ชี้เปิดช่องร้องเรียนผ่านกลไกของสภาฯ ศรีสุวรรณ ห่วงทุจริต ‘แท็บเล็ต’

พรรคฝ่ายค้านตอกย้ำมาตรการเยียวยาโควิด ฝนตกไม่ทั่วฟ้า “อนุดิษฐ์” จี้ก้นรัฐบาลรีบจ่ายเยียวยาทั่วถึงทุกกลุ่ม “โกศล” สำทับอย่าแบ่งแยกเลือกจ่ายเฉพาะกลุ่ม “วิโรจน์” ถาม รบ.เอาหลักเกณฑ์อะไรมาชี้วัด พร้อมผุดแคมเปญ “#ทำไมไม่ได้ 5 พัน” โฆษก พปชร.สวนจ่ายตรงกลุ่มอย่าห่วง “สิระ” โชว์ป๋าอยากควักกระเป๋าเต็มแก่ ส.ว.ห่วง รบ.ทำแทบตายสุดท้ายสูญเปล่า “เสรี” ตอก “ศิโรตม์” สร้างเกลียดชัง “ศรีสุวรรณ” ห่วง ศธ.ซื้อแท็บเล็ตแจกเด็กซ้ำรอยทุจริต

เสียงเรียกร้องจากพรรคฝ่ายค้าน ที่แสดงความเป็นห่วงมาตรการจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ที่เดือดร้อนจากพิษไวรัสโควิด-19 อาจโปรยไม่ทั่วถึงประชาชนทุกกลุ่ม ยังคงมีต่อเนื่อง ล่าสุดทางพรรคก้าวไกลเปิดช่องทางรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนผ่านช่องทางต่างๆ ภายใต้ชื่อปฏิบัติการ “#ทำไมไม่ได้ 5 พัน”

“อนุดิษฐ์” จี้ก้นรีบจ่ายเยียวยา

เมื่อวันที่ 11 เม.ย. น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอบคุณรัฐบาลที่ยืนยันว่าจะดูแลพี่น้องประชาชนทุกกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนจากไวรัสโควิด-19 จากการลงพื้นที่ของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย พบว่ายังมีอีกหลายกลุ่มอาชีพยังไม่ได้รับเงินชดเชยทั่วถึง โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องหยุดการประกอบอาชีพจากคำสั่งของเจ้าพนักงานปกครอง หวังว่ารัฐบาลจะดำเนินการจ่ายเงินให้ผู้เดือดร้อนทุกคนโดยเร็วที่สุด ขอเน้นย้ำว่าเวลาถือเป็นเรื่องสำคัญ แม้นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง กับทีมงาน จะตั้งใจทำงานแข่งกับเวลาเพื่อจ่ายเงินชดเชยให้ทุกคน แต่ประชาชนจำนวนมากเดือดร้อนพร้อมกันทั้งประเทศ จึงเกิดความล่าช้า การสะท้อนปัญหาบางเรื่องอาจฟังแล้วขัดหูไปบ้างต้องขออภัย แต่อยากให้รัฐบาลเปิดใจกว้าง เพราะวันนี้ไม่ว่าจะเป็น รัฐบาลหรือฝ่ายค้านย่อมยึดเอาความเดือดร้อนประชา– ชนเป็นหลัก ต้องเสนอทุกเรื่องอย่างตรงไปตรงมา

...

