เด็กรุ่นผมไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน...เคยอ่านนิทานอีสป เรื่อง กระต่ายกับเต่า...รู้เหมือนๆกัน ตอนจบเต่าชนะ แต่กับเด็กรุ่นต่อๆไป ควรจะต้องอ่าน นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่าฉบับใหม่

เรื่องเริ่มต้นว่า เจ้ากระต่ายไม่ยอมแพ้ มันไปขอท้าเต่าให้แข่งใหม่ บนเส้นทางสายเก่า กติกาแบบเก่าๆ ครั้งนี้เจ้ากระต่ายไม่ประมาท

ไม่ยอมนอนหลับ มันวิ่งรวดเดียว แน่นอนมันก็ถึงเส้นชัย

เจ้าเต่าก็มีนิสัยเหมือนคนทั้งหลายในโลก ไม่ยอมแพ้ มันขอท้ากระต่ายแข่งใหม่ โดยขอใช้เงื่อนไขใหม่

“ทุกครั้งเจ้าเลือกเส้นทาง” เต่าว่า “ครั้งนี้ข้าขอเลือกเส้นทางบ้าง” กระต่ายใจนักเลง...ตอบตกลง

ทันทีที่การแข่งขันเริ่มต้น...เจ้ากระต่ายวิ่งฉิวนำหน้า แต่พอไปถึงริมแม่น้ำ มันข้ามไม่ได้ จนเจ้าเต่ามาถึง มันได้แต่มองตาปริบๆ ดูเต่าว่ายข้ามแม่น้ำ...ครั้งนี้ กระต่ายแพ้

ในการแข่งขันครั้งต่อไป...ในเส้นทางสายเก่าที่เต่าเลือก กระต่ายได้ความคิดใหม่

มันบอกกับเต่า “ทำไมเราต้องวิ่งแข่งกัน” เต่ายังงง กระต่ายก็บอกต่อไป “เราลองแข่งกันใหม่ ด้วยความร่วมมือกัน ไม่ดีกว่าหรือ?”

ข้อเสนอนี้ เต่าฟังแล้วก็ดูดี มันตอบตกลง

การแข่งขันเริ่มต้นแล้ว บนเส้นทางบก กระต่ายวิ่งเร็วกว่า ครั้งนี้มันแบกเอาเต่าไปด้วย และเมื่อถึงแม่น้ำ เจ้าเต่าก็เป็นฝ่ายให้กระต่ายขี่บนหลัง ว่ายข้ามแม่น้ำ

ผลการแข่งขันครั้งนั้น ทั้งเจ้าเต่าเจ้ากระต่ายไปถึงเส้นชัยพร้อมกัน เป็นอันว่าชนะด้วยกัน

นิทานเรื่องลู่แข่งใหม่กระต่ายกับเต่า ผมเอามาจากเจ้าจำนำเดิม หนังสือเรื่องคมๆ ความหมายชวนคิด (สุริยเทพ ไชยมงคล สำนักพิมพ์อินสไปร์ เครือนานมี พ.ศ.2553)

...

จบเรื่องมีคำอธิบาย ความหมายชวนคิด สิ่งที่กระต่ายกับเต่าเผชิญร่วมกันก็คือ การแข่งขัน แต่ละตัวพยายามที่จะใช้จุดเด่นเพื่อเอาชนะ

แต่ผลก็คือ ผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ ขึ้นอยู่กับเส้นทางในการแข่งขันแต่ละครั้งที่ไม่เหมือนกัน

เมื่อเป็นเช่นนี้ กระต่ายกับเต่าจึงจำเป็นต้องเลือก ระหว่างการแข่งขัน หรือจะเปลี่ยนมาเป็นร่วมมือกัน ถ้าเป็นงาน ก็คือการเลือกมองฝ่ายตรงข้ามเป็นคู่แข่งขัน หรือมองว่าเป็นผู้ร่วมงาน

ถ้าเลือกเป็นคู่แข่งขัน ก็ต้องผลัดกันแพ้ชนะ ทั้งเส้นทางการแข่งขันต่อๆไป จะซับซ้อนและลำบากยิ่งขึ้น จนไม่แน่ว่าอาจไปไม่ถึงเส้นชัยด้วยกันทั้งคู่

ดีที่กระต่ายกับเต่ามองการณ์ไกล เลือกการร่วมมือกัน

ผลจากการร่วมมือกัน สองฝ่ายจะช่วยกันเสริมจุดเด่น หลีกเลี่ยงจุดด้อย นี่คือทางเลือกที่เห็นชัดๆว่าจะได้ประโยชน์มากกว่า

ผมตั้งใจเล่านิทานเรื่องนี้...เพราะมองเรื่องราวในสภา...นักการเมืองตั้งใจเอาชนะกัน เสียบบัตรแทนกัน เกิดปัญหา งบประมาณเกือบไม่ผ่านสภา...เป็นผลเสียหายต่อเศรษฐกิจทั้งบ้านเมือง

เคราะห์ดีที่ใช้ความพยายามจนผ่านปัญหานี้ไปได้ แม้จะช้าไป แต่ก็คงไม่สายเกินการณ์

ผมไม่กล้าหวังว่า กระต่ายกับเต่าจะแข่งเอาชนะกันต่อไป และยิ่งไม่กล้าหวังว่า กระต่ายกับเต่าจะเลิกการแข่งขัน...เพราะถ้าทำเช่นนั้น ในสายตาชาวบ้าน ก็ถือเป็นการสมคบกันหาประโยชน์ให้พวกตัวเอง

พวกเสียบบัตรแทน ก็จะเสียบบัตรแทนต่อไป พวกโกงกินป่า ก็จะโกงกินป่าต่อไป

ทางเลือกที่ควรทำต่อ ก็ใช้กติกาเดิม แข่งขันกันต่อไปเหมือนเดิม ทะเลาะเบาะแว้งกันเหมือนเดิม

เพียงแต่ต้องมีจุดของความพอดีๆ ไม่ถึงกับทำให้เป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย น่าชิงชังรังเกียจ...เหมือนตอนนี้ที่กำลังทำๆกัน.

กิเลน ประลองเชิง