เริ่มต้นเดือนเมษายน เดือนแห่งการสู้รบตะลุมบอนไวรัสให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดร้อยเปอร์เซ็นต์

ถ้าไม่รบแตกหักให้จบก่อน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หมดอายุการใช้งาน ยอดคนเจ็บคนตายจะเพิ่มสูงขึ้นๆๆ อย่างน่าประหวั่นพรั่นพรึง

ข้อมูลวันที่ 30 มีนาคม มีผู้ป่วยติดไวรัสใหม่เพิ่มอีก 136 ราย รวมผู้ป่วยสะสม 1,524 ราย

โชคดี กลับบ้านได้แล้ว 127 ราย ยังรักษาตัวในโรงพยาบาล 1,388 ราย

โชคร้าย ผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย รวมเสียชีวิตแล้ว 9 ราย

มีผู้ป่วยอาการหนัก เพิ่มขึ้นเป็น 23 ราย

ผู้ป่วยหนัก 23 ราย อยู่ในภาวะวิกฤติทุกราย

“แม่ลูกจันทร์” ฟังแล้วใจเหี่ยวอย่างแรง

ใจเหี่ยว เพราะยอดผู้ป่วยใหม่ยังเพิ่มขึ้นๆวันละร้อยกว่าคนทุกวัน แต่ยอดคนหายป่วยกะปริบกะปรอยวันละสิบกว่าราย

ล่าสุด ประเทศไทย 77 จังหวัด โดนโควิดโจมตีไปแล้ว 59 จังหวัด

จังหวัดลำพูน เป็นเหยื่อรายล่าสุดที่โดนไวรัสเจาะไข่แดง

แสดงว่าไวรัสจากกรุงเทพฯ ได้แพร่กระจายออกไปทั่วประเทศเป็นไฟไหม้ฟาง

ถ้าหยุดไวรัสอาละวาดไม่สำเร็จก่อนสิ้นเดือนเมษายน คาดว่ายอดผู้ป่วยติดไวรัสจะทะลุห้าพันคน

จำนวนผู้ป่วยเสียชีวิตจะเพิ่มเป็นร้อยราย หรือหลายร้อยราย

“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่ายังมีประเด็นสำคัญ 2 ประเด็น ที่กำลังเป็นกระแสวิจารณ์กันทั่วบ้านทั่วเมือง

1, ผู้ป่วยเสียชีวิตรายล่าสุด เป็นผู้หญิง อายุ 56 ปี ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ไม่มีประวัติใกล้ชิดผู้ป่วย และไม่มีโรคประจำตัว

ไม่สามารถสืบค้นต้นตอว่าติดเชื้อไวรัสจากใคร? ที่ไหน? อย่างไร?

เหตุใดจึงติดไวรัส? เหตุใดจึงเสียชีวิต? ยังไม่มีคำตอบชัดเจน

...

2, หลังจาก นายกฯลุงตู่ ใช้มาตรการเข้มข้นผ่านไป 1 สัปดาห์ จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังเพิ่มขึ้นๆ วันต่อวัน เฉลี่ยวันละ 100 กว่าคน

จำนวนผู้ติดเชื้อกลุ่มใหม่ยังไม่มีแนวโน้มลดลง

แสดงว่าอาวุธปราบไวรัสของรัฐบาล ยังไม่สามารถหยุดยั้งการระบาดได้ผลเป็นรูปธรรม

“แม่ลูกจันทร์” มองว่าสถานการณ์วิกฤติไวรัสระบาดมันเลย “ขั้นที่ 2” ไปเป็น “ขั้นที่ 3” อย่างชัดเจน

เพราะการแพร่ระบาดไม่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน แล้วติดต่อกัน เป็นงูกินหางอย่างที่ผ่านมา

ถ้า รัฐบาลนายกฯลุงตู่ กล้ายอมรับความจริง กล้าประกาศแจ้งประชาชนว่าสถานการณ์ไวรัสได้ “เข้าสู่ขั้นที่ 3” อย่างเป็นทางการ

จะช่วยกระตุ้นความรู้สึกประชาชนให้เกิดความตระหนักที่จะร่วมกันปรับตัวสู้ไวรัสระบาดอย่างเต็มกำลัง

แค่ใส่หน้ากากอนามัยอย่างเดียว... ไม่พอ!!

เพราะมาตรการปิดจุดเสี่ยงที่รัฐบาลใช้อยู่ ช่วยลดความถี่ในการออกจากบ้านของประชาชนได้เพียง 40 เปอร์เซ็นต์

แต่ถ้าจะหยุดไวรัสระบาดเห็นผลเป็นรูปธรรม จำเป็นต้องลดการเดินทางออกนอกบ้านให้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์

หมายความว่าต้องให้คนไทยทั้งประเทศ ร่วมมือร่วมใจกักตัวเองอยู่ในบ้านอย่างน้อย 14 วัน

เมื่อคนไม่ออกจากบ้าน...ไวรัสตายแห้งไปเอง

ปัญหาคือคนไทยหัวใจมีตีน...จะให้ขังตัวเองอยู่บ้าน 14 วัน มันก็ยากนะโยม.

“แม่ลูกจันทร์”