ย้ำต้องให้ทั่วถึงอย่าเลือกกลุ่ม

นายโกศล ปัทมะ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาชี้แจงหลักเกณฑ์การช่วยเหลือประชาชนในช่วงภัยพิบัติของ ส.ส. และพรรคการเมือง ว่า เมื่อกฎหมายกำหนดมาเช่นนี้พวกตนในฐานะนักการเมืองต้องปฏิบัติตาม แต่ถ้ามีการแก้ไขกฎหมายใหม่เราก็พร้อมให้การช่วยเหลือประชาชนเพิ่มเติม และอยากให้รัฐบาลเร่งช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนให้ได้มากกว่าที่เป็นอยู่ เช่น การขยายเงื่อนไขผู้มีสิทธิได้รับเงินเยียวยาเดือนละ 5,000 บาท ให้ได้ในทุกกลุ่มอาชีพ โดยไม่ต้องแบ่งแยก เพราะวันนี้มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนจำนวนมากที่เข้าไม่ถึงมาตรการเยียวยาจากรัฐบาล ในเมื่อจะเยียวยาแล้วก็ควรให้ทั่วถึงไม่เลือกกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ขณะเดียวกัน ยังพบว่าเครื่องมือทางการแพทย์ทั้งหน้ากากอนามัยเอ็น 95 เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ ยังไปไม่ถึงมือเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข เช่น กลุ่มโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล อสม. อีกมาก

ขอ อย.-สรรพสามิตผ่อนปรนเพิ่ม

นายกิตติกร โล่ห์สุนทร ส.ส.ลำปาง พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมาธิการการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า จนถึงขณะนี้การขาดแคลนหน้ากากอนามัยและแอลกอฮอล์ล้างมือ ยังคงมีอยู่ และมีราคาสูงมาก อยากให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และกรมสรรพสามิต ผ่อนผันกฎเกณฑ์การนำเอทานอลไปผลิตเป็นแอลกอฮอล์ล้างมือให้มากกว่านี้ ให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์ควรประกาศให้แอลกอฮอล์ล้างมือเป็นสินค้าควบคุมไม่ให้เกิดการกักตุนปั่นราคาขายทำกำไรในช่วงนี้ รวมถึงมีการปรับราคาผลิตภัณฑ์บรรจุทั้งขวดสเปรย์ ขวดปั๊มขึ้นไปมาก ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตแอลกอฮอล์ล้างมือสูงขึ้น กระทรวงพาณิชย์ต้องทำงานให้มากกว่านี้ เพื่อประโยชน์ของประชาชนในยามวิกฤติแบบนี้

ถาม รบ.เอาหลักเกณฑ์อะไรชี้วัด

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า พรรคก้าวไกลเห็นด้วยกับการจ่ายเงินเยียวยา แต่ไม่เห็นด้วยกับระบบการคัดเลือก และพิสูจน์ความจน เพราะแรงงานนอกระบบหลายสาขาอาชีพต่างได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า รัฐบาลควรช่วยเหลือแบบถ้วนหน้าไม่ใช่การคัดเลือก วันนี้แรงงานนอกระบบในภาคธุรกิจบริการ และภาคการผลิตมีอยู่ประมาณ 9.5 ล้านคน รวมกับแรงงานที่ทำประกันสังคมตามมาตรา 39 และ 40 (ประกันตนเอง) และมาตรา 33 ที่จ่ายสมทบไม่ถึง 6 เดือนที่มีอยู่อีก 5 ล้านคน ทำให้แรงงานนอกระบบที่รัฐบาลควรช่วยเหลือมีทั้งสิ้น 14.5 ล้านคน แต่รัฐบาลไม่ได้นำพายังเลือกจะช่วยเพียง 8 ล้านคน เกณฑ์ที่รัฐบาลเอามาตัดการช่วยเหลือมีลักษณะเหมารวม ไม่ได้คำนึงถึงความเดือดร้อนและผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนเป็นรายบุคคล รัฐบาลอย่ามัวแต่อ้างระบบเอไอ ต้องทุบเอไอทิ้งแล้วใช้หัวใจช่วยเหลือประชาชนแทน

ผุดแคมเปญ “#ทำไมไม่ได้ 5 พัน”

