหลวงในค่ายทหาร อ้ำอึ้งย้ายเข้าบ้านพิษฯ อ้างยังซ่อมไม่เสร็จ บอกทำดีเพื่อชาติสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง บ่นสื่อให้คุณค่าข่าวม็อบเกินไป พท.ฉะผู้นำไม่เป็นแบบอย่างที่ดี ไม่ต้องห่วงถ้าไขก๊อกมีคนรอเสียบเพียบ แกนนำราษฎรพาเหรดรับทราบข้อหา ม.112 “อานนท์” ขู่ลากยาวม็อบถึงปีหน้า 3 นักเรียนเลวเข้าพบ พงส.ลุมพินี ราษฎร-เสื้อเหลืองประจันหน้าที่หาดใหญ่ สพฐ.ไม่ห้ามเด็กแต่งไปรเวต แต่ชี้ให้เห็นประโยชน์ชุดนักเรียน “ศรีฯ” จี้ ตร.เอาผิดการ์ดม็อบใส่เกราะ พปชร.ฟรีโหวตยื่นตีความร่าง รธน. ปชป.ไม่เล่นด้วยหวั่นครหาไม่จริงใจ ฝ่ายค้านโวยรัฐบาลลักไก่ชงร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ก๊วน “หญิงหน่อย-โภคิน-วัฒนา-พงศกร” สละเรือพ้นเพื่อไทย

นับถอยหลังสู่วันชี้ชะตา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม กรณีบ้านพักหลวงเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 2 ธ.ค. ซึ่งกลุ่มราษฎรก็ได้ประกาศนัดหมายชุมนุม เพื่อรอรับฟังผลการวินิจฉัยที่หน้าศาลรัฐธรรมนูญเช่นกัน

...

“บิ๊กตู่” ไร้กังวลคดีบ้านพักหลวง

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 30 พ.ย. ที่กระทรวง กลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคดีบ้านพักทหารในวันที่ 2 ธ.ค. ว่า เป็นเรื่องของศาลอย่าไปคาดเดา เห็นทุกคนให้ความสำคัญแต่ตนไม่ได้คิดอะไรมาก เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรไม่ขอวิจารณ์ ส่วนการนัดชุมนุมที่หน้าศาลรัฐธรรมนูญของกลุ่มราษฎร ไม่น่าจะถูกต้อง การไปกดดันในสถานที่ ต่างๆอาจผิดกฎหมาย ก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีมาตรการมาแล้วจนกลายเป็นคดีความ ขอให้ระมัดระวัง เมื่อถามว่ามีการเตรียมแผนรองรับหรือไม่หากศาลรัฐธรรมนูญมีผลคำวินิจฉัยในทางลบ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ต้องว่ากันอีกทีว่าจะทำอย่างไรต่อไป ขอย้ำว่าเคารพคำตัดสินของศาลไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร

ทำดีเพื่อชาติสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง

เมื่อถามว่า ได้หารือใน ครม.หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ไม่ได้หารือกัน ให้ผลคำตัดสินออกมาก่อน อย่าไปคิดล่วงหน้า ถึงเวลาก็ตัดสินใจง่ายอยู่แล้ว ผลออกมาอย่างไรก็ตามนั้น ไม่ได้กังวลอะไร กังวลอย่างเดียวคือทำอย่างไรให้ชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์ มีความปลอดภัย เดินไปข้างหน้าได้ เมื่อถามว่ามีแนวคิดจะย้ายไปอยู่บ้านพิษณุโลก บ้านพักรับรองนายกฯหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ต้องดูความเหมาะสม ขณะนี้ยังซ่อมแซมไม่เรียบร้อย และใหญ่โตเกินไป ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นบ้านอาถรรพณ์นั้น คิดว่าคงไม่ เมื่อเราตั้งใจไปทำดีไม่ต้อง กลัวอะไร พระตนก็ไหว้และคล้องพระด้วย พระอยู่ในใจ หากเราทำความดีเพื่อชาติ แผ่นดิน และพระมหากษัตริย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะคุ้มครองเรา ที่ยืนมาได้ทุกวันนี้เชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ที่ผ่านมาระมัดระวังหลายเรื่อง ทั้งการทุจริต ทำผิดกฎหมาย รู้แก่ใจดี มีความละอายเกรงกลัวต่อบาป รวมทั้งมีหิริโอตตัปปะ

