ความสวยงามผุดขึ้นท่ามกลางวิกฤติ
สถานเอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย ออกแถลงการณ์ รู้สึกอบอุ่นใจอย่างยิ่งที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชสาส์น แสดงความห่วงใยไปยังประธานาธิบดี สี จิ้นผิง พระราชทานเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ อาทิ หน้ากากอนามัย ถุงมือยาง เสื้อกาวน์กันน้ำ ยารักษาโรคให้กับจีน
ซึ้งน้ำใจไทยที่ช่วยเหลือ ส่งกำลังใจให้จีนพ้นวิกฤติ
พญามังกรไม่มีวันลืมมิตรภาพของไทยยามยาก
ในขณะที่เส้นกราฟสถิติผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาอู่ฮั่นยังเชิดหัวสูงขึ้นต่อเนื่อง
โดยเฉพาะในส่วนของประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ เมือง อู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย จุดเริ่มต้นของการระบาดที่จำนวนผู้ติดเชื้อทะลุหลัก 30,000 กว่าคน ตายแล้วเกิน 600 ราย
ลุกลามไปหมดแล้วเกือบทุกมณฑล
ขณะที่สถานการณ์ในประเทศไทยยังมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อยู่ในหลัก 20–30 ราย และยังไม่มีคนตายจากไวรัสมรณะอู่ฮั่น
ที่สำคัญมีผู้ติดเชื้อที่แพทย์ทำการรักษาหายแล้ว 7–8 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้
นั่นทำให้กระแสความตื่นกลัวในประเทศไทยลดดีกรีลงไป ล้อกับการไล่บล็อกไล่จับกุมดำเนินคดีขบวนการจิตป่วนปล่อย Fake news สร้างข่าวลวง ข่าวเท็จ เขย่าขวัญผู้คนในสังคม
อารมณ์ที่ประชาชนเริ่มตั้งหลักได้ มั่นใจมาตรฐานการรับมือของระบบสาธารณสุขไทย
ในจังหวะที่รัฐบาลได้ส่งเครื่องบินโดยสารพาณิชย์ไปรับ 138 คนไทยจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน กลับมากักตัว ดูอาการ 14 วัน ที่อาคารรับรอง ฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี

...
มีการควบคุมตามหลักมาตรฐานสากลเพื่อความปลอดภัย
ณ จุดนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้ความมั่นใจกับประชาชน ประเทศไทยยังควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
2019 ได้
สถานการณ์ของไข้อู่ฮั่นไม่เกินขีดความสามารถของแพทย์ไทย
แต่อีกทางที่ต้องประคองอาการกันมือเป็นระวิง ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ลามไปติดเชื้อเศรษฐกิจ
เป็นแรงกระแทกซ้ำ วิกฤติซ้อนวิกฤติ
ทีม “หมอประจำบ้าน” ของรัฐบาลอย่างนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ต้องเร่งชงที่ประชุม ครม. ผุดสารพัดมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวรองรับผลกระทบจากการระบาดไวรัสโคโรนา อู่ฮั่น ทั้งการยืดเวลาชำระภาษีรายได้บุคคลธรรมดา ลดภาษีผู้ประกอบการ ฯลฯ
จ่อปล่อยโปรโมชัน “ชิมช้อปใช้ เฟส 4” ช่วงสงกรานต์ กระตุ้นให้คนไทยเที่ยวไทย
ชดเชยทัวร์จีนที่หายไปเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์
เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่คาดคิดแทรกมาเพิ่มโจทย์โคตรหินให้รัฐบาล “บิ๊กตู่”
แต่ที่คาดคิดได้ล่วงหน้า ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมากมีคำวินิจฉัยร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 จากการที่ ส.ส.เสียบบัตรแทนกันว่า การพิจารณาวาระที่ 1 และการพิจารณาของคณะกรรมาธิการเป็นไปโดยชอบและมีผลสมบูรณ์ตามรัฐธรรมนูญ โดยให้สภาฯโหวตใหม่ในวาระ 2–3
โดยกระบวนการต้องใช้เวลาอีกระยะ การเบิกจ่ายงบฯถึงจะทำได้เต็มรูปแบบ
ผู้แทนฯตัวแสบ ทำคนเดือดร้อนทั้งประเทศ
และปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ตามวิธีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ที่ประชุม ครม.ต้องมีมติอนุมัติให้สำนักงบประมาณ ขยายยอดเบิกจ่ายงบประมาณปี 2562 จากร้อยละ 50 เป็นร้อยละ 75
ไม่ให้เกิดภาวะงบประมาณ “ชัตดาวน์”

มือบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลต้องทำงานกันหัวหมุน
ในจังหวะที่ทีม “นายกฯลุงตู่” ยังต้องวุ่นกับการรับมือเกมการเมือง ตามห้วงสถานการณ์ที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย
นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นำคณะยื่นญัตติต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี 6 คน
ประกอบด้วย 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม 2.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี 3.นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี 4.นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ 5.พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย 6.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์
แนบร่างญัตติถ้อยคำร้อนๆแรงๆประเภท “กร่าง เถื่อน”
ดีเดย์เปิดศึกเชือดกัน วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563 ตั้งแต่เวลา 13.30 น. จนถึงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563 และลงมติกันในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 แต่หากไม่จบภายใน 3 วัน จะขยายเวลาให้อภิปรายถึงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 และไปลงมติในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563
ตามเหลี่ยมฝ่ายค้านทีมดูไบเชิดฉิ่งโหมโรง รัวเกราะเคาะไม้ขู่กันรายวัน
ล้อไปกับการเคลื่อนไหวของ ส.ส.ฝั่งรัฐบาลที่โชว์แอ็กชัน อารมณ์แบบที่นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ประกาศชัดถ้อยชัดคำ
เข็นทีมงาน “อ.ส.ว.” รอปะทะเกมเดือดกับฝ่ายค้าน
แบ่งงาน ทีม “อ” มีนายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นหัวหน้ารับผิดชอบในการประสานพรรคพลังประชารัฐ และ ครม. ทีม “ส” มีนายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี ประธาน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เป็นหัวหน้ารับผิดชอบประสานพรรคเล็ก และทีมดาวยั่วทั้งหมด และทีม “ว” มีนายวิรัช รัตนเศรษฐ เป็นหัวหน้ารับหน้าที่ประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล
โดยทีม “ว” ยังมีหน้าที่ในการเตรียมข้อมูลให้ พล.อ.ประวิตรไว้ในการอภิปรายโดยเฉพาะด้วย
ทีม “หนุมานอาสา” ว่าด้วยเรื่องของงาน “กล้วยกล้วย”
แถมยังลุ้นข้ามช็อตไปถึงการเขย่าเกมปรับ ครม.หลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ
แต่ที่เป็นทางการจริงๆ ก็คือจังหวะขยับของมวย

รุ่นใหญ่อย่างนายสมคิดที่รับสัญญาณ “นายกฯลุงตู่” ในที่ประชุม ครม. ขอให้เป็นหลักในการประคองเกมรับมืออภิปรายด้านเศรษฐกิจ เป็นที่มาของฉากที่ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นัดนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม แกนนำกลุ่มสามมิตร พร้อม ส.ส.พรรคพลังประชารัฐกว่า 40 คน
ระดมพลโชว์ความแน่นปึ้ก ส่งสัญญาณไปถึงพรรคร่วมรัฐบาล
งานนี้ต้องร่วมกันประคองผู้นำอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เช่นนั้นก็พังไปด้วยกัน
ตามสถานการณ์สะท้อนเดิมพัน เพราะมันเป็นครั้งแรกของ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้นำรัฐบาลจากการเลือกตั้งที่จะโดนล่อเป้าในสภาฯ ตามเหลี่ยมยุทธศาสตร์มุ่งถล่มพี่น้อง “3 ป.”
สางแค้นเอาคืนทีมรัฐประหารโค่นอำนาจนอมินี “ทักษิณ”
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น กระแสอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังไต่ดีกรีระอุเดือด ก็มีจังหวะกระตุกพรรคร่วมฝ่ายค้านให้สะดุด ตามคิวที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่

จากคดีกู้เงินนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค 191 ล้านบาท
ในวันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 15.00 น.
นั่นหมายถึงตัดหน้าคิวอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเริ่มในวันที่ 24 กุมภาพันธ์
เล่นเอาตั้งหลักแทบไม่ทัน
และแทบจะทันทีทันควัน นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ รีบนำทีมแถลง กระตุกสังคม ปลุกแนวร่วมกองเชียร์ให้จับตา “หนังเก่าฉายซ้ำ”

ประกาศ พรรคอนาคตใหม่ไม่ยอมจำนนต่อความอยุติธรรม
ดักคอดักทาง อ้างตามรูปการณ์ที่ประชาชนคิดได้ มีโอกาสที่อนาคตใหม่จะถูกยุบพรรคก่อนที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และจะทำให้กรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธิ และไม่มีโอกาสอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ไปจนถึงว่าหากพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ส.ส.ของพรรคจะย้ายไปสนับสนุนรัฐบาล ทำให้สภาวะเสียงปริ่มน้ำของรัฐบาลหมดไปได้
ฉายภาพ กดดันตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเป็นนัย
ซึ่งนั่นก็สอดคล้องกับข่าววงใน คาดการณ์แนวทางคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดีพรรคอนาคตใหม่กู้เงินนายธนาธร191 ล้านบาท ส่อขัดรัฐธรรมนูญปมที่มาของรายได้

มุมแรก ยุบพรรคอนาคตใหม่ 15 กรรมการบริหารพรรคโดนตัดสิทธิทางการเมือง
หรือมุมที่สอง ไม่ยุบพรรคอนาคตใหม่ แต่ริบเงินกู้
191 ล้านบาท พร้อมตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด 15 คน
เรื่องของเรื่อง ตามรูปการณ์ไม่ว่าออกมุมไหน ทั้ง 2 แนวทาง กรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่
หนีไม่พ้นถูกตัดสิทธิทางการเมือง
โดย 11 ใน 15 คน เป็นผู้แทนราษฎร ต้องหลุดจากตำแหน่ง ส.ส.โดยอัตโนมัติ
และในจำนวนนั้นก็มีมวยหลักทั้งนายปิยบุตร พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรค “ช่อ” น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค ตัวทำเกม ฝีปากจัดจ้าน
เท่ากับโดนจับฟาวล์ ไม่ได้ร่วมเวทีเชือดรัฐบาล
ในอารมณ์ที่นายปิยบุตรขู่ล่วงหน้า ถ้าค่ายสีส้มโดนยุบ ไม่ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา
“ธนาธร–ปิยบุตร”จะนำทีมเดินสายอภิปรายนอกสภา
ไม่กั๊ก งัดเกมม็อบ ลากไปฟัดกันบนถนน.
“ทีมการเมือง”