นายวิโรจน์กล่าวอีกว่า ขอร้องรัฐบาล 3 ข้อ คือ 1.ขอให้ทบทวนการช่วยเหลือประชาชนแบบถ้วนหน้าทั้ง 14.5 ล้านคน 2.หากรัฐบาลไม่อาจดำเนินการตามข้อ 1 ได้ ขอให้ปรับเปลี่ยนเกณฑ์ช่วยเหลือให้กว้างขึ้น เปิดโอกาสให้ประชาชนที่เดือดร้อนจริงแต่กลับถูกรัฐบาลปฏิเสธ ให้พวกเขามีสิทธิอุทธรณ์เพราะเกณฑ์การช่วยเหลือที่ลักลั่น น่าจะเข้าข่ายเป็นคำสั่งปกครองที่ประชาชนรู้สึกไม่เป็นธรรม สมควรมีสิทธิ์อุทธรณ์ต่อศาลปกครองได้ และ 3.ควรวางมาตรการ และเตรียมงบประมาณช่วยเหลือแบบเก็บตกแรงงานนอกระบบ ที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นผู้สูงอายุ หากรัฐบาลยังยืนกรานใช้ระบบคัดเลือกแบบเดิม พวกตนในฐานะที่เป็นผู้แทนราษฎร และด้วยอำนาจนิติบัญญัติที่พวกเรามี จะทำทุกวิถีทางเพื่อรวบรวมความเดือดร้อนของประชาชนที่ถูกรัฐบาลปฏิเสธ ให้ได้รับการช่วยเหลือ เราจะลงพื้นที่รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนผ่านช่องทางต่างๆ ภายใต้ชื่อปฏิบัติการ “#ทำไมไม่ได้ 5 พัน” มาขับเคลื่อนเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับพวกเขาผ่านกลไกสภาฯ

พปชร.สวนจ่ายตรงกลุ่มอย่าห่วง

ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการ รมว.คลัง และโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงความคืบหน้าการจ่ายเงินเยียวยา 5,000 บาท ว่า ช่วง 3 วันที่ผ่านมาจ่ายเงินไปแล้วรวม 1.4 ล้านคน และยืนยันว่ารัฐบาลจ่ายเยียวยาครบทุกกลุ่มแน่นอน ไม่ต้องเป็นห่วง ขณะนี้กระทรวงการคลังเพิ่งจ่ายเงินเยียวยาลอตแรกเท่านั้น จะทยอยจ่ายอีก ขอให้ประชาชนอย่ากังวล หากมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่วางไว้ได้เงินเยียวยาแน่นอน วันนี้นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง และทีมงาน ทำงานแข่งกับเวลาเพื่อช่วยเหลือประชาชนทุกคน

“สิระ” โชว์ป๋าอยากควักกระเป๋า

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ กกต.พิจารณาการบังคับใช้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และระเบียบ กกต.ว่าด้วยจำนวนหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขการให้ตามประเพณีหรือเมื่อมีเหตุอันสมควร และการยื่นคัดค้านเกี่ยวกับการบันทึกค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งต่อไป อย่างยืดหยุ่น หากจำกัดวงเงินการช่วยเหลือของพรรค การเมืองหรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแบบนี้ จะทำให้ ส.ส.มีข้อจำกัดในการช่วยเหลือประชาชนที่กำลังเดือดร้อน เข้าใจในข้อกฎหมาย แต่กฎหมายบางข้อในสถานการณ์ฉุกเฉินย่อมยกเว้นได้ การจำกัดวงเงินให้ ส.ส.ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เพียง 300,000 บาท อยากถามว่าเงินจำนวนนี้เพียงพอต่อประชาชนในพื้นที่หรือไม่ กกต.ต้องตรวจสอบให้รอบคอบ ถ้าสถานการณ์ปกติไม่มีปัญหาในข้อกำหนดนี้เลย แต่ขณะนี้ชาวบ้านรอความช่วยเหลือ พวกเขาทำมาหากินไม่ได้ จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของภาครัฐอย่างเดียวหรือ ถ้าเป็นเช่นนั้นคิดว่าเราไม่ควรมี ส.ส.ให้สิ้นเปลืองงบประมาณภาษีของประชาชน