บ่นสื่อให้คุณค่าข่าวม็อบเกินไป

เมื่อถามว่าได้เตรียมบ้านพักข้างนอกไว้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ตนก็มีบ้าน ถ้าเขาไม่ให้อยู่ก็ต้องไป เพียงแต่พื้นที่มีจำกัด ทั้งนี้ผู้นำทุกประเทศต้องได้รับความคุ้มครอง ส่วนการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น อยากให้เข้าใจที่รัฐบาลต้องจัดการเด็ดขาดบังคับใช้กฎหมาย และต้องดูเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินทั้งของผู้ชุมนุมและประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ไม่อยากให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน การชุมนุมในพื้นที่ปิดจะดีกว่า ไปยึดถนนทำจราจรติดขัด และอยากให้สังคมติดตามดูเรื่องสื่อตั้งคำถามยั่วยุด้วย อยากให้สื่อนำเสนอข่าวที่เป็นกลางและเป็นประโยชน์ บางครั้งเป็นการไม่สมควร ในสิ่งที่พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสิ่งที่สมเด็จพระราชินีเสด็จเยี่ยมเยียนประชาชน แต่สื่อกลับนำเสนอพร้อมภาพประกอบไม่มาก ขณะที่ข่าวการชุมนุมสื่อกลับให้ความสำคัญนำเสนอข่าวเต็มที่ อยากให้ชั่งน้ำหนักความเหมาะสมด้วย ทั้งนี้ในฐานะนายกฯบังคับใช้กฎหมายกับทุกกลุ่มเท่าเทียมกัน

ฝ่ายมั่นคงสอบเบื้องหลังม็อบอยู่

เมื่อถามว่า ฝ่ายความมั่นคงได้ตรวจสอบผู้อยู่เบื้องหลังการชุมนุมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า กำลังตรวจสอบอยู่ ส่วนจะเป็นการร่วมมือกันระหว่างคนในประเทศและต่างประเทศหรือไม่นั้น ยังไม่ทราบ กำลังติดตามอยู่ เมื่อถามว่ามีการพูดว่าแม้นายกฯลาออกทุกอย่างก็ไม่จบ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ก็ใช่ มันจบที่ไหน สุดแล้วแต่ว่าจะคิดอะไร แต่การทำอะไรต้องรับผิดชอบในการกระทำด้วย จะให้ผมรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว คนอื่นไม่รับผิดชอบ และไม่เคารพกระบวนการยุติธรรมก็คงไม่ได้” เมื่อถามย้ำว่าข้อเรียกร้องกลุ่มผู้ชุมนุมจะสำเร็จหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า จะไปคิดแทนได้อย่างไร เป็นไปได้แค่ไหน กระบวนการบริหารราชการแผ่นดินทำได้หรือไม่ รวมถึงรัฐธรรมนูญและกฎหมายต่างๆไม่ใช่คิดอยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่เช่นนั้นประเทศชาติจะอยู่อย่างไร

พท.ฉะผู้นำไม่เป็นแบบอย่างที่ดี

ที่พรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ในประเด็นบ้านพักรับรองทหาร ได้ชี้ให้เห็นถึงการเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อนแล้ว แต่ยังมีประเด็นเพิ่มเติมคือ พล.อ.ประยุทธ์ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ไม่ดำรงตนเป็นแบบอย่างที่ดี ไม่รักษาภาพลักษณ์ของทางราชการ และใช้อภิสิทธิ์เหนือคนอื่น โดยไม่คำนึงถึงกฎหมายบ้านเมือง การยกเรื่องรักษาความปลอดภัยมาเป็นข้ออ้าง ฟังไม่ขึ้น นายกฯในอดีตหลายคนต่างพัก บ้านส่วนตัว หรือพักบ้านพักรับรองนายกฯคือบ้านพิษณุโลก หากห่วงเรื่องความปลอดภัยสามารถส่งเจ้าหน้าที่ไปดูแลได้ หากคนเป็นนายกฯไม่กล้าอยู่บ้านพักตนเอง แล้วจะมาคุ้มครองดูแลประชาชนได้อย่างไร ดังนั้น คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นบรรทัดฐานในอนาคตว่า ข้าราชการเกษียณอายุไปแล้ว สามารถอยู่บ้านหลวงฟรี ใช้น้ำประปาฟรี ใช้ไฟฟ้าฟรีได้หรือไม่

