ปชป.ให้ทบทวน วิธีการ ‘คัดกรอง’ เสรีฯ จวกแหลก! ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย
“เสรีพิศุทธ์” ฉะรัฐบาลมือเติบ ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายจนแทบไม่เหลือแก้โควิด พท.ร่อนแถลงการณ์ย้ำใช้เงิน 1.9 ลล. ต้องโปร่งใส- ตรวจสอบได้ แนะเร่งผ่อนปรนมาตรการทาง ศก. “เทพไท” ดักคอคลังให้อุทธรณ์แค่แก้เกี้ยว ฉะยับใช้เอไอยิ่งทำเหลื่อมล้ำ จี้รัฐบาลทบทวนวิธีการคัดกรองใหม่ “คำนูณ” เสนอยกร่าง พ.ร.บ.แก้จน รับมือคนจนพุ่ง 19 ล้านคน “ไผ่” ชูอัดฉีดกำนัน-ผญบ.-อสม. แต่กลุ่มกำนันฯ เมืองนครปฐมไม่เอาด้วย “วิษณุ” แย้ม พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ลล. จ่อเข้า ครม.อัยการยันไม่อุทธรณ์คดี “โอ๊ค”
ปัญหาความลักลั่นของระบบคัดกรองคุณสมบัติผู้ได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาล ทำให้ประชาชนจำนวนมากเสียสิทธิ จนรัฐบาลถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักว่าระบบเอไอที่นำมาใช้คัดกรองไร้ประสิทธิภาพ ขณะที่พรรคการเมืองทุกฝ่ายออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนวิธีการคัดกรองใหม่ และเร่งเยียวยาประชาชนทุกกลุ่ม

...
“เสรีฯ” ฉะรัฐบาลใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย
เมื่อวันที่ 14 เม.ย. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ติดตามการบริหารงบประมาณของรัฐบาลในช่วงสถานการณ์วิกฤติไวรัสโควิด-19 ซึ่งรัฐธรรมนูญมาตรา 47 บัญญัติถึงสิทธิของประชาชนที่ต้องได้รับการปกป้องและป้องกันโรคติดต่ออันตรายจากรัฐ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ดังนั้นหน้ากากอนามัยต้องเป็นหน้าที่รัฐจัดส่งให้ประชาชนถึงบ้าน ใครสงสัยจะติดเชื้อสามารถรับการตรวจได้ฟรี ผู้ติดเชื้อต้องได้รับการรักษาฟรี ยิ่งรัฐบาลสั่งให้ร้านค้าหยุดกิจการต้องชดเชยค่าเสียหายให้ แต่กลับไม่เตรียมความพร้อม เพราะใช้จ่ายงบฟุ่มเฟือย ช่วง 6-7 ปีที่ผ่านมาใช้งบเกินดุลทุกปี ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายเกินตัวซื้อแต่ขยะเข้ามา การซื้อเรือดำน้ำ รถถัง เครื่องบิน เรือรบ ซื้อแต่ของเก่าโดยไม่จำเป็น พอเกิดโรคระบาดจึงไม่มีเงินซื้อหน้ากากอนามัย หรือมีเงินเยียวยาแจกประชาชน แถมจะกู้มาอีก 2 ล้านล้านบาท ให้เป็นภาระต้องตามใช้หนี้ในอนาคต
ส.ส.ต้องดูแลประชาชนอยู่แล้ว
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า ส่วนการเรียกร้องให้ ส.ส. ส.ว. สละเงินเดือนมาช่วยตรงนี้นั้น อยากให้แยกแยะระหว่าง ส.ส.กับ ส.ว. เพราะ ส.ว. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นผู้เลือกมา ไม่ผูกพันกับประชาชน ไม่มีพื้นที่รับผิดชอบ เงินเดือนที่ได้มาใช้เฉพาะตัวเอง จึงควรบริจาค แต่ ส.ส.มาจากการเลือกตั้ง ยึดโยงกับประชาชน เงินเดือนต้องนำไปใช้จ่ายกับประชาชนตลอดเวลา ถ้าจะบอกให้ ส.ส.และ ส.ว. ต้องสละเงินเดือนไปบริจาค คงไม่เหมือนกัน แม้พรรคเสรีรวมไทยจะมีแต่ ส.ส.บัญชีรายชื่อแต่ทุกคนดูแลประชาชนตลอด แค่ไม่ประกาศให้รู้เหมือน ส.ส.บางคน ไม่ได้หมายความว่าต้องเอาเงินกองไว้ให้คนอื่นนำไปบริหาร เราสามารถบริหารเองได้