ส.ว.ห่วง รบ.ทำแทบตายสูญเปล่า

นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. กล่าวว่า มาตรการเยียวยาของรัฐบาลในเบื้องต้น คนได้ก็ดีไป แต่คนไม่ได้กำลังรู้สึกโกรธเคือง รัฐบาลคงไปช่วยเหลือทุกคนไม่ได้ ทั้งข้อจำกัดเรื่องเงินทอง งบประมาณ และอื่นๆ ปัญหาคือคนได้หรือไม่ได้ต่างมีสถานะเท่ากันคือเดือดร้อนไม่มีจะกินเหมือนกัน แต่การช่วยเหลือเยียวยาเข้าไม่ทั่วถึง นี่คือปัญหาที่จะบานปลายเป็นเรื่องกระแทกกลับใส่รัฐบาล เรื่องคนเดือดร้อนท้องหิวไม่มีจะกินอะไรก็เกิดขึ้นได้ เป็นไปได้หรือไม่ที่จะยกเลิกข้อจำกัดบางเรื่องที่ทำให้การเยียวยาเข้าไม่ถึง แล้วเอาความเดือดร้อนของคน เป็นตัวตั้งให้ช่วยเหลือได้ทั่วถึงทุกคน กลไกราชการ กลไกการเมือง กลไกอำนาจรัฐต้องใช้เข้าไปให้ถึง จึงจะสยบข้อกล่าวหาได้ รัฐบาลทำงานเกือบตาย แต่ถ้าไม่ตรงจุดก็สูญเปล่า

“เสรี” ตอก “ศิโรตม์” สร้างเกลียดชัง

นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. กล่าวตอบโต้นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ พิธีกรวอยซ์ทีวี ที่กล่าวพาดพิง ส.ว.ไม่ยอมเสียสละว่า เป็นการบิดเบือนความจริงให้เกิดความเกลียดชังในสังคม ที่ผ่านมาเคยไปออกโทรทัศน์ด้วยกันหลายครั้ง ก่อนหรือหลังออกรายการก็ดูมีมรรยาทดีพูดจามีเหตุผล แต่พอออกรายการหรือออกมาจัดรายการเหมือนผีเข้าสิงด่ารัฐบาลทุกวัน หาเรื่องใส่ร้ายคนอื่นทุกวัน ปลุกระดมสร้างความเกลียดชัง พูดให้เกิดความแตกแยก สร้างความเสื่อมให้กับสังคม เป็นครูบาอาจารย์แท้ๆ แต่เพื่อปากท้องเลยมาหาเรื่องด่ารัฐบาล และหาเรื่องด่าคนรายวัน อย่างนี้จะไปสอนใครได้ ควรจัดรายการแบบสร้างสรรค์เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนรุ่นหลัง หรือหากจัดรายการดีๆแล้วเขาจะไม่จ้าง การกล่าวหาใส่ร้ายตนและ ส.ว.อีกหลายคนโดยไม่เป็นความจริง แบบนี้สมควรต้องตอบโต้หรือไม่

“เทพไท” หนุนงดจัดสงกรานต์

ขณะที่นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เห็นด้วยกับรัฐบาลที่ขอความร่วมมืองดจัดกิจกรรมวันสงกรานต์ในปีนี้ และ เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่พร้อมให้ความร่วมมือ อาจต้องเปลี่ยนรูปแบบการจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ขณะนี้ เช่น สรงน้ำพระพุทธรูปเฉพาะที่บ้าน ไม่ไปสรงน้ำพระ หรือร่วมกิจกรรมที่วัด ส่วนผู้สูงอายุหรือบุพการี อาจใช้รูปแบบอื่นที่เห็นว่าเหมาะสม เช่น อวยพรผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย ในฐานะ ส.ส.คนหนึ่งที่เคยร่วมกิจกรรมประเพณีสงกรานต์ทุกปี ปีนี้อาจต้องมอบให้ผู้ช่วยนำสเปรย์แอลกอฮอล์ หน้ากากอนามัย ยาสามัญประจำบ้าน ไปมอบเป็นของขวัญให้แก่ผู้สูงอายุแทน เพราะในพื้นที่ชนบทยังขาดแคลนอยู่ และยังมีราคาแพง แม้นายกฯพยายามยืนยันว่าสิ่งเหล่านี้มีเพียงพอ นั่นเป็นแค่ตัวเลขที่นายกฯประกาศ แต่ในความเป็นจริงพี่น้องประชาชนในชนบทยังขาดแคลนอยู่ ยังแจกไม่ทั่วถึงทุกครัวเรือน