แนะทางออกเดียวออกไปก่อน

น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คดีพักบ้านหลวงของนายกฯ เป็นอีกคดีที่ประชาชนจับตามองการทำหน้าที่ขององค์กรอิสระ แต่ที่มาขององค์กรอิสระในปัจจุบัน อยู่ภายใต้การแต่งตั้งของ คสช. ทำให้สังคมตั้งคำถามถึงการทำหน้าที่ขององค์กรเหล่านั้น ขอเชิญชวนประชาชนเฝ้าติดตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ทางลงเดียวที่สง่างามที่สุดของ พล.อ.ประยุทธ์ในเวลานี้คือการลาออกก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย เพราะถือว่าเป็นต้นตอของปัญหาทั้งปวง ไม่สามารถอยู่บริหารประเทศต่อไปได้ ที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าที่มีความสามารถอยู่อย่างเดียว คือดึงเอาองคาพยพรัฐราชการมาปกป้องตัวเอง จนประชาชนหมดศรัทธา

ไม่ต้องห่วงมีคนรอเสียบเพียบ

นายประชา ประสพดี อดีต รมช.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ถือเป็นการตัดสินในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่สถานการณ์บ้านเมืองกำลังเผชิญวิกฤติทั้งเศรษฐกิจ การเมือง มีผู้ชุมนุมเต็มท้องถนน มีคดีที่สามารถเทียบเคียงกันคือ กรณีนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ไปทำกับข้าวจนตกเก้าอี้ ส่วนตัวยังมีความเชื่อมั่นในกระบวนการศาล กรณี พล.อ.ประยุทธ์ค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน ความจริงควรเสียสละลาออกไปนานแล้ว ท่านน่าจะกล้าๆตัดสินใจพูดว่า “ผมพอแล้ว” ลาออกหรือยุบสภาไป ไม่ต้องให้ใครมาไล่ ไม่ต้องให้ใครมาเชิญให้ออก จะเป็นการสร้างประโยชน์ให้ประเทศอย่างมาก อาจกลายเป็นปูชนียบุคคลได้ อย่าคิดว่าไม่มีใครเป็นนายกฯแทนท่านได้ ใครก็เป็นได้ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข หรือคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายชัยเกษม นิติสิริ แกนนำพรรคเพื่อไทย

เย้ยนักลอกข้อสอบแต่ทำไม่เป็น

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส. กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีรัฐบาลเตรียมจัดทำโครงการ รถเก่าแลกรถใหม่แสนคันเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ว่า เป็นโครงการที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ โดยเฉพาะสถานการณ์ที่ประชาชนยังไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาใช้จ่าย โครงการนี้ลอกมาจากนโยบายรถยนต์คันแรกของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ “หลังปฏิวัติ พล.อ.ประยุทธ์เคยพูดว่า โครงการประชานิยมแบบนี้จะทำประเทศเจ๊ง แถมยังมีนักการเมืองจากพรรคร่วมรัฐบาลโจมตีว่าเอื้อนายทุน แต่สุดท้ายก็ถ่มน้ำลายรดฟ้าเข้าเต็มหน้าท่านผู้นำ ว่าแต่เขาอิเหนาประยุทธ์เป็นเอง อยู่มาจะ 7 ปี ทำได้แค่นี้ควรลาออกไปดีกว่า โครงการเหมือนกันเป๊ะแต่สถานการณ์ต่างกัน สมัยนายกฯยิ่งลักษณ์ ค้าขายดี เศรษฐกิจดีมาก แต่ตอนนี้ธุรกิจสลบไสลไปทุกหย่อมหญ้า ยังจะมาประชานิยมในสินค้าฟุ่มเฟือย ลอกนโยบายกันหน้าตาเฉย ลอกแล้วยังทำไม่เป็น จึงล้มเหลวไม่เป็นท่า”

แกนนำราษฎรรับทราบข้อหา 112

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ สน.ชนะสงคราม นาย อานนท์ นำภา นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ นายปฏิวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือ หมอลำแบงค์ พร้อมนายกฤษฎางค์ นุตจรัส และนายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความ เข้าพบ พ.ต.ท.โชคอำนวย วงศ์บุญฤทธิ์ รอง ผกก. (สอบสวน) สน.ชนะสงคราม รับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กรณีการชุมนุมปักหมุดคณะราษฎรในท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 19-20 ก.ย. มี พ.ต.อ.อรรถวิทย์ สายสืบ รอง ผบก.น.1 ร่วมสังเกตการณ์ นายพริษฐ์กล่าวว่า คดีที่เกิดขึ้นจะทำให้คนมาร่วมชุมนุมมากขึ้น เพราะทำให้เห็นว่าเกิดความไม่ยุติธรรม ยืนยันว่าไม่รู้สึกกลัว และขอยกสุภาษิตที่ว่า “ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ” มาใช้กับกรณีนี้

