ผช.รมต.-อบจ.-อบต.ก็ด้วย
ปชป.จัดทำบุญตั้งพรรคครบ 74 ปี “จุรินทร์” ชูนโยบาย 3 กระทรวงหลัก “เกษตร ผลิต พาณิชย์ ตลาด ผู้ด้อยโอกาสต้องได้รับการดูแล” “เทพไท” ยุ “ลุงตู่” ตัดงบลงทุน 20% เอาไปจัดการโควิดให้สะเด็ดน้ำ “กรณ์” เอาด้วย แต่ขอให้ปรับโอนงบฯ กระทรวงเพิ่มเป็น 20% “เสรี-รวมไทย” จี้หาทางช่วยคนอดเงินเยียวยา ฉะเดือดร้อนเพราะรัฐบาล “สิระ” ทุบหม้อข้าวเพื่อน ชงตัดเงินเดือน ขรก.การเมือง “ส.ส.-ส.ว.-ที่ปรึกษาฯ-ผู้ช่วย รมต.-อบจ.-อบต.” โดนหมด “ก้าวไกล” จวกรัฐไร้กึ๋นจัดงบฯ ปี 64 ยังซ้ำซากแบบเดิม โปรดเกล้าฯ “วรวิทย์” ประธานศาล รธน.คนใหม่
จับตาที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเคาะกรอบวงเงินและรายละเอียด ตามมาตรการเยียวยาและดูแลระบบเศรษฐกิจระยะที่ 3 ป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่ฝ่ายการเมืองทั้งพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคกล้า ต่างสนับสนุนให้เพิ่มการปรับโอนงบ ประมาณของแต่ละกระทรวงเพิ่มเป็น 20 เปอร์เซ็นต์

...
“จุรินทร์” จัดทำบุญ 74 ปี ปชป.
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 6 เม.ย. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค และแกนนำพรรค ประกอบพิธีทำบุญ 3 ศาสนา คือ พุทธ อิสลาม และพราหมณ์ เนื่องในวันสถาปนาก่อตั้งพรรคครบรอบ 74 ปี โดยปีนี้ทางพรรคส่งข้อความผ่านไลน์กลุ่มพรรคห้ามสมาชิก ทั้ง ส.ส. อดีต ส.ส. อดีต ส.ก.-ส.ข. เข้ามาร่วมงานที่พรรค เนื่องจากยังอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และวางมาตรการป้องกันระยะห่างทางสังคมอย่างเข้มงวด
ชูผลงานหลัก “กษ.–พณ.–พม.”
ต่อมานายจุรินทร์ให้สัมภาษณ์ว่า สิ่งที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์อยู่มาได้ถึงวันนี้คือการยึดมั่นในอุดมการณ์อย่างเหนียวแน่น ควบคู่ไปกับการเดินหน้าไปสู่ความทันสมัย เดินหน้าไปสู่เป้าหมายการทำ ประชาธิปไตยกินได้ ขอบคุณผู้ร่วมอุดมการณ์และผู้สนับสนุนพรรคทุกคน ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และในวันข้างหน้า ในฐานะที่วันนี้เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เราจะทำหน้าที่ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลอย่างเข้มแข็งเพื่อประชาชนต่อไป โดยเฉพาะภารกิจในความ รับผิดชอบ คือในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นด้านหลัก จะบูรณาการงานร่วมกันภายใต้หลักคิด “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด ผู้ด้อยโอกาสต้องได้รับการดูแล” ทั้งในส่วนของผู้ด้อยโอกาสทางเศรษฐกิจ และผู้ด้อยโอกาสทางสังคมในอนาคตจะมีรายละเอียดแผนงานโครงการต่างๆออกมาเพิ่มเติม ช่วยให้รัฐบาลบรรลุเป้าหมายนโยบายเพื่อประชาชนเป็นรูปธรรม

“เทพไท” ยุ “ลุงตู่” ตัดงบลงทุน 20%
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มีดำริให้ตัดงบประมาณของทุกกระทรวง 20 เปอร์เซ็นต์ หรือเป็นวงเงินราว 6.6 แสนล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า อาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมในการทำงานของแต่ละกระทรวงได้ ส่วนตัวยังยืนยันในความคิดเดิมต้องการให้รัฐบาลตัดงบประมาณด้านการลงทุนทั้งหมด ในงบประมาณปี 2563 ที่มียอดวงเงินประมาณ 6.9 แสนล้านบาท จะได้ยอดเงินรวมสูงกว่าการตัดงบประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์จากทุกกระทรวงอาจมีผลกระทบเฉพาะโครงการลงทุน หรือการพัฒนาเท่านั้น ถึงรัฐบาลหยุดโครงการก่อสร้างต่างๆในห้วงเวลา 1 ปี คงไม่สร้างความเสียหายต่อการพัฒนาประเทศมากนัก
ไปซื้อเครื่องตรวจโควิดแจก รพ.
