มาร์ค ท้า สุรพงษ์ ประท้วงรัฐบาลญี่ปุ่น หากไม่ได้ช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้าประเทศจริง พร้อมจี้ “ยิ่งลักษณ์”เร่งเคลียร์เรื่องให้ชัดก่อนมีปัญหา จี้รัฐบาล แจงกรณีประกาศจะแจกเงินหมู่บ้านแดง...

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ เตรียมแจ้งความกลับกรณีถูกประชาธิปัตย์ ยื่นถอดถอนว่า ตนยังไม่ทราบว่าแจ้งจับใครเรื่องอะไร เพราะการทำหน้าที่ของ สส. ทำหน้าที่ในการตรวจสอบ และ สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่สิ่งที่มีการสร้างเรื่องขึ้นมา แต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงและมีคำยืนยันจากรัฐบาลญี่ปุ่นว่ารัฐบาลไทยไปดำเนินการ และถ้านายสุรพงษ์ ติดใจก็ควรจะไปฟ้องทางญี่ปุ่นด้วย

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีคำพูดที่ไม่ตรงกันระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลญี่ปุ่น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงต้องดูจากสิ่งที่เกิดขึ้นจริงว่า มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น และทางญี่ปุ่น คงต้องตอบคำถามว่า เขามีการเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้เพราะอะไร เขาก็ตอบมาอย่างชัดเจนว่า เป็นการร้องขอของรัฐบาลไทย เพราะฉะนั้นถ้ารัฐบาลไทยเห็นว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้นก็คงต้องประท้วง หรือทำหนังสือไปว่าไม่ได้มีการร้องขอ 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถึงขั้นจะมีการยุบพรรคประชาธิปัตย์ เพราะไปกลั่นแกล้งพรรคเพื่อไทย นายอภิสิทธิ์ ย้อนถามว่า ใครไปกลั่นแกล้งหรือครับ มีการดำเนินการจริงหรือไม่ ถ้าไม่จริงก็คงต้องทำหนังสือประท้วงญี่ปุ่นไปมั้งครับ

เมื่อถามว่าแทนที่พรรคเพื่อไทย จะทำความกระจ่างเรื่องนี้แต่กลับมากล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์โดยใช้วิธีการเดิมๆ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งเหล่านี้เป็นวิธีการทางการเมืองที่ประชาชนไม่อยากเห็น เป็นรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย ต้องได้รับการตรวจสอบ และสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นไปก็ไม่ได้เลื่อนลอย และถือเป็นสิทธิและหน้าที่ของ ส.ส.ที่จะรักษาผลประโยชน์ของประเทศ ดีที่สุดรัฐบาลควรทำหน้าที่ชี้แจงและยอมรับการตรวจสอบจะดีกว่า 

เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ไม่ออกมาชี้แจงเรื่องเหล่านี้แต่กลับใช้วิธีการนิ่งเฉยๆ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า นายกฯควรทำให้กระจ่างไม่เช่นนั้นเรื่องเหล่านี้ก็จะมีข้อครหาไม่ชัดเจน มีการวิพากษ์วิจารณ์ไปไม่จบไม่สิ้น ก็ขอให้เอาความจริงมาว่ากันแล้วเอาให้จบไปดีกว่า

ส่วนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ออกมาปฏิเสธว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ นั้นตนคิดว่าประชาชนคงจะตัดสินใจได้ว่าเป็นอย่างไร และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนมีการแถลงนโยบายด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นก็หวังว่าเรื่องแบบนี้จะไม่มีอีกและ ที่ผ่านมาก็ต้องมีความชัดเจนว่าใครเป็นผู้ไปดำเนินการ

เมื่อถามว่า ความน่าเชื่อถือในตัวผู้นำกำลังลดระดับไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องไปถามประชาชน แต่อยากย้ำว่า ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ตนอยากให้สร้างความมั่นใจให้กับทุกๆ คน การบริหารราชการแผ่นดินจะได้เดินหน้าได้ เพราะหากมีแต่ความคลุมเครือไม่มั่นใจ การทำงานแก้ปัญหาให้กับประชาชนก็จะมีปัญหาตามมา

ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ออกมาประกาศว่า จะให้เงินหมู่บ้านคนเสื้อแดง หมู่ล้านละ 1ล้านบาทว่า ตนทราบเรื่องดังกล่าวจากข่าวเช่นกัน จึงอยากจะฟังจากรัฐบาลว่า นโยบายเรื่องนี้คืออะไร เพราะที่ผ่านมาก็เห็นว่า นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย เคยออกมาระบุว่า ไม่ควรจะมีการไปทำสิ่งเหล่านี้แล้ว และหากมีการไปพูดถึงเรื่องเงินๆทองๆ ก็จะทำให้เกิดความรู้สึกการแบ่งแยก การกดดันประชาชนไปอีก มันไม่สอดคล้องกับเป้าหมายในเรื่องความสามัคคี ความเสมอภาคและเรื่องความปรองดอง

เมื่อถามว่า หมู่บ้านคนเสื้อแดงเป็นแค่เชิงสัญลักษณ์ วันนี้ได้รับรองรับทางกฎหมายแล้วหรือยังจึงสามารถใช้งบประมาณได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าพูดถึงเรื่องเงิน คงไม่ใช่สัญลักษณ์แล้ว และขอยืนยันว่ามันไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องแบ่งแยกคนไทยในลักษณะนี้ ประชาชนคนเสื้อแดงสามารถจับกุมรวมตัวทำกิจกรรมทางการเมืองได้ตราบเท่าที่ไม่ผิดกฎหมาย แต่จะมาในลักษณะการตัวเป็นหมู่บ้าน มันคืออะไร