“อานนท์” ขู่ลากยาวม็อบถึงปีหน้า

นายอานนท์ นำภา กล่าวว่า ไม่ให้ค่าอะไรกับกฎหมายข้อนี้นัก เพราะพยานหลักฐานประจักษ์ชัดอยู่แล้วว่าพูดอะไร และมีจุดมุ่งหมายอะไร พร้อมจะสู้ในชั้นศาลต่อไป แม้จะไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมขนาดนั้น แต่เชื่อว่าศาลน่าจะพิจารณาอย่างตรงไปตรงมา และผลจะออกมาสู่สาธารณชนได้รับทราบกัน เพราะตำรวจเคยขอหมายจับแต่ศาลยังไม่อนุมัติให้ มันถึงวันที่ต้องมาพูดอย่างตรงไปตรงมาเรื่องสถาบัน ในปีหน้าเนื้อหาการชุมนุมจะหนักขึ้นแน่ ไปหาตู้คอนเทนเนอร์มาเพิ่มได้เลย ขอให้ตระหนักถึงสิ่งที่จะตามมา ตอนนี้เป็นเรื่องดีที่เราได้เห็นความโหดร้ายของกฎหมายข้อนี้อีกครั้ง และทุกคนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ยืนยันไม่กังวลอะไร สิ่งที่ทำ เพราะอยากให้สังคมรู้ อย่าไปรู้สึกกลัว เราสู้อย่างตรงไปตรงมา ส่วนการชุมนุมวันที่ 2 ธ.ค. ยังคงเป็นไปด้วยความสงบเหมือนเดิม ส่วนจะมีเซอร์ไพรส์หรือไม่ขอเก็บไว้ก่อน

“รุ้ง” ย้ำอีกปฏิรูปไม่ใช่ล้มล้าง

น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล กล่าวว่า ข้อเสนอที่กลุ่มราษฎรยื่นไปเกี่ยวกับการปฏิรูปสถาบัน มีจุดประสงค์เพื่อปฏิรูป ไม่ใช่การล้มล้าง แต่ปัจจุบันมีการนำมาตรา 112 มาใช้กับนักเคลื่อนไหวอีกครั้ง แต่เชื่อว่าจะไม่ทำให้การเคลื่อนไหวของกลุ่มราษฎรหยุด นายภาณุพงศ์ จาดนอก กล่าวว่า มองว่าการใช้มาตรา 112 มาแจ้งข้อหาภายหลังจากที่ฝากขังพวกตนไปแล้ว เป็นการกระทำที่อาจมีคำสั่งมาหรือไม่ ต้องหาข้อเท็จจริงกันต่อไป ยืนยันว่าไม่ทำให้พวกตนต้องชะลอหรือหยุดการเคลื่อนไหว ยืนยันว่ากฎหมายข้อนี้จะต้องถูกยกเลิก

ปล่อยตัวไม่กำหนดเงื่อนไข

ด้าน พ.ต.อ.อรรถวิทย์ สายสืบ กล่าวว่า เป็นการมารายงานตัวตามหมายเรียก ผู้ถูกกล่าวหาได้เข้ามาพบพนักงานสอบสวนตามขั้นตอน เมื่อทำบันทึกและให้ปากคำเรียบร้อยแล้ว พนักงานสอบสวนจะปล่อยตัวกลับบ้านไปโดยไม่กำหนดเงื่อนไข แม้จะเป็นข้อหาร้ายแรงก็ตาม

จ่อหมายเรียก “เพนกวิน” เพิ่ม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น และ สภ.เมืองอุบลราชธานี ได้แจ้งข้อหานายพริษฐ์ในความผิดตามมาตรา 112 ไปแล้ว นอกจากนี้ ในส่วนของท้องที่ สน.ชนะสงคราม ตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อออกหมายเรียกนายพริษฐ์ในความผิดมาตรา 112 เพิ่มอีก 1 สำนวน จากกรณีขึ้นปราศรัยบนเวทีที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 14 พ.ย.