พท.แถลงการณ์ย้ำความโปร่งใส
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ถึงวิกฤติโควิด-19 มีผลกระทบใหญ่หลวงต่อประชาชน รัฐบาลต้องแก้ปัญหาด้วยวิสัยทัศน์ ยุทธศาสตร์ และมาตรการต่างๆ ทั้งในทางกฎหมายและทางปฏิบัติ ที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ตรวจสอบได้ และรับผิดชอบตามหลักการการบริหารราชการแผ่นดินที่ดี พรรคเพื่อไทยขอเสนอความคิดเห็นดังนี้ ควรปรับลดงบ ประมาณที่ไม่จำเป็นของปี 2563 คาดว่าหากปรับลดร้อยละ 10-15 จะได้เงินราว 5 แสนล้านบาท ทำให้เหลือเงินกู้เพิ่มเพียง 5 แสนล้านบาท การบริหารงบกว่า 1.9 ล้านล้านบาท ประชาชนต้องได้ประโยชน์สูงสุด เกษตรกรต้องได้เงินเยียวยาครอบครัวละ 35,000 บาท ต้องจัดหาเครื่องมือเครื่องใช้ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ แก่บุคลากรทางการแพทย์ สร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว นักลงทุน หนุนเอสเอ็มอีเข้าถึงเงินกู้
เร่งผ่อนปรนมาตรการทาง ศก.
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวต่อว่า พรรคเพื่อไทยเห็นว่าธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ควรเป็นผู้ให้กู้โดยตรงกับภาคเอกชน ควรให้ธนาคารพาณิชย์ดำเนินการ รัฐบาลต้องมีแนวทางและมาตรการใช้เงินกู้อย่างโปร่งใส มีประสิทธิผลและตรวจสอบได้ โดยตั้งคณะกรรมการที่ครอบคลุมผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งจากภาครัฐและเอกชน พร้อมรายงานการใช้เงินต่อสภาฯทุก 3 เดือน นอกจากนี้ รัฐบาลควรผ่อนคลายมาตรการให้ประชาชนได้กลับมามีกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และชีวิตประจำวันตามปกติโดยเร็วที่สุด บนพื้นฐานของความปลอดภัยของทุกฝ่ายด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยในระยะแรกของการผ่อนปรน รัฐบาลต้องทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นว่า หากเกิดการเจ็บป่วยด้วยไวรัสดังกล่าว รัฐบาลจะสามารถดูแลรักษาได้ทั่วถึง
“การุณ” ท้าชาเลนจ์ ส.ส.ลงพื้นที่
ด้านนายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กท้า ส.ส.ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน ระบุว่า “ส.ส.ไม่ทิ้งประชาชน นายการุณ โหสกุล ขอท้า ส.ส.ทุกท่านในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ ประชาชน เดือดร้อนทุกตารางนิ้วจากพิษโควิด-19 ขอท้า ส.ส.ทุกท่านมาช่วยเหลือ และดูแลพี่น้องประชาชนในเขต พื้นที่ของท่านร่วมกันครับ กติกา 1.ให้ลงรูป หรือคลิป การลงพื้นที่ช่วยเหลือดูแลพี่น้องประชาชนในเขต อย่างน้อย 3 รูป หรือ 3 คลิปแล้วแต่ท่านสะดวก 2.แท็กพี่น้อง ส.ส. ไม่จำกัดพรรคไปอีก 5-20 คน ถ้าพวกเรา ส.ส.ทุกท่านร่วมมือร่วมใจช่วยเหลือประชาชนจะเป็นการบรรเทาเยียวยาและตอบแทนพ่อแม่พี่น้องที่ไว้ใจ เลือกเราเข้ามาเป็นผู้แทนประชาชน ไม่ใช่ไปหาแต่ตอนขอคะแนนเสียงเท่านั่นครับ เราจะ ผ่านวิกฤติโควิด-19 ไป”

ดักคอคลังให้อุทธรณ์แค่แก้เกี้ยว