นายเทพไทกล่าวต่อว่า รัฐบาลต้องนำเงินทั้งหมด ไปเป็นค่าใช้จ่ายใน 2 ส่วน คือ 1.จัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ จัดซื้อเครื่องตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีราคาเครื่องละ 15 ล้านบาท ให้กับโรงพยาบาลประจำจังหวัดทุกแห่ง เพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ฟรี ให้ประชาชนทุกคน รวมถึงขยายโรงพยาบาลเตรียมรองรับผู้ป่วยและการรักษาฟรี จัดเป็นสวัสดิการให้กับแพทย์-พยาบาล และบุคลากรด้านสาธารณสุขทุกคน จัดซื้อหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์แจกจ่ายให้กับประชาชนทั่วประเทศ 2.ใช้เป็นเงินเดือนให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทุกสาขาอาชีพ เช่น คนจน คนหาเช้ากินค่ำ คนตกงาน คนเร่ร่อน คนไม่มีจะกิน ส่วนการที่รัฐบาลจะออก พ.ร.ก. 3 ฉบับเพื่อนำมาใช้สู้กับวิกฤติไวรัสโควิด-19 ในฐานะ ส.ส.พร้อมสนับสนุน และให้ความร่วมมือกับรัฐบาลเต็มที่ เพื่อให้รัฐบาลแก้ปัญหาวิกฤติครั้งนี้ลุล่วงไปด้วยดี ขอให้รัฐบาลยึดหลักการรักษาชีวิตคนไทยไว้ให้ได้ก่อนจะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศในโอกาสต่อไป เพราะชีวิตประชาชนต้องมาก่อน และมีความสำคัญมากกว่าสิ่งอื่นใดทั้งนั้น
ชงพักหนี้ทั้งใน–นอกระบบ 1 ปี
นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า มีข้อเสนอต่อรัฐบาลในสภาวะวิกฤตการณ์นี้ คือ 1.รัฐบาลควรออกมาตรการพักชำระหนี้ 1 ปี ไม่ว่าจะเป็นหนี้ในระบบ นอกระบบ ต้องยอมรับว่าหลังรัฐบาลออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ ประกาศเคอร์ฟิว มีพนักงานลูกจ้างตลอดจนผู้ประกอบการทั้งหลาย ไม่มีรายได้เข้ามาเลย 2.ขอให้รัฐบาลขอความร่วมมือจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศให้เปิดครัวบริการประชาชนในพื้นที่ที่รับผิดชอบ และให้มีบริการส่งอาหารถึงบ้านประชาชนที่ร้องขอมาทุกคน เพราะเชื่อว่ามาตรการเยียวยาคนละ 5,000 บาท คงไม่ทั่วถึงทุกคน

“กรณ์” เอาด้วยปรับโอนงบ 20%
นายกรณ์ จาติกวณิช ว่าที่หัวหน้าพรรคกล้า โพสต์เฟซบุ๊กสนับสนุนให้นายกฯปรับลดงบประมาณจากทุกกระทรวงเพิ่มจากกระทรวงละ 10 เปอร์เซ็นต์ เป็น 20 เปอร์เซ็นต์ว่า มีข่าวว่านายกฯให้ทุกกระทรวงปรับลดงบจากกระทรวงละ 10 เปอร์เซ็นต์ เป็น 20 เปอร์เซ็นต์ หากเป็นเรื่องจริงถือว่าดีมาก และขอให้ทำให้ได้จะเป็นปรากฏการณ์ทางการบริหารเงินงบ ประมาณ และเป็นการใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสมต่อสถานการณ์ ช่วงนี้คนไทยหลายคนรวมถึงตนและเพื่อนๆในกลุ่มกล้า เราทำได้คือให้คำแนะนำในเรื่องที่เราพอมีความรู้และประสบการณ์ อะไรใช้ได้ก็ขอให้นำไปใช้ อะไรไม่เหมาะสมนายกฯและทีมงานพิจารณาได้เอง อย่ามีความรู้สึกว่าต้องเกรงใจกัน มั่นใจว่าเรามีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือการแก้ปัญหาโควิด ขอเป็นกำลังใจให้นายกฯและทีมงาน

ภท.งดฉลองพรรคก้าวสู่ปีที่ 12
ด้านนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ภูมิใจไทย กล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย มีมติให้งดทำกิจกรรมพิธีทางศาสนาทำบุญเนื่องในวันสถาปนาพรรคย่างเข้าสู่ปีที่ 12 แต่ให้กรรมการบริหารพรรคทุกคน และ ส.ส.ไปอยู่กับพี่น้องประชาชนช่วยแก้ไขปัญหาที่ประชาชนได้รับอยู่ขณะนี้ พรรคภูมิใจไทย ขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องประชาชนทุกคน ร่วมมือ ร่วมใจ ช่วยกันฟันฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน
จี้หาทางช่วยคนวืดเงินเยียวยา
น.ส.นภาพร เพ็ชร์จินดา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งหามาตรการช่วยเหลือกลุ่มตกสำรวจที่ไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินเยียวยาคนละ 5,000 บาท เพราะยังไม่ครอบคลุมถึงประชาชนอีกกลุ่ม เช่น กลุ่มคนหาเช้า กินค่ำ ลูกจ้างอิสระ ลูกจ้างรายวัน พ่อค้าแม่ค้ารายเล็ก หาบเร่แผงลอย หรือคนเร่ร่อน คนกลุ่มนี้เข้าไม่ถึงระบบเยียวยา น่าเป็นห่วงจะดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไรในภาวะการหยุดจ้างงานเกือบทั้งระบบ มีการร้องเรียนมายังพรรคจำนวนมากเพราะการตกงานไม่ได้เกิดจากความขี้เกียจ แต่เกิดจากมาตรการรัฐที่บังคับให้ทุกคนต้องปฏิบัติตาม ส่วนผู้ที่ลงทะเบียนไว้ต้องรอการตรวจสอบ ยังไม่รู้ว่าจะได้รับเงินเมื่อไหร่ รัฐบาลต้องทำให้เงินถึงมือประชาชนเร็วที่สุด เพราะชาวบ้านรอไม่ไหวไม่มีข้าวสารกรอกหม้อ รัฐบาลต้องวางแผนส่งเงินช่วยเหลือให้ถึงมือประชาชนก่อนจะล็อกดาวน์ ไม่ใช่ปิดเมืองแล้วค่อยมาคิดหาวิธีช่วยเหลือทีหลัง ทำให้คนจนเดือดร้อนแสนสาหัส ยิ่งสถานการณ์เคอร์ฟิวยืดเยื้อไปนานเท่าใด ยิ่งต้องเตรียมงบไว้ช่วยเหลือคนจนมากขึ้นเท่านั้น

“นฤมล” ต่อปากต่อคำ “ปิยบุตร”
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวตอบโต้นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ที่ออกมาวิพากษ์ วิจารณ์นายกฯ ว่า หมดยุคเล่นการเมืองแล้วต้องช่วยประชาชนก่อน โรคโควิด-19 เป็นภัยของมนุษยชาติ เป็นมหันตภัยระดับโลกไม่ใช่แค่ระดับประเทศ ที่ รัฐบาลจะเอามาใช้เป็นเหตุทำรัฐประหารอย่างที่มีการกล่าวหาแบบไม่มีความเข้าใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่ มาตรการทุกอย่างที่ออกมา นายกฯพิจารณาอย่างรอบคอบถึงผลกระทบที่จะเกิดกับชีวิตความเป็นอยู่ และสิทธิของพี่น้องประชาชน จึงค่อยๆใช้มาตรการจากเบาไปแรง บนเงื่อนไขที่เน้นย้ำมาตลอด คือชีวิตและสุขภาพของประชาชนสำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด
“สิระ” ปิ๊งตัดเงินเดือน ขรก.การเมือง
นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้นายกฯออกคำสั่งตัดเงินเดือนข้าราชการการเมืองทั้งหมด เพื่อนำเงินไปใช้แก้ปัญหาโควิด-19 สถานการณ์ขณะนี้ยังไม่มีแนวโน้มจะ คลี่คลาย เสี่ยงจะทวีความรุนแรงขึ้น ถึงเวลาแล้วที่ข้าราชการการเมืองทั้งหมดควรเสียสละเพื่อบ้านเมืองและประชาชน ด้วยการไม่รับเงินเดือนไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย คิดว่าเงินจำนวนมากขนาดนี้ถ้าส่วนหนึ่งสามารถนำไปจ่ายเป็นค่าทำงานพิเศษให้กับเจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์ จะเป็นประโยชน์มากกว่า จากจำนวน ส.ส. และ ส.ว. 750 คน คิดกลมๆเฉลี่ยที่คนละ 120,000 บาท หากไม่รับ เงินเดือน จะได้เงินประมาณเดือนละ 90 ล้านบาท ยังไม่รวมเงินเดือนบรรดาที่ปรึกษา-ผู้ช่วยรัฐมนตรี อบจ. อบต. และส่วนอื่นอีกมาก หากตัดเงินเดือนข้าราชการการเมืองทั้งหมด จะมีเงินไปใช้ช่วยเหลือประชาชนหลายพันล้านบาท

“ก้าวไกล” ฉะรัฐไร้กึ๋นจัดงบปี 64
