ต้องถือว่าเป็นข่าวที่น่าชื่นชมยินดีที่โฆษกกระทรวงกลาโหมแถลงว่า เหล่าทัพกำลังพิจารณาตัดโอนงบประมาณ 2563 ในส่วนที่เป็นโครงการจัดซื้อยุทโธปกรณ์เพื่อนำมาเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพราะทราบดีถึงความจำเป็นที่จะต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจ สังคม โครงการไหนสมควรชะลอก็ควรชะลอ
ปีงบประมาณ 2563 กระทรวงกลาโหมได้รับงบประมาณ 2.3 แสนล้านบาท 70% เป็นงบประจำ เช่น เงินเดือน เบี้ยเลี้ยง อีก 30% เป็นงบลงทุน เช่น การจัดซื้อยุทโธปกรณ์ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงว่า เหล่าทัพกำลังพิจารณาทั้งงบปี 2563 และ 2564 หลักการทบทวนการดำรงสภาพความพร้อม
มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ทุกครั้งที่เกิดรัฐประหาร กองทัพไทยมักจะได้รับงบประมาณรายจ่ายเพิ่มขึ้นมาก สถาบันวิจัยสันติภาพระหว่างประเทศของสวีเดน รายงานว่า นับตั้งแต่รัฐประหาร 2549 ถึง 2557 งบประมาณป้องกันประเทศของไทยเพิ่มขึ้นหลายเท่า ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซียและพม่า ต่างลดงบด้านการทหาร
งบส่วนหนึ่งนำไปใช้ซื้ออาวุธ เช่นกองทัพเรือมีสัญญาซื้อเรือดำนํ้าจากจีน 3 ลำ รวม 36,000 ล้านบาท กองทัพบกมีโครงการจัดซื้อยานเกราะลำเลียงพล 50 คัน จากสหรัฐอเมริกา ในปีงบประมาณ 2563 เป็นเงิน 4,500 ล้านบาท เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มีรายงานข่าวว่า กองทัพเรือตกลงซื้อเรือยกพลขึ้นบกจากจีน 6,100 ล้านบาท
หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 และลุกลามอย่างรวดเร็วไปทั่วโลก ผู้คนล้มตายเป็นใบไม้ร่วง มีเสียงเรียกร้องจากหลายฝ่ายให้รัฐบาลตัดงบประมาณปี 2563 ของทุกกระทรวง ทบวง กรม เพื่อนำเงินมาต่อสู้กับโรคระบาด และเยียวยาประชาชนทุกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบรุนแรง ทั้งด้านเศรษฐกิจและทางสังคม
...
คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยจะเสียหายถึงล้านล้านบาท ถึงเดือนมิถุนายน จะมีคนตกงาน 7 ล้านคน อดีตรัฐมนตรีคลังท่านหนึ่งเชื่อว่าจีดีพี หรือรายได้ประชาชาติปี 2563 จะไม่หดตัว หรือติดลบแค่ 5.6% ตามที่บางองค์กรประเมิน แต่จะติดลบถึง 18% แม้แต่ธุรกิจใหญ่ๆ เช่น สายการบินและท่องเที่ยวก็เจ๊ง
จึงต้องได้รับความร่วมแรงร่วมใจจากทุกฝ่าย ต้องต่อสู้กับภัยพิบัติโควิดและภัยเศรษฐกิจ และเอาชนะไปด้วยกัน เงินที่ตัดจากงบ 2563 ยังไม่พอ รัฐบาลจะต้องกู้เพิ่มอีก 1 ล้านล้านบาท ให้ ธปท.ปล่อยกู้อีก 9 แสนล้านบาท อย่างน้อยที่สุดจะต้องมีพร้อมทั้งแพทย์ โรงพยาบาล และอุปกรณ์การแพทย์ ห้ามขาดแคลนโดยเด็ดขาด.