“ผูกโบขาว ชูสามนิ้ว” กระแสลามระบาดทั่วทิศ ไวยิ่งกว่าโควิด-19 นิสิต นักศึกษา เรื่อยไปจนถึงเด็กนักเรียนมัธยมขาสั้น ออกมาแสดงสัญลักษณ์กันสนั่นเมือง สะเทือนโซเชียล

เกิดเหตุการณ์ครู อาจารย์ ปะทะคารมโต้เถียงกับเด็กนักเรียน นักศึกษา หลายแห่งกลายเป็นภาพที่ไม่น่าดูชม ท่าทางเกรี้ยวกราด ก้าวร้าวของเยาวชนต่อครูบาอาจารย์ ช่างไม่น่ารักเอาเสียเลย

การแสดงออกทางประชาธิปไตยถือเป็นสิทธิ แต่ไม่ควรใช้อารมณ์นำหน้าเหนือหลักการและจุดยืน

ในทางกลับกันบรรดาครู อาจารย์ ก็ไม่ควรคุกคามปิดกั้นการแสดงออกของเด็กๆ ควรใช้เหตุผลละมุนละม่อมทั้ง 2 ฝ่าย อย่าให้สถานการณ์การเมืองมาทำลายความรัก รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะที่เคยมีให้กัน

เหตุการณ์นี้ต้องจบลงไม่วันใดก็วันหนึ่ง แต่ความเป็นศิษย์อาจารย์จะจบลงก็ต่อเมื่อหมดลมหายใจ

ฝ่ายค้านพรรคเพื่อไทย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรค ออกมาปูดมีการใช้อำนาจรัฐกดดัน ข้าราชการระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการคาดโทษผู้บริหารสถานศึกษา ครู อาจารย์ ที่ปล่อยให้นักเรียนแสดงออก

ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ ทหารกดดันอาจารย์ให้ส่งรายชื่อเด็กและผู้ปกครองที่เป็นแกนนำให้ฝ่ายความมั่นคง

หากเป็นเช่นนั้นจริงสถานการณ์คงเขม็งเกลียวตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ

แต่ฟังนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ แล้วก็สบายใจขึ้น อดีตแกนนำ กปปส.ส่งสัญญาณให้พูดคุยกันระหว่างครูอาจารย์กับนักศึกษา เปิดทางให้แสดงออกอย่างเหมาะสม เพื่อคลายความกดดัน

แม้ตัวเองจะถูกกลุ่มที่ใช้ชื่อว่า “นักเรียนเลว” รวมตัวกันมาเป่านกหวีดไล่ที่กระทรวงจนเจ็บจี๊ด

ความเคลื่อนไหวของเหล่านักเรียน นิสิต นักศึกษายามนี้ สะท้านสะเทือนไปทุกวงการ ไม่เว้นแม้แต่คนอยู่บ้านเดียวกัน กระทั่งพ่อ-แม่-ลูก

...

นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ ออกมาเผยลูกสาวของตัวเองความคิดทางการเมืองเปลี่ยนไป จากที่เคยเดินแจกใบปลิวช่วยหาเสียง มาตอนนี้วิพากษ์วิจารณ์ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม บิ๊กบอสของพ่อซะแล้ว

แถมยังเชื่อหมดใจไม่ต่างจาก “ลุงตู่” และ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ว่าต้องมีใครชักใยอยู่เบื้องหลัง เด็กมัธยมยังคิดเองไม่ได้ เพราะตอน ม.3 ตัวเองยังไถนาอยู่กับควายอยู่เลย

คล้อยหลังไม่นานลูกสาวที่อยู่ ม.3 ขอพูดบ้าง “ความคิดทางการเมืองเปลี่ยนไปอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพ่อได้ 2 ปีแล้ว หลังจากเติบโตขึ้น ได้เจอสังคมใหม่ รับรู้ข้อมูลใหม่ๆ และจะไม่ยอมให้อนาคตตัวเองพังแน่”

สะท้อนชัดคนรุ่นใหม่ยุคโลกศิวิไลซ์ ความคิดอ่านก้าวหน้ารวดเร็วกว่ายุคก่อนเยอะ ดังนั้น ผู้ใหญ่หลายคนต้องเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่ เลิกตั้งโจทย์อคติ เปิดใจฟังเสียงเล็กๆเหล่านี้มากขึ้น

น่าดีใจเสียอีกว่าคนรุ่นใหม่ล้วนฝากความหวังเป็นอนาคตของชาติได้ ไม่เถียง “ลุงตู่” ว่ามีส่วนหนึ่งแห่เกาะกระแสแสดงออกตามเพื่อน เพราะกลัวโดนบูลลี่ กีดกันออกจากกลุ่ม แต่คงไม่ใช่ทั้งหมด

ส่วนใหญ่คิดเอง ทำเองเป็น คลื่นนักศึกษาจึงขยายวงคืบหน้าเป็น “ประชาชนปลดแอก

หมากเกมนี้จะจบยังไง เหตุการณ์จะจบลงแบบไหน ชั่วโมงนี้ทุกคนทุกฝ่ายล้วนสุมหัวคุยแต่เรื่องมุ้งมิ้ง แต่รับรองได้เห็นการเปลี่ยนแปลงแบบชัดเจนแน่

รัฐบาลกำลังเผชิญแรงเสียดทานเพิ่มมากขึ้นทุกขณะ สืบเนื่องจากภาวะขาลง สารพัดเรื่องรุมเร้าฉุดให้กระแสตกต่ำ วิกฤติเศรษฐกิจปากท้อง วิกฤติศรัทธากระบวนการยุติธรรม สังคมเหลื่อมล้ำ

การเมืองอลเวงทะเลาะแย่งชิงอำนาจผลประโยชน์ตามจังหวะนักเลือกตั้งแห่ไล่ตุนเสบียงกรัง ไม่ไว้วางใจสถานการณ์พลิกคว่ำพลิกหงาย พร้อมแยกย้ายกันไปตั้งป้อมค่ายลงสนามเลือกตั้งใหม่อีกรอบ

เรื่องฉาวโฉ่ส่งกลิ่นคละคลุ้งไปทั่วสภาผู้แทนราษฎร

น่าสนใจว่า 3 ป.จะประคองสถานการณ์ต่อไปยังไง จะให้โพลสถาบันไหนสำรวจ โหรสำนักไหนทำนายผลที่ออกมาล้วนแล้วแต่น่าหนักใจ

ถ้าไม่มีอะไรมาพลิกเกมตัดไฟที่ไหม้ลาม รัฐบาลอยู่ไม่ครบเทอมแน่

เศรษฐกิจต้องเร่งแก้ไข ครม.ใหม่ต้องทำงานแข่งกับเวลา ชักช้าคนตกงาน ท้องหิว ขอออกมาตายดาบหน้าบนท้องถนนร่วมชุมนุมกันระเบิดเถิดเทิง

เร่งขจัดความเหลื่อมล้ำพิสูจน์ความจริงใจกระบวนการยุติธรรมไร้สองมาตรฐาน คืนสังคมสู่ความสงบสุขอย่างแท้จริงไร้การคุกคาม

ปล่อยมือเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยของประชาชนตัดวงจรสืบทอดอำนาจ

แบไพ่แก้ไขรัฐธรรมนูญชนิดถอยสุดซอย สกัดม็อบลาม โรคแทรกปฏิวัติซ้อน.

ทีมข่าวการเมือง