เมื่อถามว่า โดยปกติหมู่บ้านที่จะได้รับเงินสนับสนุนจากทางรัฐบาล ต้องเป็นหมู่บ้านที่ได้รับการรับรองทางกฎหมายหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเข้าใจว่า เขาก็คงสวมลงไปตัวหมู่บ้านและมีความพยายามส่งสัญญาณว่า การเลือกจัดสรรงบประมาณก็จะไปดูตรงนี้ก่อน ซึ่งก็เป็นเรื่องของการแบ่งแยก สร้างความแตกแยกมากขึ้นในสังคม

ส่วนจะเป็นการให้โบนัสกับคนเสื้อแดงหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็เป็นความพยายาม ที่คิดถึงแต่เรื่องความสนับสนุนทางการเมืองมากกว่า ภาพรวมของประเทศ เมื่อถามว่า จะเป็นการสร้างแรงจูงใจให้เกิดหมู่บ้านแดงเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตรงนั้นเท่าที่มองก็มีความพยายามที่จะทำ อยากจะย้ำว่า อย่าเล่นการเมืองกันแบบนี้เลย เราพยายามที่จะให้บ้านเมืองเดินหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้องมีความสมัครสมานสามัคคี มีความเสมอภาคและมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียว แต่หากต้องการเล่นการเองกันแบบนี้ก็จะมีทำลายประเทศชาติ
บ้านเมือง

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงการแถลงนโยบายของรัฐบาลในระหว่างวันที่ 23-24 ส.ค.ประชาชนจะได้ประโยชน์อะไรบ้างนั้น ว่า เราหวังจะให้ประชาชนได้มองเห็นว่า นโยบายและสิ่งที่รัฐบาลกำลังจะเดินต่อไปมีผลอย่างไรประชาชนในฐานะที่เป็นผู้ที่ใช้สิทธิเลือกตั้ง ก็น่าที่จะได้คำตอบว่าสิ่งที่เคยไปสัญญาหรือสิ่งที่ไปพูดไว้ จะเกิดขึ้นเมื่อไร อย่างไร

เมื่อถามว่า ทางรัฐบาลเองก็เตรียมที่จะรื้อโครงการต่างๆที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ทำไว้ พร้อมกับจะตรวจสอบเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นด้วยนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นการพยายามที่จะสร้างข่าวกันไป ความจริงอะไรไม่ถูกต้องก็ตรวจสอบได้อยู่แล้ว เพราะมีหน่วยงาน กระทรวง ทบวงกรม องค์กรอิสระก็ทำหน้าที่อยู่แล้ว และการที่มุ่งในเรื่องการอนุมัติงบประมาณในการประชุมครม.นัดสุดท้ายเป็นจำนวนเงินที่มากนั้น นายอภิสิทธ์ กล่าวว่าไม่มีปัญหาครับ ครม.นัดสุดท้ายที่พูดกันไปเรื่อย เราก็กลั่นกรองมีหลายเรื่องที่ไม่ผ่านด้วยซ้ำ เรื่องที่ผ่านก็เป็นเรื่องที่มี่ความจำเป็น ไม่ได้มากเท่ากับการอนุมัติในสัปดาห์ธรรมดา และมั่นใจด้วยว่าสามารถชี้แจงได้

ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ที่มีการเตรียมการในเรื่องการจะนำเงินสำรองระหว่างประเทศไปลงทุนในธุรกิจพลังงาน นั้นว่า เรื่องนี้จะเป็นหัวข้อหนึ่งที่มีการอภิปราย เพราะแนวคิดการมีกองทุนความมั่งคั่ง สำหรับประเทศที่มีทุนสำรองเยอะ แต่สิ่งที่สำคัญคือ มีที่มีการแสดงความคิดเห็นมาจากรัฐมนตรีบางคน มันไม่ตรงกับแนวคิดของการบริหารจัดการทุนสำรอง มันจะกลายเป็นความพยายามที่จะหาแหล่งเงินมาทำนโยบายบ้าง อะไรบ้าง ซึ่งตรงนี้มันจะอันตราย เพราะแนวคิดตรงนี้เป็นเรื่องการบริหารทุนสำรอง ให้เกิดประโยชน์สูงสุด มากกว่าที่จะบอกว่าเป็นแหล่งเงินใหม่

เมื่อถามว่า พยายามจะเอาประเทศไปต่อยอดเงินตัวเองหรือไม่นั้น นายอภิสิทธ์ กล่าวว่า เป็นปัญหาที่คิดว่าเขามีความไม่ชัดเจนว่า จะหาแหล่งเงินที่ไหนมาทำนโยบายหลายเรื่อง เมื่อถามย้ำว่า สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ มีการออกพระราชกำหนดที่ใช้เงินกองทุนสำรองมาใช้ แต่ในรัฐบาลชุดนี้หากจะมีการใช้เงินทุนสำรองจะออกเป็นพระราชกำหนดหรือไม่นั้น

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็คงต้องดูจะเอามาจากส่วนไหนนั้น มันมีกฎหมายกำกับอยู่ ออกเป็นการยกเว้นหรือไม่ก็ต้องดูและอยากจะย้ำว่า ทางพรรคเพื่อไทย พูดมาตลอดว่า การใช้เงินเพื่อนโยบายของตัวเองเป็นความสามารถในการหารายได้ ไม่ใช่มาทุบกระปุกของประเทศ

...