เปิดสถิติสายด่วน ปชป.สู้โควิด

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หลังการเปิดศูนย์ประชาธิปัตย์บริการกฎหมายสู้ภัยโควิด-19 มีประชาชนใช้บริการเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่โทรศัพท์มาขอคำปรึกษาการรับสิทธิต่างๆ อาทิ สิทธิลงทะเบียนรับเงินเยียวยา 5,000 บาท พบ ว่าประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุยังไม่สามารถใช้บริการลงทะเบียนได้ เพราะไม่มีความถนัดเทคโนโลยี อยากให้ภาครัฐหาวิธีเก็บตกประชาชนกลุ่มนี้เพื่อให้เกิดความทั่วถึงและเท่าเทียม ส่วนกรณีประชาชนลงทะเบียนแล้วอาจไม่เข้าเกณฑ์ ภาครัฐไม่ควรออกข่าวว่าจะดำเนินคดี เพราะเมื่อประชาชนเดือดร้อนก็ต้องการที่พึ่ง ยังเชื่อว่ารัฐบาลจะไม่มีนโยบายดำเนินคดีจริงๆ รวมถึงเรื่องการขอพักชำระหนี้ การประนอมหนี้กับสถาบันการเงิน ทั้งหมดเป็นข้อมูลที่ประชาชนร้องเรียนถึงผลกระทบ

เด็ก “จุรินทร์” บี้ “อัจฉริยะ” เปิดข้อมูล

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตามที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มอบหมายให้ทีมทนายดำเนินคดีกับนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ในข้อหากระทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์และหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณานั้น ถือเป็นเรื่องดีจะได้พิสูจน์ความจริงในสิ่งที่นายอัจฉริยะกล่าวหานายจุรินทร์ว่าความจริงคืออะไร ถ้าสิ่งที่ กล่าวหามาไม่เป็นความจริงต้องถูกลงโทษ อยากให้นายอัจฉริยะนำหลักฐานทั้งหมดมาเปิดเผยต่อสาธารณะ ไม่ใช่ว่าใครอยากกล่าวหาใครโดยไม่มีหลักฐานก็ได้ เพราะไม่เป็นธรรมต่อผู้ที่ถูกกล่าวหาโดยไร้พยานหลักฐาน ขอเรียกร้องให้นายอัจฉริยะนำหลักฐานมาเปิดเผยโดยเร็ว

ข้องใจรัฐจัดซื้อเครื่องพ่นฆ่าเชื้อ

นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “เครื่องฉีดพ่นฆ่าเชื้อโควิด-19 ไม่ได้ แต่ทำไมหน่วยงานรัฐจึงจัดซื้อ” มีหลายหน่วยงานนำเครื่องฉีดพ่นสารเคมีไปฉีดพ่นฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามสถานที่ต่างๆ ตนก็ซื้อตามเขา 4 เครื่อง แต่ไม่ได้ใช้เนื่องจากมีข้อมูลจากสำนักการแพทย์ กทม. ว่ายิ่งทำให้เชื้อฟุ้งกระจายแทน ที่จะฆ่าเชื้อกลับเพิ่มเชื้อมากขึ้น น่าแปลกใจว่าเหตุใดหน่วยงานราชการจำนวนมากจึงเร่งจัดซื้อเครื่องพ่นละอองฝอย ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นปัญหา เพราะกรมควบคุมโรคเคยออกมาเตือนแล้ว อดเกิดคำถามตามมาไม่ได้ว่ามีการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทผู้จำหน่าย เอาเงินภาษีประชาชนบนความทุกข์ของชาวบ้านเข้ากระเป๋าหรือไม่