ขณะที่นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ได้รับการร้องทุกข์จากพี่น้องประชาชนจำนวนมาก กรณีถูกตัดสิทธิจากการ คัดกรองรายชื่อผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในโครงการเราไม่ทิ้งกัน ทำให้ต้องเสียสิทธิไม่ได้รับการ เยียวยา การที่รัฐบาลเปิดให้ยื่นอุทธรณ์ได้นั้น น่าจะเป็น แค่การแก้เกี้ยวในข้อผิดพลาดคัดกรองของระบบเอไอมากกว่า อย่าทำให้ประชาชนต้องเดือดร้อนไป มากกว่านี้เลย รัฐบาลต้องยอมรับว่าระบบเอไอมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นได้ และวิธีการนี้อาจสร้างความเหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรมให้กับประชาชนได้ ขอเรียกร้อง ให้รัฐบาลทบทวนวิธีการคัดกรองใหม่ ส่วนตัวยังยืนยันอยากให้รัฐบาลเยียวยาให้คนไทยทุกคนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป มีเงินฝากไม่เกิน 100,000 บาท ต้องได้รับการเยียวยาจากรัฐบาลทุกคน หากรัฐบาลใช้หลักเกณฑ์และวิธีการดังกล่าว จะสามารถแก้ปัญหา ความเหลื่อมล้ำความไม่เป็นธรรมได้ทันที
ชมคนไทยให้ความร่วมมือ 99%
นายเทพไทกล่าวต่อว่า สำหรับบรรยากาศช่วงเทศกาลสงกรานต์ในปีนี้ ต้องขอชื่นชมคนไทยทุกคนที่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาล แสดงให้เห็นว่าคนไทยเป็นคนมีระเบียบวินัย และปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด คนส่วนใหญ่ 99 เปอร์เซ็นต์ ร่วมมือกันทำให้บรรยากาศสงกรานต์เป็นไปด้วยดี แสดงถึงความพร้อมใจฟันฝ่าวิกฤติไวรัส โควิด-19 ส่วนใหญ่จะอยู่บ้าน มีการแสดงออกถึงความ กตัญญูกตเวทีทางออนไลน์ ส่วนตัวได้ให้ความร่วมมือ กักตัวอยู่บ้าน ส่งคำอวยพรไปทางช่องทางโซเชียลมีเดีย และทำเพลงลูกทุ่ง “หยุดเชื้อเพื่อชาติ” ส่งให้แฟนคลับเพื่อความบันเทิงได้ฟังกันตอนอยู่ที่บ้าน
“คำนูณ” แนะยกร่าง พ.ร.บ.แก้จน
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว. กล่าวว่า ตามที่ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ประเมินว่าหากวิกฤติโควิด-19 ลากยาวไปอีก 6-12 เดือน จะทำให้รายได้ของคนไทยหายไป 30 เปอร์เซ็นต์ ทำให้คนจนในประเทศไทยพุ่งขึ้นเป็นเกือบ 19 ล้านคน จากเดิมที่มีไม่ถึง 7 ล้านคน ดังนั้นเห็นว่ารัฐบาลต้อง เร่งจัดให้มีกลไกและกระบวนการแก้ปัญหาความยากจน และลดความเหลื่อมล้ำโดยเร็ว โดยตั้งคณะกรรมการยกร่าง พ.ร.บ.จัดกลไกและกระบวนการในการแก้ปัญหา ความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำขึ้นมา จัดทำเป็น ร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศ เพื่อให้รัฐสภามีส่วนร่วมในกระบวนการพิจารณา และเปิดกว้างให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมด้วย ไม่ใช่แค่ให้เป็นบทบาทของภาครัฐราชการเท่านั้น สำหรับคณะกรรมการยกร่างฯให้มาจากคณะกรรมการกฤษฎีกาครึ่งหนึ่ง ผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกครึ่งหนึ่ง ใช้ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีที่สำนักงาน สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ยกร่างไว้ก่อนมาเป็นตัวตั้ง และส่งเข้าสภาให้ได้ภายใน สมัยประชุมที่จะถึงนี้
“ไผ่” ชูอัดฉีดกำนัน–ผญบ.–อสม.
