ซึมซับประสบการณ์ สั่งสมวิชามา 5-6 ปี จน “เขี้ยวงาการเมือง” งอกตามธรรมชาติ
ถึงจุดไม่พลาดงับเหยื่อง่ายๆตามลีลาที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ตีกรรเชียงชิ่ง ไม่หือไม่อือกับเวที ส.ส.พรรคพลังประชารัฐรับมือศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่พัทยา จังหวัดชลบุรี ที่ทีมงาน “อ.ส.ว.สร้างสรรค์” นายอนุชา นาคาศัย รองหัวหน้าพรรค นายสุชาติ ชมกลิ่น ประธาน ส.ส.พรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล รับเป็นโต้โผใหญ่
ฉากหน้าคือ “ขุนอาสา” องครักษ์พิทักษ์รัฐมนตรีบู๊เกมเชือดในสภา
แต่ฉากซ้อนมันคือการโชว์พลัง อวดบารมี ลุ้นบำเหน็จเก้าอี้รัฐมนตรี ใช้เส้น “พี่ใหญ่” อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ
มัดจำแต้มกับ “นายกฯลุงตู่” ในคิวปรับ ครม.
แน่นอน เมื่อผู้นำเบอร์หนึ่งรัฐบาลไม่เออออห่อหมกกับอีเวนต์จัดทัพรับศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ยืนยันรับมือเองได้ พร้อมตอบตามข้อเท็จจริง
ที่สำคัญก่อนหน้านี้ “นายกฯลุงตู่” ได้สั่งการตรงในที่ประชุม ครม.ให้ “จอมยุทธ์กวง” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ช่วยคุมเกมคุ้มกันหลัง สนับสนุนข้อมูลเศรษฐกิจตอบโต้ฝ่ายค้านในห้องประชุมสภา
นั่นหมายถึงความเชื่อมั่น ไว้วางใจมวยรุ่นใหญ่เชิงสูงมากกว่า
“ลุงตู่” ไม่เสี่ยงโดนด่า เสียรังวัดกับลูกมั่วการเมืองน้ำเน่าสูตรโบราณ
ที่แน่ๆเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ไม่เน้นเกมองครักษ์พลังประชารัฐป่วนฝ่ายค้าน นั่นก็เท่ากับไม่ต้องปูนบำเหน็จให้ความดีความชอบกับใครเป็นกรณีพิเศษ
...
ไม่ติดค้างหนี้บุญคุณ ต้องจัดเก้าอี้รัฐมนตรีตอบแทนใคร
ปล่อยให้เป็นภาระของ “พี่ใหญ่” แจกกล้วย เล่นบทฤาษีเลี้ยงลิง เปิดฟาร์มเพาะงูเห่าไปตามถนัด
ส่วน “นายกฯลุงตู่” ก็ยังลอยตัวอยู่เหนือเกมการเมืองเรื่องโควตากลุ่ม แก๊ง ก๊วน ถือสิทธิ์ขาดในการบริหารจัดการอำนาจแต่เพียงผู้เดียว
แต่ที่เสียวกว่าใคร ในสถานการณ์ “แฟนคลับน้อย” ต้องรีบหาแนวร่วมเป็นไม้กันหมา
อารมณ์แบบที่ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย แบะท่าแบไต๋ มีความเป็นไปได้ที่อาจจะไปร่วมงานสัมมนารับศึกซักฟอกของพรรคพลังประชารัฐ ถือเป็นการกระชับความสัมพันธ์ในฐานะเป็นบุคคลในรัฐบาลและมีพรรคร่วมรวมอยู่ เป็นการให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกัน
ผิดวิสัยเสือซุ่มสิงห์เงียบ ที่ปกติเคร่งขรึมไม่สุงสิงกับใคร
งานนี้ “พี่รอง” ต้องหันมาสร้างสัมพันธ์กับ ส.ส. พึ่งบริการองครักษ์สายตรง “พี่ใหญ่”
แหยงถูกโดดเดี่ยว โดนรุมกินโต๊ะในสภา
ตามข้อหาแรงๆในญัตติเชือดของฝ่ายค้านที่พุ่งเป้าปมทุจริตเอื้อ บริวารพวกพ้อง

อาการเดียวกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่ออกโรงหนุนตัวโก่ง ยืนยันโดยหลักแล้วรัฐมนตรีที่อยู่ในข่ายโดนอภิปรายควรจะไปเพื่อจะได้ฟังคำแนะนำจากคนที่มีประสบการณ์
ถึงวันที่ “โคตรเซียนกฎหมาย” ต้องพึ่งบริการนักการเมืองอาชีพ
ตามฟอร์มหนุ่มใหญ่บริสุทธิ์ โดนเปิดซิง ถูกจับขึ้นเขียงเชือดครั้งแรกในชีวิต
ต่อให้ศรีธนญชัยเรียกพี่ แต่เวทีเชือดในสภา “วิษณุ” ขาสั่นก็แล้วกัน
แต่คนที่ยกระดับความเป็นเซียนขึ้นผิดหูผิดตา เมื่อเทียบกับอดีตที่ต้องท่องสคริปต์ตอบในสภา
ตามลีลาของ “เดอะซัน” นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม แกนนำทีมสามมิตร พรรคพลังประชารัฐ ที่ออกตัวปฏิเสธนิ่มๆไม่ได้ไปร่วมเวทีสัมมนาเตรียมรับมือศึกซักฟอกของพรรคพลังประชารัฐที่พัทยาช่วงสุดสัปดาห์นี้ เพราะมีปัญหาสุขภาพ
แต่ได้มอบหมาย ส.ส.ในทีมเตรียมข้อมูลเสิร์ฟนายกรัฐมนตรี
ส่วนที่ฝ่ายค้านกังวลเรื่ององครักษ์ของพรรคพลังประชารัฐป่วนการประชุมทำให้เสียบรรยากาศนั้น หาก ส.ส.ฝ่ายค้านอภิปรายอยู่ในประเด็น แล้วถ้า ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลไปป่วน ประชาชนเห็นก็จะเสียศรัทธา ตราบใดที่ผู้อภิปรายอยู่ในประเด็น ผู้ถูกอภิปรายก็ชี้แจง ทุกอย่างก็จบ
ดักคอทั้งฝ่ายค้านอย่าชกใต้เข็มขัด และดักทางพวก “จ้องโชว์” ทีมพลังประชารัฐอย่าตีรวนทำโดนโห่
“สุริยะ” เน้นฟอร์มนิ่ง แท็กทีม “สมคิด” ชกมีเชิงแบบมวยเบอร์ใหญ่
ไฟต์เดิมพันวัดใจ ถ้าปล่อย “ลุงตู่” โดนน็อก รัฐบาลก็เจ๊งกันหมด.
ทีมข่าวการเมือง