แทรกคิวไวรัสมรณะช็อกโลก ฉากระเบิดมฤตยูกลางกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน ราบเป็นหน้ากลองในชั่วพริบตา รัศมีคลื่นกระแทกนับ 10 กิโลเมตร เสียงดังไกลกว่า 250 กิโลเมตร ทำคนตายเฉียดหลักร้อย บาดเจ็บเรือนพัน

อานุภาพทำลายล้างระดับน้องๆระเบิดปรมาณู

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเหตุระเบิดยิ่งซ้ำวิกฤติเลบานอนที่กำลังประสบภาวะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรง ผู้คนตกงานจำนวนมาก ให้ยิ่งเลวร้ายหนักขึ้นไปอีก

ตัดฉากกลับมาประเทศไทย ก็กำลังระทึกกับระเบิดเวลาที่แฝงอยู่ในภาวะวิกฤติ

พร้อมตูมตามลามเป็นลูกโซ่ คลื่นกระแทกใส่ผู้นำรัฐบาลอย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ในฐานะเบอร์หนึ่ง ศบค.

ทั้งปมการเมืองเน่าสนิท จังหวะเปลี่ยนแปลงในพรรคพลังประชารัฐต่อเนื่อง ปรับ ครม.

ในห้วงวิกฤติโรคระบาดทำความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจหดหาย เติมเชื้อไฟการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา ไล่รัฐบาล

ซ้ำด้วยปรากฏการณ์ “โป๊ะแตก” กรณี “บอส อยู่วิทยา” ประจานปฏิรูป “ตำรวจ-อัยการ” เหลว และยังมาตอกย้ำด้วยคดียิงกันตายคาบ่อนกลางกรุง ตบหน้าผู้ใหญ่ในรัฐบาลที่คุยฟุ้งยุคนี้ไม่มีบ่อน ธุรกิจใต้ดิน

...

วิกฤติซ้อนวิกฤติ ไหลรวมเป็นปรมาณู จ่อทำลายล้างขุมอำนาจ 3 ป.

และที่จ่อตาลปัตร การสกัดโควิด-19 ที่เป็นผลงาน “โบแดง” ก็เสี่ยงพลิกเป็น “โบดำ”

โดยปรากฏการณ์กรณีทหารอเมริกันเดินทางจากฐานทัพ เกาะกวม สหรัฐอเมริกา เข้ามาประเทศไทยจำนวน 71 นาย และเดินทางมาจากเมืองโยโกเตะ ประเทศญี่ปุ่น 32 นาย เพื่อฝึกร่วมผสมรหัส “หนุมานการ์เดียน” ร่วมกับกองทัพบกไทย โดยเข้ากักตัว 14 วันในโรงแรมหรูกลางกรุงเทพฯและฝั่งธนบุรี

กระตุกต่อมผวา กระแสต่อต้านพาหะเชื้อเสี่ยงโผล่กลางกรุง

ท่ามกลางเสียงโวยของประชาชน สังคมตั้งคำถามอันตรายการแพร่เชื้อไวรัส ขณะที่ ศบค.และกองทัพบกอ้ำๆ อึ้งๆ เคลียร์แค่จะพยายามควบคุมไม่ให้ทหารสหรัฐฯเพ่นพ่าน

มาตรการสกัดกั้นแบบเข้มข้นถูกพับ มาตรฐานความปลอดภัยคนไทยแกว่ง

ในจังหวะสถานการณ์หวาดเสียวแบบที่ญี่ปุ่นกำลังเผชิญอันตราย ถึงขั้นที่ผู้ว่าการเกาะโอกินาวาของญี่ปุ่น ต้องกลับมาประกาศภาวะฉุกเฉิน “ล็อกดาวน์ซ้ำ” ห้ามคนออกจากบ้านยกเว้นในกรณีจำเป็น ภายหลังการกลับมาระบาดหนัก ทำให้โรงพยาบาลล้นไปด้วยผู้ป่วยโควิด ส่อทำให้ระบบสาธารณสุขของเกาะล่ม

ปมสาเหตุหลักคือทหารอเมริกันที่เดินทางกลับจากประเทศ มายังฐานทัพสหรัฐฯที่ตั้งอยู่บนเกาะนี้

เคสตัวอย่างบนเกาะโอกินาวาหลอนกันตรงหน้า ถ้าเชื้อโควิดเด้งกลับในเมืองไทยเมื่อไหร่ ศบค.และกองทัพบก รวมไปถึงรัฐบาลคงหนีไม่พ้นแรงกระแทกจากปรมาณูการเมืองเขย่าอำนาจ

อานุภาพระเบิดอารมณ์สังคมไทย รัศมีทำลายล้างเกินคาดเดา

ขณะที่ต้นทุนเก่าของ “นายกฯลุงตู่” หน้าตักที่ตุนไว้ร่อยหรอลงทุกที

อาการแบบที่ต้อง “ผูกเสี่ยว” มาด้วยกันไปด้วยกัน ขุมอำนาจ 3 ป.

ตามช็อตที่ “บิ๊กตู่” ล็อกคอ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กับ “อู๊ดด้า” นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปิดห้องพักรับรองคุยเป็นการส่วนตัวก่อนประชุม ครม.

ก่อนออกมาประกาศเสียงดังฟังชัด รัฐบาลพร้อมรับฟังความเห็นทุกฝ่าย ถึงแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 เปิดอ้ารื้อกติกา “ฉบับเอื้อพวกเรา”

เจาะช่องระบาย ผ่องสถานการณ์ม็อบไม่ทนอำนาจ 3 ป.

เพราะในจังหวะพวกเคยขี่คอร่วมรัฐบาล ส่อชิ่งเอาตัวรอด ลีลาแบบที่พรรคประชาธิปัตย์รีบประกาศเคลมเกมรื้อรัฐธรรมนูญเป็นนโยบายพรรคและเงื่อนไขการร่วมรัฐบาล ขณะที่ค่ายภูมิใจไทยก็โดดโหนขบวนนักศึกษา ส่งทีม “เด็กเกรียน” ของพรรคไปยึดแป้นคณะกรรมาธิการฯรับฟังความเห็นกลุ่มคนรุ่นใหม่

โดดเดี่ยวยี่ห้อ “พลังประชารัฐ” ตกขบวน ส่อแววทิ้งลุงๆ 3 ป. เป็นเป้าล่อของนักเรียน นิสิต นักศึกษา

ถึงจุดเสี่ยงพลิกคว่ำพลิกหงาย ได้เห็นธาตุแท้เพื่อนร่วมรัฐบาล “บิ๊กตู่” ไม่มีทางยอมเดียวดาย

เสวยเกมอำนาจด้วยกัน ก็ต้องพร้อมผจญระเบิดด้วยกัน.

ทีมข่าวการเมือง