ด้านนายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนในช่วงโควิด-19 ระบาด ทำให้เห็นว่ากำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เป็นกำลังหลักช่วยเหลือประชาชน ต้องลงพื้นที่ไปให้คำแนะนำประชาชนที่เดินทางกลับมาจาก กทม. ให้ความรู้เกี่ยวกับการกักตัวเองอยู่ที่บ้าน ทั้งยังต้องมีส่วนตั้งด่านป้องกันโรค ถือเป็นด่านหน้าที่เสี่ยงไม่น้อยกว่าหมอพยาบาล ทำด้วยใจสาธารณะ ลำพังเงินเดือนไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตแน่นอน น้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำเสียอีก ดังนั้นต้องทำงานอย่างหนักช่วยเหลือประชาชนเช่นนี้ จึงอยากเสนอให้รัฐบาลเร่งพิจารณาเพิ่มเงินเดือนหรือค่าตอบแทนพิเศษในช่วงนี้ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ และต้องเร่งจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นต้องใช้ให้ทั่วถึง
กำนัน ซัด “ยงยศ” แอบอ้าง
ที่ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล (สำนักงาน ก.พ.) นายนัยฤทธิ์ จำเล ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน จ.นครปฐม พร้อมสมาชิกชมรม เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี แสดงความไม่เห็นด้วยที่นายยงยศ แก้วเขียว นายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านแห่งประเทศไทย ทำหนังสือขอให้รัฐบาลจัดสรรงบฯช่วยเหลือเยียวยากำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านรายละ 5,000 บาท เป็นเวลา 6 เดือน นายนัยฤทธิ์กล่าวว่า ชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน จ.นครปฐม ไม่ได้เรียกร้องสิ่งใดจากรัฐบาลตามที่นายยงยศกล่าวอ้าง เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวนายยงยศเท่านั้น หลายๆส่วนไม่ทราบเรื่อง ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน จ.สกลนคร ได้ยื่นหนังสือไม่เห็นด้วยกับนายยงยศเช่นกัน โดยมีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ และนายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาปลัดสำนักนายกฯ ลงมารับเรื่อง

“วิษณุ” แย้ม พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ลล.เข้า ครม.
