น่าจะให้โหรตรวจยามสามตา ลักขณาดาวดวงใดเสวยปาก
ตามสภาพการณ์แบบที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม
ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. กำลังเจอปมปัญหาว่าด้วยการสื่อสารกับผู้คนโดนด่าแบบเรื่องไม่เป็นเรื่อง
คำพูดคำจาถูกตีความในทางร้าย จากที่จะบวกกลายเป็นลบ
โดยเฉพาะปรากฏการณ์ล่าสุด 2 ช็อตต่อเนื่องกัน ไล่ตั้งแต่ประเด็นการแจกเงินช่วยผู้ขาดรายได้จากมาตรการสกัดการระบาดของโรคโควิด-19 ที่คนตกสำรวจส่งเสียงโหวกเหวกโวยวาย
ทำให้ “บิ๊กตู่” ออกมาตัดบทเคลียร์แบบทะลุกลางปล้อง งบฯเหลือแจกเงิน 5 พันแค่เดือนเดียว นอกนั้นต้องรอ พ.ร.ก.เงินกู้
สื่อให้รู้ขั้นตอนการบริหารงบฯ แต่กลายเป็นกระตุกกระแส “รัฐบาลถังแตก”
และเหมือนผีผลัก เรื่องแจกเงิน 5 พันยังค้างๆคาๆ “บิ๊กตู่” ก็แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ จ่อร่อนจดหมายเปิดผนึกถึง 20 อภิมหาเศรษฐีเมืองไทย ขอให้ร่วมมือกันกู้วิกฤตการณ์ไวรัสระบาด
ตามคาด กระแส “รัฐบาลขอทาน” กระหึ่มซ้ำ ตอกย้ำภาพ “รัฐบาลถังแตก”
ซึ่งนั่นก็ต้องเหนื่อย “แปลไทยเป็นไทย” อีกรอบ ตามภารกิจของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ มือเศรษฐกิจ ไล่ตามอธิบายซ้ำ รัฐบาลไม่ได้ถังแตก มีเงินแจก 5 พันบาทครบ
การกู้เงินเป็นกระบวนการปกติ เพราะไม่มีประเทศไหนเตรียมงบฯไว้รับมือไวรัสระบาดฉุกเฉินที่ไม่รู้ล่วงหน้า
ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย ก็ปัดไม่ได้เป็น “รัฐบาลขอทาน”
จดหมายขอความร่วมมือเศรษฐีเพื่อระดมความคิด ไม่ได้ขอเงิน
ประเด็นเดียวกันกับ “บิ๊กตู่” แต่ฟังจาก “สมคิด-วิษณุ” กลายเป็นคนละเรื่อง
...
และนั่นก็คือเรื่องไม่เป็นเรื่องที่ผู้นำอย่าง “บิ๊กตู่” ต้องพลาดเข้าเนื้อโดยไม่จำเป็น
ที่สำคัญ “รัฐบาลขอทาน-รัฐบาลถังแตก” มันกลบประเด็นโบแดงของรัฐบาล ที่สามารถควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างทรงประสิทธิผล ตามสถิติตัวเลขการติดเชื้อรายวันที่ลดลงต่อเนื่องอยู่หลัก 20-30 คน รวมถึงผู้ป่วยที่รักษาหายกลับบ้านมากกว่าผู้ป่วยสะสม
สะท้อนหมอไทยเก่ง สถานการณ์อยู่ในภาวะ “เอาอยู่”
องค์การอนามัยโลก (WHO) ชาวต่างชาติพากันแสดงความชื่นชม
มาตรฐานระดับเบอร์ต้นๆของโลกก็ว่าได้ นั่นก็เป็นผลจากการตัดสินใจที่เด็ดขาดของ “บิ๊กตู่”
ในการมอบธงให้ทีมอาจารย์แพทย์เป็นฝ่ายนำยุทธศาสตร์สกัดไวรัส หักดิบเวนคืนอำนาจจากฝ่ายการเมือง พรรคร่วมรัฐบาลที่สะเปะสะปะออกทะเล ทั้งไม่โปร่งใส ทั้งมือไม่ถึง
จากที่จะเสียท่าโดนตีแตกพ่าย พล.อ.ประยุทธ์ดึงจังหวะกลับมาคุมการบุกของไวรัสมรณะได้
แค่นี้ก็คุย 3 วัน 2 คืนไม่จบ กับสถานการณ์ที่ประชาชน
คนไทยเห็นกันชัดๆตรงหน้า
ยิ่งเมื่อเทียบกับทีมเพื่อไทย ที่จ้องจังหวะลากเข้าเหลี่ยมตีกิน แบบที่แทบทันทีทันควันรีบตีปี๊บให้ “บิ๊กตู่” ขอคำปรึกษา “มหาเศรษฐีลำดับที่ 16” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพราะเชี่ยวเชิงเศรษฐกิจเหนือกว่า
อวยลูกพี่บลัฟทันที ทั้งที่รู้ดี รอพระอาทิตย์ขึ้นทิศตะวันตกอาจจะเป็นไปได้
ขบวนการ “หน่อย-แดง-อ๋อย” ไม่มีมุกอะไรมากไปกว่าดักเจาะยาง ไม่ให้ “บิ๊กตู่” ทำแต้มทิ้งห่างเกินไป
ในมุมเซียนเขี้ยวทางการเมือง ศึกพิชิตโควิด-19 เท่านี้ พล.อ.ประยุทธ์ก็ตุน “แต้มต่อ” ในมือแล้ว
ส่วนแนวโน้มโจทย์โหดหินทางเศรษฐกิจ ก็ถือว่านายกรัฐมนตรีตัดสินใจรวดเร็ว ในการเปิดไฟเขียวให้ทีมของนายสมคิด ทั้งนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ที่แพ็กเป็นทีมเดียวกับแบงก์ชาติ ภายใต้การนำของนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธปท. ในการออก พ.ร.ก.เกี่ยวกับการเงินกู้วิกฤติโควิด
มีวงเงินชัวร์ตามกฎหมายเพื่อบริหารแบบยืดหยุ่นตามสถานการณ์
หลักประกันว่ารัฐบาลจะไม่ตกอยู่ในภาวะเงินขาดมือในการดูแลปากท้องชาวบ้าน รวมไปถึงการประคองธุรกิจไม่ให้ล้มหายตายจาก อาจทำเศรษฐกิจฟื้นลำบากหลังจบการแพร่ระบาดไวรัส
และโดยธรรมชาติเมื่อเงิน 5 พันที่ทยอยแจกถึงมือประชาชน ได้มากเท่าไหร่ เสียงโวยก็จะเบาลงไป
กระทรวงการคลังที่โหลดน้ำหนักอยู่ฝ่ายเดียว แต่ถึงที่สุดจะถูกมองเป็นผู้ปิดทองหลังพระในยามวิกฤติตรงกันข้ามกับพวกที่ใส่เกียร์ว่าง ตัวอย่างชัดๆกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ที่เปรียบเสมือนกรมประชาสงเคราะห์ในอดีต แทบเงียบสนิทกับภารกิจดูแลคนยากจน คนไร้ที่พึ่ง ซึ่งไม่รวมอยู่ในข่ายได้สิทธิ์รับแจก 5 พันบาท
นี่ต่างหากที่ต้องไล่เบี้ย เคลียร์สนิมเนื้อในพรรคร่วมรัฐบาล
ก่อนข้ามช็อตไปคุยวงนอก “บิ๊กตู่” ต้องไล่หวดขันนอตวงใน ครม.
ทีมข่าวการเมือง