สาม นรล.เข้าพบ พงส.ลุมพินี

ที่ สน.ลุมพินี น.ส.คุ้มเกล้า ส่งสมบูรณ์ ทนายความ จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน พร้อมผู้ปกครอง ของ “นายมิน” อายุ 17 ปี แกนนำกลุ่มนักเรียนเลว “นายภูมิ” อายุ 16 ปี สมาชิกกลุ่มนักเรียนไท “น.ส. พลอย” อายุ 16 ปี กลุ่มนักเรียนเลว เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.นพดล ปิ่นพงศ์พันธ์ รอง ผกก.หน.งานสอบสวน สน.ลุมพินี พ.ต.ต.รัฐภูมิ โมลา สว. (สอบสวน) สน. ลุมพินี ตามหมายเรียกฐานฝ่าฝืนข้อกำหนดที่ออกตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินมาตรา 9 เหตุจากขึ้นปราศรัยเวทีชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์ วันที่ 15 ต.ค. นายมินกล่าวว่า การคิดเห็นต่าง และแสดงออกตามสิทธิเสรีภาพที่ประชาชนพึงกระทำได้ ไม่น่าเป็นความผิด วันนี้มาทำตามกฎหมายรับทราบข้อกล่าวหา น.ส.คุ้มเกล้ากล่าวว่า น้องทั้ง 3 คน ทำตามรัฐธรรมนูญมาตรา 44 เดินทางมารับทราบหมายเรียกตามข้อกล่าวหา พร้อมกับให้การปฏิเสธ

“จัสติน” มอบตัว สภ.เมืองอุดรฯ

วันเดียวกัน เวลา 09.15 น.ที่ สภ.เมืองอุดรธานี นายชูเกียรติ แสงวงศ์ หรือจัสติน แกนนำกลุ่มราษฎร พร้อมด้วยนายพัฒนะ ศรีใหญ่ ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.อารี สินธุรา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.ผลิตอรัญ บุญมาตุ่น รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อมอบตัวตามหมายจับของศาล จ.อุดรธานี ในข้อหาตาม ป.อาญามาตรา 116 กรณีปราศรัยที่วงเวียนกรมหลวงประจักษ์ศิลาปาคม เมื่อวันที่ 22 ต.ค. นายชูเกียรติกล่าวว่า ขอปฏิเสธข้อกล่าวหา เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม ตำรวจไม่เคยมีหมายเรียกมาก่อน แต่ออกหมายจับเลย ยังยืนยันว่าจะสู้ไม่ถอย เราสู้ทั้งกระบวนการทางกฎหมาย และเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเราด้วย

ให้ประกันไม่ต้องใช้หลักทรัพย์

ต่อมาเวลา 11.00 น. นายอภิชาติ ศิริสุนทร และนายทวีศักดิ์ ทักษิณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เดินทางมารอใช้ตำแหน่งขอประกันตัวนายชูเกียรติ ซึ่งทางพนักงานสอบสวนทำการสอบปากคำ นายชูเกียรติให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา จากนั้นตำรวจควบคุมตัวนายชูเกียรติส่งฝากขังต่อศาลจังหวัดอุดรธานี ต่อมาศาลอนุญาตให้ประกันตัวโดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ หรือตำแหน่ง ส.ส.ประกันตัว เนื่องจากศาลเห็นว่านายชูเกียรติเดินทางมาแสดงตัวต่อพนักงานสอบสวนเอง โดยให้ลงชื่อรับรองต้องมาตามวันเวลาที่ศาลนัด

ปชป.ติดซีซีทีวีเพิ่มรับกลุ่มราษฎร

ที่พรรคประชาธิปัตย์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังแนวร่วมกลุ่มราษฎรประกาศนัดรวมตัวชุมนุมกดดันพรรคประชาธิปัตย์ให้ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ปรากฏว่ามวลชนซึ่งเป็นสมาชิกของพรรคราว 30 คน เดินทางมาที่พรรคเพื่อให้กำลังใจ แต่จนถึงเวลา 15.20 น. ยังไม่พบว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมใดเดินทางมาที่พรรค มีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอก เครื่องแบบของ สน.บางซื่อ เดินทางมาตรวจสอบความสงบเรียบร้อยราว 10 นาย พร้อมนำแผงรั้วเหล็กจำนวนหนึ่งมาสำรองไว้ด้านหน้าพรรค และมีสายสืบขี่รถมอเตอร์ไซค์สังเกตการณ์ตลอดเวลา ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคของพรรคทำการติดตั้งกล้องทีวีวงจรปิด หรือซีซีทีวี เพิ่มอีก 4 ตัว ที่บริเวณหน้าที่ทำการพรรค

