ตัวอักษรในหนังสือพิมพ์มันมีจิตวิญญาณ

อารมณ์ของผู้นำที่ชอบอ่านข่าวผ่านหน้ากระดาษมากกว่าจอสมาร์ทโฟน เป็นเหตุผลหนึ่งที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จัดโปรแกรมเดินสายพบกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ เพื่อระดมความคิดเห็นในเชิงบริหารวิกฤติโควิดตามวิถีปกติใหม่

เน้นเก็บเกี่ยวข้อมูลจากผู้มีประสบการณ์คร่ำหวอดวงการสื่อ ถือเป็นกระบอกเสียงของประชาชน

แน่นอน ไฟต์บังคับที่ต้องเจอคำถามทุกสำนัก หนีไม่พ้นคิวปรับ ครม.

ณ กอง บก.ไทยรัฐ ล่าสุด “บิ๊กตู่” ยืนยันพร้อมขยับปรับเปลี่ยนในช่วงเวลาไม่เร็วไม่นาน สัญญาณชัดไปอีกขั้น ไม่กล้าแตะโควตาพรรคร่วมรัฐบาล แบะท่าแค่รอรับโพยจากพรรคพลังประชารัฐที่เพิ่งปรับอำนาจกันใหม่ เกลี่ยโควตากันตามเงื่อนไขการเมืองเรื่องเสียง ส.ส. กระแสสังคม ความเหมาะสมในเชิงบริหาร

สงวนสิทธิ์อำนาจตัดสินใจ “ทุบโต๊ะ” เป็นคนสุดท้าย

และถือเป็นการขยายความชัดเจนในความคลุมเครือ วงสนทนากับทีม บก.ไทยรัฐ กรุ๊ป “บิ๊กตู่” ได้ยืดอกรับเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พร้อมสำหรับภารกิจกู้มหาวิกฤติเศรษฐกิจโควิด–19

เข้าใจได้เลยว่า ถึงจะปรับเปลี่ยนตัวรัฐมนตรียังไงก็ไม่มีปัญหา เพราะนายกฯกำกับเกมบริหารทีมเศรษฐกิจเอง แถมมีทีม “ตัวช่วย” คอยเสิร์ฟข้อมูลรายล้อมรอบตัวผู้นำ
นับคณะไม่ถ้วน

พร้อมนำทีมฟื้นเศรษฐกิจ ฝ่าด่านโหดหินไปข้างหน้า

และในมุมกลับกัน นั่นก็เท่ากับยอมรับปัญหาเศรษฐกิจที่ผ่านมาส่วนหนึ่งก็เป็นความรับผิดชอบโดยตรงของ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจด้วยเหมือนกัน

ตามสภาพการณ์ตั้งแต่เปลี่ยนรัฐบาล คสช.มาเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง โดยการแบ่งโควตากระทรวงเศรษฐกิจสำคัญอย่างกระทรวงคมนาคม การท่องเที่ยวฯให้พรรคภูมิใจไทย กระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงเกษตรฯอยู่ภายใต้การกำกับของพรรคประชาธิปัตย์

...

มือเศรษฐกิจตัวหลักอย่างรองนายกฯสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ คุมได้แค่กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม เหลือเครื่องมือแค่ 1 ใน 3 เท่านั้น

มันแตกต่างจากรัฐบาล “ประยุทธ์ 1” โดยสิ้นเชิง

ตามสภาพการณ์ติดล็อกเงื่อนการเมือง ไม่ใช่เศรษฐกิจขาเดียว แต่ต้องเอาหัวเดินต่างขา

และเมื่อนายกฯยืดอกรับ ตอกย้ำสถานะกัปตันทีมเศรษฐกิจชัดๆอย่างนี้ ในมุมของสื่อก็ถือเป็นเรื่องดีที่ได้เห็นภาพความชัดเจน การบริหารทีมเศรษฐกิจพรรคร่วมรัฐบาลจะได้เดินไปในทิศทางเดียวกัน ตามคิว “รีสตาร์ต” กลับมาจูนเครื่องที่กำลังติดๆดับๆ นัดประชุม ครม.เศรษฐกิจในวันที่ 10 กรกฎาคมนี้

ท่ามกลางหุบเหวมรณะข้างหน้า ถ้าพลาดคนไทยตายหมู่

“บิ๊กตู่” ถือธงนำหน้า สัญญาณปลดล็อกเกียร์ว่าง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวฯ รวม ไปถึงกระทรวงแรงงานต้องขยับขับเคลื่อน ปล่อยกระทรวงการคลัง แคะกระปุก “อัฐยายซื้อขนมยาย” หมุนจนน็อกรอบ ลากต่อไม่ไหว

และตามธรรมชาติแบบไทยๆคนทำงานโดนด่า

ประเภทชั่วไม่มี ดีไม่ปรากฏ รัฐมนตรีโลกลืม หลบหลังม่านสบายเนื้อสบายตัวและตัวอย่างของเหยื่อที่โดนการเมืองเล่นจนสะบักสะบอม ถึงวันที่ทีม 4 กุมาร นำโดยนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษาฯ นาย กอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกฯ นัดแถลงลาออกจากสมาชิกพรรค

เก็บกระเป๋าก้าวลงบันได ไม่ก้มหน้าร้องไห้ แม้เจ็บปวดหัวใจ

ในมุมของ “สปิริต” ถ้อยแถลงการณ์ที่นายอุตตมย้ำจากกันด้วยดี ไม่มีความขัดแย้ง ภูมิใจกับภารกิจทำพรรคประสบความสำเร็จได้รับความนิยมจากประชาชน ให้กำลังใจทีมบริหารชุดใหม่นำพรรคต่อไป

อารมณ์ชิ่งกันแบบผู้ดี มีมารยาททางการเมือง

ปลดล็อกตัวเองเป็นโควตารัฐมนตรีคนนอก เคลียร์โจทย์ให้นายกฯปรับ ครม.ง่ายๆ

แต่ถ้าอ่านกันตามยุทธศาสตร์ เหลี่ยมเขี้ยวเซียนการเมือง จังหวะการถอยออกของทีม 4 กุมาร ก่อนหน้าวันเดียวที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคคนใหม่ กดปุ่มเรียกประชุมใหญ่ ตั้งทีมบริหารพรรค จัดเก้าอี้รองหัวหน้าค่าย รองเลขาธิการพรรค แจกรางวัลทีมรถแห่

การจากไปของผู้แพ้ ทีม “4 กุมาร” ต้องได้ใจคนไทยชอบเชียร์ “มวยรอง”

เหนืออื่นใดภาพมันชัด แยกน้ำดีออกจากน้ำเน่า.

ทีมข่าวการเมือง