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าของร่าง พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ว่า วันที่ 15 เม.ย. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะส่งเรื่องมายังที่ประชุม ครม.ให้ทราบอีกครั้ง จากนั้นจะนำขึ้นทูลเกล้าฯถวาย หลังจากการโปรดเกล้าฯ เมื่อมีการประกาศก็จะมีผลทันที จากนั้นจะนำเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ ซึ่งจะเปิดวันที่ 22 พ.ค. จะไม่เรียกประชุมก่อน ส่วนจะใช้เวลาพิจารณาอย่างไรเป็นเรื่องของสภาฯ หากสภาฯไม่เห็นชอบก็ตกไป ต้องหยุดปฏิบัติ แต่ที่ผ่านมาก็สมบูรณ์ดี
ปลัด สปน.เน้นทำงานเชิงรุก
วันเดียวกัน นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันที่ 14 เม.ย. เป็นวันคล้ายวันสถาปนาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.)ก้าวเข้าสู่ปีที่ 61 ได้น้อมนำแนวพระราชดำริ สืบสาน รักษาต่อยอด ของพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว มาเป็นแนวทางปฏิบัติ และวางแนวทางทำงาน “เร็ว รุก สุขกับงาน วิชาการนำหน้า จิตอาสาเพื่อสังคม” ให้ส่วนราชการขับเคลื่อนด้วยความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันนายกฯมอบหมายให้ สปน.เป็นหน่วยประสานความร่วมมือทุกภาคส่วนเพื่อแก้ไขปัญหาโควิด-19 ได้รับข้อร้องเรียนข้อเสนอแนะ และความคิดเห็นผ่านสายด่วน 1111 ระหว่างวันที่ 5 มี.ค.-12 เม.ย. รวม 109,261 ส่วนใหญ่ขอให้รัฐเพิ่มมาตรการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนให้ครบทุกกลุ่ม ควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภค วางแผนการจัดการขยะติดเชื้อขยะชุมชนทั่วประเทศ ขอให้คนไทยทุกคนให้ความร่วมมือกับภาครัฐเพื่อลดการแพร่ระบาด
“วัชระ” จองเวร “โอ๊ค” คดีกรุงไทย
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ได้ส่งหนังสือสอบถามความคืบหน้าคดีฟอกเงินกรุงไทย กรณีนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ รับเช็ค 10 ล้านบาท ถึงนายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด (อสส.) นพ.ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ รักษาการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ตามที่สื่อมวลชนตั้งข้อสงสัยในการปฏิบัติหน้าที่ของดีเอสไอ ติดตามคดีนี้มาตั้งแต่เป็น ส.ส. เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ ขอเรียนถามว่า 1.สถานะของคดีปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนใด 2.อัยการสูงสุดและดีเอสไอจะอุทธรณ์คดีหรือไม่อย่างไร มีกระแสข่าวว่าอัยการสูงสุดเห็นชอบกับการไม่อุทธรณ์คดีนี้จริงหรือไม่ ยึดหลักการอะไร โปรดแถลงข้อสงสัยโดยด่วนที่สุด ทั้งนี้ เพื่อรักษาไว้ซึ่งหลักนิติรัฐนิติธรรม
อัยการเห็นควรไม่อุทธรณ์คดี
นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษก อสส.กล่าวถึงการอุทธรณ์คดีของนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จำเลยในคดีฟอกเงินธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้เครือกฤษดามหานคร ในส่วนเช็ค 10 ล้านบาท ว่า คดีนี้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางพิพากษายกฟ้อง เมื่อคัดถ่ายคำพิพากษามาแล้ว อัยการคดีพิเศษว่าคำพิพากษาของศาลชอบแล้วที่ยกฟ้อง จึงเสนอเห็นควรไม่อุทธรณ์ไปที่สำนักงานอัยการคดีศาลสูง ที่มีนายมนต์ชัย บ่อทรัพย์ เป็นอธิบดีอัยการ ตั้งคณะทำงานขึ้นมา 5 คน ร่วมกันพิจารณาสำนวน ซึ่งคณะทำงานทั้ง 5 คน เห็นพ้องต้องกันว่าคำพิพากษาของศาลที่ยกฟ้องชอบแล้ว ทั้งอัยการคดีพิเศษและอัยการคดีศาลสูงเห็นด้วยกับคำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตฯ ที่ยกฟ้อง จากนั้นเสนอสำนวนไปที่ดีเอสไอพิจารณาเห็นแย้งหรือเห็นด้วย ถ้าดีเอสไอเห็นด้วยกับอธิบดีอัยการศาลสูงคดีก็ถือว่าสิ้นสุด แต่ถ้าไม่ก็ต้องเสนอความเห็นไปยังอัยการสูงสุด