ราษฎร-เสื้อเหลืองประจันหน้า

เมื่อเวลา 16.00 น. ที่ลานจัตุรัสนครหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา กลุ่มเด็กเปรต แนวร่วมกลุ่มราษฎร จัดเวทีใหญ่ขึ้นเป็นครั้งแรก โดยมีแกนนำจากส่วนกลาง อาทิ “ไผ่ ดาวดิน” และ “แอมมี่” มาร่วมขึ้นเวทีปราศรัย แต่ปรากฏว่ามีกลุ่มคน
เสื้อเหลืองนับร้อยคนนัดมารวมตัวกันที่ลานจัตุรัสนครหาดใหญ่ ในเวลาเดียวกัน พร้อมกับถือธงชาติ และป้ายเขียนแสดงความรักชาติ พร้อมกับรถเครื่องเสียงเต็มรูปแบบ 2 คัน มาเปิดเพลงหนักแผ่นดินดังสนั่นตลอดเวลา ทันทีที่ทั้งสองฝ่ายมาเผชิญหน้ากัน ได้เกิดการปะทะคารมและกระทบกระทั่งขึ้น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่คั่นอยู่ตรงกลางพยายามแยกทั้งสองฝ่ายออกจากกัน จนต่างฝ่ายต่างแยกกัน โดยม็อบราษฎรได้รวมตัวกันภายในลานจัตุรัสโดยมีเป็ดเหลืองเป็นสัญลักษณ์หน้าเวที ขณะที่ม็อบเสื้อเหลืองรวมตัวกัน อยู่ด้านนอก ที่มีเพียงเหล็กกั้นและกำลังตำรวจ สภ.หาดใหญ่ที่มายืนกั้นกลางสองฝ่าย

สพฐ.ไม่ห้ามเด็กแต่งไปรเวต

ขณะที่นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวถึงกรณีกลุ่มนักเรียนในนาม “นักเรียนเลว” โพสต์ลงเฟซบุ๊กเชิญชวนให้แต่งชุดไปรเวตมาโรงเรียนในวันเปิดภาค เรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ว่า เชื่อว่าเด็กทุกคนมีวิจารณญาณพิจารณาได้ว่าเรื่องไหนถูกต้อง เรื่องไหนไม่ถูกต้อง หากมีเด็กแต่งชุดไปรเวตมาโรงเรียนจริง ก็ไม่เป็นไร แต่ต้องดูที่เจตนาด้วย มองว่าการที่เด็กมาโรงเรียนเพื่อมาเรียนหนังสือถือว่าเป็นเรื่องดีที่สุดแล้ว จะห้ามไม่ให้เด็กเข้าเรียนคงไม่ได้แน่นอน ดังนั้น โรงเรียนจะแยกแยะหากเด็กแต่งชุดมาผิดระเบียบ ก็ต้องว่ากันไปตามกฎระเบียบของโรงเรียน ได้กำชับผู้อำนวยการโรงเรียนทุกแห่งให้รับทราบถึงแนวปฏิบัติแล้ว เนื่องจากโรงเรียนมีกฎระเบียบเรื่องเครื่องแต่งกายอยู่ รวมถึงโรงเรียนต้องทำความเข้าใจให้แก่ผู้ปกครองรับทราบถึงกฎระเบียบเรื่องเครื่องแบบนักเรียนด้วย

ทวิตเตอร์ปิดบัญชี ร.ร.จิตอาสา

วันเดียวกัน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ทวิตเตอร์ ผู้ให้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ ได้ระงับการใช้งานบัญชีโรงเรียนจิตอาสาพระราชทาน @jitarsa_school ซึ่งเป็นบัญชีที่อ้างว่าทำหน้าที่อบรมหลักสูตรผลิตบุคลากรในการปฏิบัติภารกิจของจิตอาสาพระราชทาน และทีมวิเคราะห์ข้อมูลของรอยเตอร์พบว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีผู้ใช้อื่นๆหลายพันบัญชี ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเผยแพร่โพสต์สนับสนุนสถาบัน ทั้งนี้ ทวิตเตอร์ชี้แจงว่า สั่งระงับเพราะละเมิดกฎการใช้งานด้านการสแปม หรือลงข้อมูลซ้ำๆต่อเนื่อง และใช้แพลตฟอร์มทวิตเตอร์ในลักษณะชักจูง บัญชีโรงเรียนจิตอาสาพระราชทานถูกสร้างเมื่อเดือน ก.ย. มีผู้ติดตามราว 48,000 คน ก่อนถูกระงับบริการ ทั้งนี้ ยังตรวจสอบพบว่าบัญชีผู้ใช้มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ที่ติดตามบัญชีโรงเรียนจิตอาสาพระราชทาน ถูกสร้างขึ้นในช่วงเดือน ก.ย.เช่นกัน และมีลักษณะการใช้งานเพื่อปั่นกระแสแฮชแท็ก #สนับสนุนสถาบัน ทั้งมี 559 บัญชีผู้ใช้ ที่มีลักษณะคล้ายบอต หรือโปรแกรมอัตโนมัติ ไม่ใช่คนเล่นจริงๆ นอกจากนี้ยังตรวจสอบเอกสารภายในของกองทัพบกความยาว 28 หน้า ที่ระบุถึงการใช้แพลตฟอร์มทวิตเตอร์โจมตี “ฝั่งตรงข้าม” และสนับสนุนสถาบัน โดยมีเจ้าหน้าที่กองทัพ 9,743 คน ดูแลบัญชีทวิตเตอร์ 17,562 บัญชี แบ่งเป็นทีมขาว ทีมเทา ทีมดำ ให้ช่วยกันปั่นแฮชแท็ก รีทวีต และติดตามกันเอง พร้อมแนะนำวิธีการว่าควรทำเช่นไร เพื่อให้บัญชีดังกล่าวดูเหมือนว่าเป็นของคนปกติทั่วไป

