พลานุภาพของ “สาร” ที่รัฐบาลพยายาม “สื่อ” ให้ประชาชน ลดช่องว่างทางสังคม คือ ให้อยู่ห่างๆกันไว้ ได้ผลจากการแถลงจากคนของทางการเองเมื่อก่อนเที่ยงวันพฤหัสฯที่ผ่านมากว่า 60% ไม่มาก
หน้ากากมีคนตั้งใจใส่แล้วกว่า 90% การล้างมือลดหลั่นลงมา
ส่วนข้อขอสำคัญ อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ถึงขนาดสั่งปิดทุกสถานที่เป็นที่รวมตัวของคน แต่ยังมีคนชุมนุมสังสรรค์อยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ จนต้องสั่งปิดร้านสะดวกซื้อดึกถึงเช้า...
ก็เป็นความพยายามกระชับพื้นที่อีกระดับ
ค่ำวันพุธวันสุดท้ายที่สวนจตุจักรยังเปิดให้วิ่งได้ ผมผ่านหน้าร้านสะดวกซื้อ เห็นวัยรุ่นชายห้าหกคนนั่งดื่มสังสรรค์บนทางเท้า ก็พอจะเข้าใจ
“บ้าน” ในนิยามของรัฐคือ “ห้องพัก” เล็กๆ ใช้ห้องน้ำรวม ชั้นบนของตึกแถวต่อเติมละแวกนั้น สภาพแวดล้อมไม่น่ารื่นรมย์อะไรเลย สิ่งบันเทิงเริงใจ เครื่องดื่มจากร้านสะดวกซื้อ บาทวิถีคือที่ เท่าที่พวกเขาพอหาได้
ในยามที่ร้านค้าร้านกาแฟไม่มีเก้าอี้ให้นั่ง
นี่คือวิถีชีวิตสามัญที่ผมเชื่อว่ารัฐบาลน่าจะทำความเข้าใจ...หาวิธี ผ่อนปรนให้อยู่ด้วยกันต่อไป ไม่ผลักไสให้อับจนจนต้องไปดิ้นรนทางอื่น
ทุกๆอย่างที่รัฐกำลังทำผมเห็นความตั้งใจ และขอให้อดทนทำต่อไป สถานการณ์โควิด-19 เทียบกับบ้านเมืองอื่น บ้านเมืองเรา ไม่ถึงกับเลวร้ายนัก
ตัวเลขคนป่วย คนตาย...ไม่ถึงกับกระโดดขึ้นสูง แต่ก็พอมีวี่แววจะทรงตัว และลดต่ำลงมาในไม่ช้า
และความหวังนี้ก็อยู่ที่ความอดทนของรัฐบาล...อดทนที่จะสื่อสารแบบประนีประนอมถนอมน้ำใจ พยายามรุกแต่ก็ไม่รุกแบบไม่ให้คนตั้งตัว
เด็กรุ่นๆผม เคยจำนิราศนรินทร์สองบท ตอนที่จำได้มีความรู้สึก ว่าโวหารและจินตนาการถึงหญิงผู้เป็นที่รักของกวีต้นรัตนโกสินทร์ผู้นี้ยิ่งใหญ่เหลือเกิน ทั้งๆที่ยังเข้าใจความหมายไม่ถ่องแท้
...
โฉมควรจักฝากฟ้า ฤาดิน ดีฤา เกรงเทพไท้ธรณินทร์ ลอบกล้ำ ฝากลมเลื่อมโฉมบิน บนเล่า นาแม่ ลมจักชายชักช้ำ ชอกเนื้อ เรียมสงวน
โคลงบทนี้เป็นท่อนนำเพลงหนึ่งที่ชรินทร์ นันทนาครร้อง
ยังมีบทต่อ...ฝากอุมาสมรแม่แล้ ลักษมี เล่านา ทราบสวยมภูวจักรี เกลือกใกล้ เรียมคิดจวบจนตรี โลกล่วง แล้วแม่ โฉมฝากใจแม่ได้ ยิ่งด้วยใครครอง
ตอนที่ท่องจำได้ ผมไม่ประสีประสากับเรื่องเทพเจ้าซักเท่าไหร่ โตแล้วอ่านหนังสือมากเล่มจึงพอเข้าใจบ้าง
ลองแปลความหมายจากภาษาโคลงมาเป็นภาษาชาวบ้าน
บทแรก จะฝากโฉมงามไว้กับฟ้าหรือดิน ถ้าฝากฟ้าก็เกรงเทวดา ฝากดินก็เกรงพระเจ้าแผ่นดินจะแย่งไป จะฝากไว้กลางระหว่างฟ้าดิน คือฝากลมก็กลัวพัดแรงเนื้อนวลจะช้ำ
บทสอง จะฝากโฉมเจ้าไว้กับพระแม่อุมาก็ไม่ไว้ใจพระสยม (อิศวร) ฝากพระแม่ลักษมีก็ไม่ไว้ใจพระนารายณ์ (จักรี)
คิดฝากไปทั่วทั้งสามโลกแล้ว ก็หาที่ฝากที่ไว้ใจไม่ได้ เท่าฝากไว้กับหัวใจแม่โฉมงามเอง
กวีโบราณท่านฝากรักกับสาวคนรักไว้ด้วยจินตนาการอย่างนี้เอง จนถึงวันนี้จึงไม่มีใครลืม “นิราศนรินทร์”
ในบรรยากาศของการอยู่บ้านเพื่อชาติ ผมอ่านหนังสือจนเพ้อ วันนี้ก็ขอเอาประเด็น “ฝากไว้ที่หัวใจแม่” ของนรินทร์มาบอกกล่าวกับผู้นำรัฐบาล
ใช้หลักอ่อน ใช้หลักหวาน ฝากสารไว้ที่หัวใจประชาชน เข้าไว้...ความพยายามที่ฝากให้ชาวบ้านเชื่อและทำตามเพื่อเอาชนะไวรัสร้าย...คงไม่ไกลเกิน.
กิเลน ประลองเชิง