เจอเข้ามั่ง “งง” ไปไม่เป็นเหมือนกัน
ตามฉากปรากฏการณ์ที่โชเฟอร์แท็กซี่กว่า 200 คัน แห่ไปรับแจกเงิน 1-2 พันบาท จนแน่นหน้าที่ทำการพรรคเพื่อไทย ย่านถนนเพชรบุรีตัดใหม่ จอดต่อแถวยาวเหยียด พานให้รถติดขัด
ก่อนที่แกนนำพรรคจะออกมาบอกปัดเป็น “เฟกนิวส์” แค่ข่าวลวงที่แชร์กันมั่วๆ ส่งต่อๆกันไปเอง ของจริงพรรคเพื่อไทยไม่ได้มีนโยบายแจกเงินช่วยแท็กซี่หรือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่อย่างใด
ในอาการผิดหวัง แท็กซี่ต้องเสียเวลา เสียค่าแก๊ส เดินคอตกกลับ
อารมณ์เดียวกับฉากดราม่า ป้าหอบลูกจูงหลานบุกไปร้องขอพบรัฐมนตรีที่กระทรวงการคลัง
ทวงสิทธิ์การรับแจกเงิน 5 พันจากรัฐบาล โวยรอนาน ไม่มีจะกิน
เดือดร้อนกันทั้งแผ่นดิน คนจนกว่า 30 ล้านคน ครึ่งค่อนประเทศ
ต่อให้มีฤทธิ์เดชปาฏิหาริย์ เทวดายังเสกเงินช่วยไม่ทัน มันเป็นเรื่องที่ประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจสถานการณ์ แต่ก็มีบางส่วนตกเป็นเครื่องมือ หลงเล่ห์นักการเมืองจอมฉวยโอกาส
เอาความเดือดร้อนของชาวบ้านมาปั่นกระแสตีรวน เบิ้ลบลัฟกดดันกันในห้วงความเป็นความตาย
อาศัยปมปากท้อง คนโมโหหิว จุดไฟม็อบได้ง่าย
ท้าทายเสียงสาปแช่งให้เชื้อชั่วเน่าๆตายไปกับไวรัสมรณะ
ฤทธิ์การเมืองแทรกโควิดของพวกไม่รู้กาลเทศะ ลำพังฝ่ายต่อต้าน ขบวนการหมั่นไส้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศบค. นั่นก็พอเข้าใจได้ในไฟต์บังคับของคู่แข่ง
แต่ที่ “บิ๊กตู่” น่าจะรับไม่ได้ก็คือเกมทิ่มแทงกันเองในพรรคร่วมรัฐบาล
ขนาดที่นายกฯขอร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลหยุดเล่นการเมือง เอาบ้านเมืองมาก่อน ก็ยังไม่วายมีพวกลองดี กับปฏิบัติการของ “คึกรายวัน” นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ตัวจี๊ดยี่ห้อประชาธิปัตย์ รับสมอ้างเป็นหัวหอกพรรคร่วมรัฐบาล อันประกอบด้วย ทีมประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา
...
ยื่นหนังสือไล่บี้กระทรวงการคลังชี้แจงเงินกู้มหาศาล 1.9 ล้านล้านบาท
ตัดบทจบเกมไล่บี้ทุจริตกักตุนหน้ากากอนามัยในกระทรวงพาณิชย์ พลิกมา “โชว์หล่อ” สอนมวยนายอุตตม สาวนายน ขุนคลัง ให้นำเงินกู้ในส่วนช่วยเหลือเยียวยา 6 แสนล้านบาท ลุยถั่วแจกประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เพื่อไม่ให้สับสนแบบการแจกเงิน 5 พันบาท ที่โดนครหาว่าแจกไม่ทั่วถึง
ไม่แน่ใจ อารมณ์ “หึง” แทนพรรคร่วมรัฐบาลที่โดนกันออกนอกวงเค้กก้อนใหญ่หรือไม่
แต่ที่แน่ๆนายเทพไทคงต้องกลับไปอ่านคำสั่งของ “บิ๊กตู่” ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.หลายๆรอบ ที่มอบหมายให้ปลัดกระทรวงเป็นหลักในการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินไวรัสระบาด ส่วนรัฐมนตรีแค่คุมนโยบายเท่านั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องที่พรรคร่วมรัฐบาลจะเขม่น หมั่นไส้ ใครคุมเค้ก
เพราะยามนี้เป็น “รัฐราชการ” ตัดนักการเมืองออกนอกวง
“บิ๊กตู่” ตั้งข้าราชการเป็นหลักทุกด้าน สั่งการเองโดยตรง ในภาวะ “รัฐประหารโควิด”
เรื่องของเรื่อง โดยเงื่อนไขสถานการณ์มาถึงจุดนี้ กับความเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของ
พล.อ.ประยุทธ์ในการบริหารอำนาจภายใต้ภาวะฉุกเฉินที่แทบถอดแบบมาจากพิมพ์เขียว คสช.
ข้อดีคือกันเสือหิวฝ่ายการเมืองออกห่างเค้ก ข้อเสียคือช้า ข้าราชการไม่กล้าเสี่ยงตัดสินใจ
แต่ในภาวะที่ไวรัสมรณะล้อมไทย ไม่มีทางเลือกมากนัก น้ำหนักย่อมอยู่ที่ผู้นำอย่าง พล.อ.ประยุทธ์
ประชาชนฝากชะตาไว้กับ “บิ๊กตู่” จะนำไปสู่ทาง “รอด” หรือ “ร่วง”
ในจังหวะสถานการณ์มาถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ตามสภาวการณ์ควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของทีม “บิ๊กตู่” เป็นไปอย่างมีประสิทธิผล จนคุมตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มใหม่แต่ละวันอยู่ที่ 20-30 คน
ได้รับการยอมรับมาตรฐานทางการแพทย์ เป็นเบอร์ต้นๆของโลก
แต่ในขณะที่ตัวเลขติดเชื้อโควิดลดลง นั่นก็สวนทางกับเสียงจากพวกกลัว “อดตาย” ที่ดังขึ้นทันที ภาคธุรกิจขยับกดดัน เรียกร้องให้รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสมรณะ
ท่ามกลางการทักท้วงของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ “อันตรายมาก” หาก “การ์ดตก”
แน่นอน เดาทางได้ง่ายๆในอารมณ์ที่ “บิ๊กตู่” ตัดสินใจเชื่อทีมอาจารย์แพทย์ ทำให้ไทยเดินมาถูกทาง
ผู้นำย่อมเลือกอยู่ข้างทีมหมอไว้ก่อน ชัวร์กว่าเยอะ.
ทีมข่าวการเมือง