รัฐบาลพร้อมดูแลทุกกลุ่มที่จำเป็นต้องดูแลเพราะถูกวิกฤติโควิด–19 กระทบ ไม่ใช่จะดูแลเฉพาะกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด หากมีกลุ่มที่จะดูแลต่อไปก็จะทำ และได้จัดเตรียมงบประมาณไว้ เช่น เตรียมออกพระราชกำหนดการกู้เงินมารองรับการแก้ปัญหาอย่างเพียงพอและเป็นระบบ
นี่คือข้อความ “เน้นย้ำ” จาก “ขุนคลัง” นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ที่ฝากสื่อสารผ่าน “ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ” ถึงประชาชนที่กำลัง “ลุ้น” รอการจ่ายเงิน 5 พันบาท ช่วยเหลือจากรัฐบาล
ท่ามกลางสถานการณ์เสียงอื้ออึงจากพวกที่ยังไม่ได้เงินโอนเข้าบัญชี
ในจังหวะฝ่ายค้านพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย ก็ได้เหลี่ยมเร้าดีกรีอารมณ์เหวี่ยงของผู้คนในสังคม ด้วยการไล่บี้ไล่จี้ทีมของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้รีบลุยถั่วแจกเงินชาวบ้านแบบหว่านปูพรมไปเลย ไม่ต้องรอระบบ “เอไอ”ที่ติดๆขัดๆ
ยุให้จัดหนักเอาใจกองเชียร์ แบบพวกที่ไม่ต้องรับผิดชอบผลทางกฎหมาย
แต่แน่นอนงานนี้ทีม “ลุงตู่” คงไม่บ้าจี้ตาม เพราะพลาดไปรัฐบาลนั่นแหละที่มีสิทธิ์เสี่ยงคุกเสี่ยงตะราง เพราะเงินของแผ่นดินต้องมีวิธีงบประมาณ จะใช้แบบมั่วๆตามอำเภอใจไม่ได้
สรุปเบื้องต้น ณ ตอนนี้ การจ่ายเงิน 5 พันบาทให้กลุ่มลูกจ้างและผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ตกงาน จำนวน 3 เดือนก่อน และอาจยืดได้ถึง 6 เดือนตามสถานการณ์ระบาดไวรัสจะยุติ โดยยึดฐานข้อมูลจากกลุ่มที่ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงแรงงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯ และการเสียภาษีเป็นหลักก่อน
โดยไม่ให้ซ้ำซ้อนกับพวกที่ได้รับจากกองทุนประกันสังคม
...
ขณะเดียวกันในส่วนของเกษตรกรที่มีฐานข้อมูลอยู่กับ ธ.ก.ส.ก็จะได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล โดยรอความชัดเจนจากมติ ครม. จากนั้นถึงจะค่อยไล่พิจารณาพวกที่อยู่นอกข่ายฐานข้อมูล
ต้องเข้าใจประเทศไทยยังไม่มีระบบ “บิ๊กดาต้า” ฐานข้อมูลที่สมบูรณ์เป๊ะๆ ก็ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเอาตัวรอดกันไปแบบไทยๆ ในสภาพที่แย่กันหมด เป็นวิกฤตการณ์ฉุกเฉินของโลก ที่ไม่เคยพบเจอมา
แต่ที่แน่ๆมาไวตามนัดจริงๆแค่ตัวเลข 1.9 ล้านล้านยังลอยๆ
กับเสียงทักดักคอดักทางของขบวนการต่อต้านคอร์รัปชันที่ออกมาขู่ตีกันรัฐบาลให้ใช้เงินกู้จำนวนมากเป็นประวัติศาสตร์ ในการแก้วิกฤติโรคระบาดอย่างโปร่งใส ไร้ทุจริต
และนั่นก็ประกันด้วยเครดิตที่ไม่ธรรมดาเหมือนกัน
โดยต้นทุนหน้าตักส่วนตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ที่สังคมเชื่อใจความโปร่งใส รวมถึงหัวหอกในแผนการดัน พ.ร.ก.กู้เศรษฐกิจโควิด อย่างนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯมือเศรษฐกิจ ที่อยู่มาตั้งแต่ยุครัฐบาล “ทักษิณ” จนถึงรัฐบาล “ประยุทธ์” ไม่เคยมีปมด่างพร้อย
“ขุนคลัง” อย่างนายอุตตมก็เป็นมือวิชาการ ตั้งใจทำงานเอากล่อง ไม่ประสาการเมือง รวมไปถึงนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธปท. ก็บ่งบอกยี่ห้อด้วย “นามสกุล”

ทีมคุมขุมทรัพย์ 1.9 ล้านล้านบาท ล้วนแต่อยู่ในข่าย “มือสะอาด”
ไม่ยอมพลาดเอาเครดิตที่สั่งสมมาเดิมพันกับภารกิจประวัติศาสตร์ประเทศไทยแน่
และก็อย่างที่เห็น “ลุงตู่” มาแนวตั้งการ์ดสูง กับการลงนามในคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 9/2563 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเกี่ยวกับการบริหารจัดการพัสดุ
สำหรับการป้องกัน ควบคุม หรือรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จำนวน 33 คน
โดยล่าสุดได้เพิ่มรายชื่อบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุขเข้ามามีส่วนร่วมในคณะกรรมการชุดดังกล่าวเพื่อบูรณาการงานให้มีความเรียบร้อยและคล่องตัว
อย่างไรก็ตามในสถานการณ์บริหารของกระทรวงสาธารณสุขที่ผ่านมาก็มีปมปัญหา ทำให้อุปกรณ์ทางการแพทย์ขาดแคลน จนคนนอกต้องบริจาคช่วยโรงพยาบาล
นั่นไม่เท่ากับมีเรื่องฉาวการทุจริตนำเข้าชุดตรวจโควิด–19 ว่าด้วยการกั๊กใบอนุญาต ฟาดหัวคิว ถึงขั้นมีการยื่นร้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ส่อแนวเดียวกับกระทรวงพาณิชย์ที่มีปัญหาส่อทุจริตกักตุนหน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์
และที่กำลังถูกเขี่ยปมกลิ่นเหม็นแถวๆคลองหลอด ว่าด้วยการปล่อยไฟเขียวองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น เอา “ประมาณสะสมจ่ายขาด” มาจัดซื้อจัดจ้างแก้ไข
สถานการณ์โควิด–19 แบบฉุกเฉิน โดยไม่ต้องเน้นวิธีงบประมาณ ไม่ต้องผ่านอีอ็อกชัน ปั่นโปรเจกต์ช่วยชาวบ้านแลก “ตังค์ทอน”
นั่นเป็นที่มาของแอลกอฮอล์ขวดไม่ถึง ลิตร 450 บาท จากต้นทุนลิตรละ 40–50 บาท
เชื่อว่าถึงหู “บิ๊กตู่” ต้องรีบสกัด ไม่ปล่อยเชื้อลามเน่างบฯฟื้นโควิด 1.9 ล้านล้านแน่.
ทีมข่าวการเมือง