พปชร.ฟรีโหวตตีความร่าง รธน.

ช่วงเช้าที่รัฐสภา นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงการประชุมรัฐสภาในวันที่ 1 ธ.ค.ว่า เป็นการประชุมเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติที่ ครม.เสนอ ซึ่งฝ่ายค้านได้เสนอร่างประกบกับร่างรัฐบาล แต่ร่างที่ฝ่ายค้านเสนอเข้าข่ายกฎหมายการเงิน ต้องให้ ครม.พิจารณารับรองปัญหาอยู่ที่ว่าแม้ ครม.จะรับรองร่างของฝ่ายค้านแล้ว แต่ก็ไม่เข้าข่ายกฎหมายปฏิรูป ส่วนญัตติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอำนาจของรัฐสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ที่พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันจะไม่ลงมติส่งให้ตีความนั้น ไม่อยากให้ขยายประเด็นให้เกิดความไม่เข้าใจกันภายในวิปรัฐบาล ใน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐเองยังไม่คุยกันว่าจะลงมติอย่างไร แต่เบื้องต้นจะลงมติฟรีโหวต

เสียวศาล รธน.ชี้ชะตานายกฯ

นายวิรัชกล่าวด้วยว่า มีความกังวลเรื่องศาลรัฐธรรมนูญ เตรียมอ่านคำวินิจฉัย ความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว. กลาโหม กรณีใช้บ้านพักทหาร แต่ตอนนี้ยังไม่มีการพูดถึงบัญชีรายชื่อนายกฯสำรอง ขอให้รอฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก่อน

ปชป.ยักท่าให้ตีความหลังวาระ 3

ช่วงบ่ายที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่ประชุม ส.ส.พรรคมีมติร่วมกันจะลงมติไม่เห็นชอบญัตติเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอำนาจของรัฐสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เพราะร่างได้ผ่านความเห็นชอบรับหลักการจากรัฐสภา ผ่านการตรวจสอบจากพรรค การเมืองอย่างรอบคอบแล้ว การรับหลักการร่วมรัฐสภา เป็นการตอกย้ำว่าชอบด้วยรัฐธรรมนูญแล้ว หากจะตรวจสอบความถูกต้องสามารถยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญหลังจากลงมติในวาระที่ 3 ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ การยื่นให้วินิจฉัยขณะนี้เป็นการสร้างเงื่อนไขทางการเมือง โดยไม่จำเป็น อาจถูกตีความว่าไม่จริงใจแก้ไขหรือไม่

ร่างประชามติฝ่ายค้านให้รอคิว

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวว่า ประธานสภาฯชี้ว่าร่าง พ.ร.บ.ประชามติของฝ่ายค้านเป็นกฎหมายการเงิน จำเป็นต้องส่งมาให้นายกฯลงนามรับรอง ส่งมาช่วงปลายสัปดาห์ก่อนเพิ่งถึงทำเนียบฯวันที่ 30 พ.ย. นายกฯต้องถามไปยังหน่วยงานต่างๆแล้วประมวลวินิจฉัย ถึงอย่างไรก็ไม่เป็นปัญหาเพราะฉบับของรัฐบาลต้องเข้าสภาวันที่ 1 ธ.ค.อยู่แล้ว จะแปรญัตติหรืออะไรก็ได้ ยกของฝ่ายค้านมาใส่ยังได้ถ้าคณะกรรมาธิการยอม แต่ร่างของฝ่ายค้านไม่แน่ใจว่านายกฯจะรับรองทันหรือไม่

