ว่าด้วยอนาคตใหม่
ต้นปี 63 คงจะรู้กันว่า “อนาคตใหม่” จะไปทางไหนเมื่อ กกต.ได้ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค
หากเป็นบวกก็เดินหน้าต่อไป
หากออกมาเป็นผลลบก็น่าจะเป็น “ยุบพรรค” หรืออีกทางไม่ยุบพรรค แต่ลงโทษกรรมการพรรค 15 คน
คำถามก็คือว่าในเมื่อรู้ดีว่ากฎกติกาต่างๆเป็นอย่างไร ทำไมจึงไม่เตรียมความพร้อมให้ครบเครื่อง เพราะรู้ดีว่าจะต้องถูกจับจ้องทุกขั้นตอน
หรืออีกทางไม่ยุบพรรค แต่ลงโทษแค่กรรมการบริหาร นอกจากต้องถูกเว้นวรรคทางการเมืองแล้ว อาจจะถึงขั้นดำเนินคดีอาญาก็ได้
ต้องคิดให้ดีด้วยว่าทหารภายใต้ระบบเลือกตั้งชุดนี้ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา เพราะการวางแผนกุมอำนาจมาเป็นอย่างดี
เหนือกว่าคณะรัฐประหารชุดต่างๆที่ผ่านมา
อีกทางหนึ่งจนทำให้เป็นเหตุที่ว่ากันว่าเพราะทีมกฎหมายของพรรคนี้เชื่อมั่นตัวเองจนไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมา
หรือเพราะไม่แตกฉานพอในการตีความกฎหมายในการป้องกันตัวเอง
ที่เป็นอยู่จึงเป็นเหตุ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคโดนไปเต็มๆ ทั้งถือ “หุ้นสื่อ” จนมาถึงคดี “เงินกู้” 191 ล้าน
แต่ก็มีการวิเคราะห์กันอีกมุมหนึ่งว่าเป็นยุทธวิธีทางการเมืองเพื่อไปสู่จุดหมายที่จะเปลี่ยนการเมืองไทยตามที่มุ่งหวัง
เมื่อถูกคำสั่งลงโทษก็จะเกิดปฏิกิริยาที่เป็น “เงื่อนไข” ว่าด้วยความไม่ชอบธรรม ถูกกลั่นแกล้งจากกลุ่มสืบทอดอำนาจ
ยิ่งมีหลายเรื่องหลายคดียิ่งเป็นสิ่งบอกเหตุว่าถูกรังแกเพื่อไม่ให้เติบใหญ่
นั่นจึงน่าที่จะก่อความไม่พอใจทั้งจากผู้สนับสนุนและประชาชนทั่วไปจนนำไปสู่การต่อต้านคัดค้านจนเป็นเหตุใหญ่ได้
...
ไม่ต้องกินที่–กินเวลามากนัก
นี่เป็นเพียงสดับตรับฟังนักวิเคราะห์การเมืองที่ตั้งข้อสังเกตความเป็นไปของนายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่
เอาเป็นว่าเหตุที่เกิดขึ้นก็เพราะเรื่องของตัวเองแท้ๆ โทษใครไม่ได้!! ต้องรอดูกันว่าอนาคตใหม่คงต้องมีการประชุมเพื่อเตรียมการต่อไปหากถูกยุบพรรคจริงๆ
แต่อย่างน้อยสิ่งที่จะเกิดผลตามมาก็คือกรรมการพรรค 15 คนนั้น จะต้องมีผลทางการเมือง ซึ่งในจำนวนนี้ 11 คนที่เป็น ส.ส.จะต้องถูกตัดสิทธิทางการเมือง ทำให้จะหายไปจากสภาด้วย 11 คน
เช่น นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค ซึ่งเป็นคีย์แมนสำคัญที่มุ่งหวังว่าจะทำงานแทนนายธนาธรในสภาฯ
หาก “ยุบพรรค” ก็ต้องหาทางเดินต่อไปด้วยการหาพรรคใหม่ เพื่อนำทีมย้ายไปสู่พรรคการเมืองใหม่วางแผนเอาไว้แล้ว
แต่จะหอบหิ้วกันไปได้มากน้อยแค่ไหน หรือว่าจะแพแตกแยกย้ายกันไปหาสังกัดใหม่ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อย
ตรงนี้จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าแนวทางพรรค อุดมการณ์พรรคจะศักดิ์สิทธิ์แค่ไหน?
ที่สำคัญคือปัญหาภายในพรรคซึ่งเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดความขัดแย้งจนลาออกจากพรรคไปส่วนหนึ่ง เพราะไม่พอใจกรรมการบริหารส่วนหนึ่งที่วางตัวเป็น “ฮ่องเต้”
อีกส่วนหนึ่งเป็น “หอกข้างแคร่” อยู่ในพรรคที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก.
“สายล่อฟ้า”