“สมชัย” งงเพจ ปชป.ลบคลิปทำไม

วันเดียวกัน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการ กกต. และอดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ลงเฟซบุ๊กระบุว่า “แล้วทำไมต้องไปลบคลิป” เพจพรรคประชาธิปัตย์ และเพจของนายจุรินทร์เคยลงคลิปการไปตรวจเยี่ยมโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย ที่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี มีการตั้งโต๊ะแถลงว่าหน้ากากอนามัยมีเพียงพอ หลังจากนั้น 2 เดือนกลับชี้แจงว่าไม่ใช่สต๊อกแต่เป็นวัตถุดิบรอการผลิต มีคนเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง แต่ไม่มีใครไปหาเรื่องต่อ วันนี้มีการฟ้องนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เลยกลับหาคลิปเก่า ปรากฏว่าลบออกจากเพจไปแล้ว ไม่รู้จะลบทำไม ยิ่งลบคนยิ่งอยากดู แปลกดีนะ แนะนำให้นายอัจฉริยะไปขอให้กระทรวงดีอีเอส (กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) ดึงข้อมูลกลับมาได้ที่เพจของพรรค และเพจ รมต.

ห่วงซื้อแท็บเล็ตแจกซ้ำรอยทุจริต

อีกเรื่อง นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า ตามนโยบายของนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ที่จะจัดการเรียนการสอนออนไลน์ โดยเตรียมจัดซื้อเครื่องแท็บเล็ตแจกเด็กนักเรียน ว่า มีครู และผู้ปกครองเป็นห่วงว่าจะเป็นปัญหาซ้ำรอยเดิมอดีตรัฐบาล ที่เคยทำล้มเหลวมาแล้ว ด้วยเหตุผลดังนี้ 1.การให้เด็กอยู่บ้านนั่งดูครูไลฟ์สอนออนไลน์ ถ้าเด็กไม่ดูจะบังคับอย่างไร ทุกวันนี้เด็กไทยใช้เทคโนโลยีโดยไม่มีการควบคุมดูแล 2.แท็บเล็ตที่จะจัดซื้อมีความโปร่งใสไร้ทุจริตอย่างไร 3.ครูสอนออนไลน์เป็นกี่เปอร์เซ็นต์ ต้องมาอบรมสอนครูวุ่นวายอีก 4.จะสอนนักเรียนใช้เบื้องต้นอย่างไร ถ้าแจกจะคุ้มค่าจริงไหม ระบบอินเตอร์เน็ตครอบคลุมแล้วหรือไม่ 5.ผู้ปกครองอย่าดีใจว่าจะได้ของฟรี ทุกวันนี้ห้ามลูกหลานติดเกมมือถือได้หรือยัง 6. กระทรวงศึกษาธิการอย่าคิดขายฝันไปเรื่อย เทคโนโลยีกับการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญ แต่ภูมิคุ้มกันการใช้เทคโนโลยีเด็กไทยยังแย่มาก ทุกอย่างต้องพร้อมกว่านี้ การเปลี่ยนแปลงต้องค่อยเป็นค่อยไป วางระบบรากฐานให้ดีก่อน ทุกวันนี้มีการจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมจากโรงเรียนวังไกลกังวลที่ช่วยประเทศไทยมาหลายปีแล้ว ทำไมไม่ร่วมมือกับ กสทช. จัดทำระบบอีดีแอลทีวีให้นักเรียนศึกษาที่หน้าจอทีวีที่บ้าน ประหยัดกว่ากันเยอะ