ก๊วน “หญิงหน่อย” สละเรือ พท.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย นายโภคิน พลกุล นายวัฒนา เมืองสุข และนายพงศกร อรรณนพพร แกนนำพรรคเพื่อไทยได้ให้ตัวแทนยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคแล้ว โดยในจดหมายลาออกไม่ได้แสดงเหตุผลใดๆ แต่คาดว่าน่าจะมาจากแนวความคิดในการทำงานที่แตกต่างจากทีมบริหารชุดปัจจุบัน เพราะกลุ่มของคุณหญิงสุดารัตน์ ต้องการต่อสู้แค่ประเด็นทางการเมืองเท่านั้น แค่ให้นายกฯลาออก และผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อีกทั้งตั้งแต่มีการปรับโครงสร้างใหม่ การจัดวางตัวบุคคลในคณะกรรมการชุดต่างๆมีความพยายามตัดบุคลากรกลุ่มคุณหญิงสุดารัตน์ออกไปทั้งหมด จนเป็นความขัดแย้งที่มีเรื่อยมา จนนำไปสู่การลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคในที่สุด

“ช่อ” จี้ กกต.สอบป่วนหาเสียง

เวลา 10.00 น. ที่ทำการคณะก้าวหน้า ชั้น 5 ตึกไทยซัมมิท น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหาร คณะก้าวหน้า แถลงว่า จะร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีที่คณะก้าวหน้าถูกขัดขวางการหาเสียงเลือกตั้ง 6 กรณี 1.ร้องเรียนทางวินัยกับข้าราชการ อบจ.นราธิวาส เข้าไปคอมเมนต์ในโซเชียลมีเดียถึงขั้นลงขันทำร้ายนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า 2.กรณีการสร้างความปั่นป่วนขัดขวาง ปิดล้อมทางเข้าออกโรงแรม ที่ จ.นครศรีธรรมราช 3.กรณีชายฉกรรจ์เดินตามตะโกนด่าขบวนหาเสียงที่ จ.สมุทรปราการ 4.กรณีกลุ่มบุคคลยุยงให้เกิดการกระทบกระทั่งที่ตลาดนัดเทศบาลปากช่อง จ.นครราชสีมา 5.กรณีชายเสื้อเหลืองชูป้ายตะโกนด่า ที่ จ.สุรินทร์ และ 6.กรณีกลุ่มบุคคลตะโกนไล่นายธนาธรที่ จ.ระยอง

จ่อฟ้องคนหมิ่น “ธนาธร” ล้มเจ้า

น.ส.พรรณิการ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ จะฟ้องหมิ่นประมาทกับบุคคลที่กล่าวหานายธนาธรล้มสถาบันฯ ประกอบด้วย 1.รัฐมนตรีที่แถลงข่าวที่พรรคประชาธิปัตย์ 2.อดีตผู้บริหารสื่อเครือเนชั่น 3.แกนนำภาคีเครือข่ายปกป้องสถาบัน และ 4.อดีต ส.ส.สอบตก แกนนำกลุ่มไทยภักดี คณะก้าวหน้าเชิดชูเสรีภาพการแสดงความเห็นแต่ยอมไม่ได้ที่ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชัง โดยจะรวบรวมพยานหลักฐานฟ้องให้เร็วที่สุด และมีอีกหลายกรณีที่ผู้สมัครนายก อบจ.ถูกคุกคาม ที่ได้แจ้งความดำเนินคดีในพื้นที่ไปแล้ว เช่น จ.ฉะเชิงเทรา และ จ.ระยอง

กกต.ตั้งแท่นสอบคณะก้าวหน้า

ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า ที่ประชุม กกต.วันนี้มีมติสั่ง ตั้งคณะกรรมการสืบสวนกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ในนามคณะก้าวหน้า ช่วยหาเสียงให้กับผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง นายก อบจ. และสมาชิก อบจ. ว่าเข้าลักษณะเป็นพรรคการเมือง ซึ่งมีความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 111 หรือไม่ หลังพิจารณาข้อมูลหลักฐานที่ด้านกิจการพรรคการเมืองของสำนักงาน กกต. รวบรวมเสนอแล้ว เห็นว่ามีน้ำหนักพอสมควรที่ กกต.จะดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากผลการสืบสวนพบว่าการดำเนินการดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นความผิด ไม่เพียงต้องมีการดำเนินคดีอาญาบุคคลทั้ง 3 แล้ว แต่ยังอาจมีผลไปถึงตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ. และสมาชิก อบจ. ที่หากผลการสืบสวนพาดพิงไปว่านำไปสู่การเลือกตั้งไม่สุจริตและเที่ยงธรรม สามารถนำผลการสืบสวนไปดำเนินการตามกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นได้ เช่น สั่งระงับสิทธิสมัครของผู้สมัครไว้เป็นการชั่วคราว หรือใบส้ม รวมถึงการสั่งเลือกตั้งใหม่ได้

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง