ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสวิ่งทะยานไม่หยุด เพิ่มขึ้นพรวดๆ กว่าเท่าตัวในช่วงไม่กี่วัน
สาธุชนโปรดตั้งสติ อย่าเพิ่งตื่นแตกแหกกระเชิง
เพราะผู้เชี่ยวชาญคาดล่วงหน้าไว้แล้วว่าสถานการณ์แพร่ระบาดในเมืองไทยจะต้องก้าวมาถึงจุดนี้อย่างแน่นอน
คือเริ่มจากขั้นที่ 1, ผู้ติดเชื้อไวรัสทุกรายเป็นผู้เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด การแพร่ระบาดยังเป็นวงเล็ก สืบค้นต้นสายปลายเหตุได้ชัดเจน
จากนั้นจะขยับขึ้นขั้นที่ 2, การแพร่ระบาดขยายวง เริ่มมีคนไทยที่ไม่ได้เดินทางกลับจากต่างประเทศ ติดเชื้อไวรัสจากคนสู่คน แต่ยังสืบค้นต้นตอได้ว่าติดต่อจากใคร ยังพอควบคุมวงจรการระบาดได้แม้จะซับซ้อนมากกว่าเดิม
จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นที่ 3, คือแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสเพิ่มก้าวกระโดดแบบวันต่อวัน จนไม่สามารถสืบค้นได้ว่าใครติดไวรัสจากใคร
การเตรียมแผนรับสถานการณ์ระบาดขั้นที่ 3 จึงต้องรอบคอบรัดกุม
เพื่อให้มีหมอพยาบาล อุปกรณ์การแพทย์ ห้องผู้ป่วยโรคติดต่อให้เพียงพอรองรับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสที่เพิ่มขึ้นๆอย่างรวดเร็ว
นี่คือสถานการณ์ฉุกเฉินเร่งด่วนที่รัฐบาลนายกฯลุงตู่ต้องทุ่มสรรพกำลังรับมือไวรัสระบาดครั้งใหญ่ที่สุด ร้ายแรงที่สุดในรอบ 100 ปี
เพื่อไม่ให้เกิดสภาวะการแพร่ระบาดแบบไร้การควบคุม
พูดง่ายๆคือเอาไม่อยู่นั่นแหละโยม
“แม่ลูกจันทร์” ประเมินว่าสถานการณ์ ล่าสุดใกล้จะขยับจากขั้นที่ 2 กระเถิบขึ้นไปถึงขั้นที่ 3 ไม่ช้าก็เร็ว
หากสถานการณ์เข้าสู่ขั้นที่ 3 ถึงคราวจำเป็นที่รัฐบาลต้องเพิ่มมาตรการควบคุมอย่างเข้มข้นยิ่งขึ้นอีกเท่าตัว
อาจต้องประกาศเขตพื้นที่แพร่ระบาดรุนแรง กำหนดโซนคัดกรองประชาชนผู้ผ่านเข้าออกตลอด 24 ชั่วโมง
...
ต้องสั่งปิดสถานบันเทิง สถานที่ชุมชน โรงเรียน หน่วยราชการ บริษัทเอกชนในพื้นที่ความเสี่ยงสูงชั่วคราว
สั่งยกเลิกกิจกรรมทุกชนิดที่มีคนจำนวนมากไปชุมนุมกัน ฯลฯ
“แม่ลูกจันทร์” ย้ำว่าถึงเวลาคับขันจำเป็นประชาชนต้องร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาล เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง และเพื่อความปลอดภัยของสังคมส่วนรวม
และเพื่อให้การแพร่ระบาดยุติได้อย่างรวดเร็ว
พี่น้องประชาชนต้องอยู่ในพื้นที่จำกัด เพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อไวรัสจากคนสู่คน
จุดล่อแหลมที่สุด น่าห่วงที่สุด คือ ผู้ต้องขังในเรือนจำทั่วประเทศกว่า 3.7 แสนคน ที่ต้องนอนยัดเยียดเบียดเสียดในพื้นที่คับแคบ ต้องไอจามใส่กันตลอดเวลา
ถ้ามีใครติดไวรัสคนเดียว อาจแพร่ระบาดติดต่อกันทั้งเรือนจำ
“แม่ลูกจันทร์” ขอชมเชย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ที่สั่งกำชับกรมราชทัณฑ์เพิ่มมาตรการคัดกรองผู้ต้องหาใหม่ทุกราย
บิ๊กคลีนนิ่งเรือนจำทุกซอกทุกมุม
เตรียมหน้ากากอนามัย (ทำเอง) ให้ผู้ต้องขังอย่างพอเพียง
เตรียมห้องแยกรองรับผู้ป่วยไวรัสล่วงหน้า (ถ้ามี)
งดกิจกรรมที่คนนอกต้องเข้าไปภายในเรือนจำ ฯลฯ
ทำทุกมาตรการเพื่อป้องกันไวรัสระบาดสุดลิ่มทิ่มประตู
ยกเว้น...ไม่ปล่อยผู้ต้องขังกลับไปกักขังตัวเองที่ภูมิลำเนา
ปล่อยไม่ได้...ขืนปล่อยไปก็หนีเตลิดเปิดเปิง.
“แม่ลูกจันทร์”