ขณะที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า จากการตรวจสอบเอกสารการจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 พบว่าไม่ได้มีการเปลี่ยนการจัดสรร ยังคงเป็นการจัดสรรรูปแบบเดิม ไม่ได้จัดความสำคัญ ไม่ได้เตรียมรับมือกับวิกฤติโควิด-19 ที่อาจลากยาว ถ้าเราไม่ทบทวน คาดว่าจะเจอปัญหาเดิมๆ เช่น งบกลางที่ใช้หมดไปไม่พอที่จะนำมาเยียวยาปัญหาปากท้อง อุปกรณ์การแพทย์ หรือต้องกู้เงินอีกมหาศาลที่ไม่รู้จะใช้หมดเมื่อไหร่ ขณะที่งบประมาณจัดซื้ออาวุธยังอยู่ครบ พรรคก้าวไกลมีข้อเสนอ คือ 1.ต้องจัดทำงบประมาณฐานศูนย์ เปรียบเหมือนกระเป๋าเดินทางที่ต้องเทของเก่าออกให้หมดก่อนแล้วเริ่มจัดใหม่ 2.จัดลำดับความสำคัญใหม่ ควรตั้งเป้าหมายเพื่อความมั่นคงทางด้านสุขภาพ และการเยียวยาปากท้องประชาชน 3.ต้องรีดไขมันในงบที่ไม่จำเป็น 4.เพิ่มงบกลาง เตรียมความพร้อมสำหรับความไม่แน่นอนในอนาคต 5.เร่งปฏิรูประบบราชการยามวิกฤติ 6.ทบทวนสัญญางบผูกพันที่รัฐเคยทำมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นซื้ออาวุธ หรือโครงการเมกะโปรเจกต์ด้านคมนาคมที่ซ้ำซ้อน และ 7.ต้องรอบคอบยิ่งขึ้นในการก่อหนี้ผูกพันใหม่
“วิโรจน์” ลั่นต้องยึด 3 ภารกิจหลัก
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า การจัดสรรงบประมาณปี 64 ต้องตอบโจทย์ 3 ภารกิจหลัก ได้แก่ 1.ควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ไม่ให้เกินขีดความสามารถในการรักษาพยาบาล 2.การยกระดับขีดความสามารถของระบบสาธารณสุข ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลสนาม อุปกรณ์การแพทย์ เครื่องช่วยหายใจ ยา เวชภัณฑ์ ตลอดจนระบบติดตามการรักษาตัวของผู้ป่วยอาการไม่หนักที่กักตัวอยู่บ้าน และ 3.การพยุงเศรษฐกิจ การดูแลประชาชน คนตัวเล็กตัวน้อย ผู้ประกอบการรายย่อย เพื่อให้เราทุกคนผ่านพ้นวิกฤติโควิด และวิกฤติเศรษฐกิจครั้งนี้ได้ ทั้งนี้หากอยากร่วมสะท้อนความเห็นของเราให้รัฐบาลได้รับรู้ ว่าเราอยากเห็นการจัดสรรงบประมาณปี 64 เป็นอย่างไร และอะไรที่เราไม่อยากเห็น สามารถเข้าไปแสดงความเห็นได้ที่เว็บไซต์สำนักงบประมาณ www.bb.go.th ภายในวันที่ 8 เม.ย.นี้
โปรดเกล้าฯ “วรวิทย์” ปธ. ศาล รธน.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศแต่งตั้งประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ความว่า พระบาทสมเด็จ พระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า ตามที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งประธานศาลรัฐธรรมนูญ และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตามประกาศลงวันที่ 28 พ.ค.2551 และวันที่ 9 พ.ค.2557 บัดนี้วุฒิสภาได้ให้ความเห็นชอบผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ดังนี้ นายวรวิทย์ กังศศิเทียม เป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นายวิรุฬห์ แสงเทียน เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นายจิรนิติ หะวานนท์ เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และนายนภดล เทพพิทักษ์ เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 1 เม.ย.2563 ผู้รับสนองพระบรม ราชโองการนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา
ครม.วางพานพุ่มรำลึก “วันจักรี”
วันเดียวกันเวลา 16.15 น. ที่บริเวณปฐมบรมราชานุสรณ์ สะพานพระพุทธยอดฟ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม วางพานพุ่มดอกไม้วันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ โดยมีคณะรัฐมนตรีเข้าร่วมในพิธี ทั้งนี้ เมื่อนายกฯเดินทางถึงได้ถวายความเคารพ ก่อนวางพานพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะปฐมบรมราชานุสรณ์ จำนวน 2 พาน ในนามนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี