การเมืองไทยที่ไม่ต่างอะไรจาก ไก่ในเข่ง ประชาธิปไตยที่ล้มลุกคลุกคลานมา 87 ปี นับวันจะถอยหลังลงคลอง วิบากกรรมของ พรรคอนาคตใหม่ และ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของปรากฏการณ์ทางการเมืองก็ตาม แต่มีความสำคัญที่จะชี้ให้เห็นถึงการเมืองในอดีต ปัจจุบันและอนาคตได้อย่างชัดเจน

เริ่มจาก กระบวนการทางกฎหมาย นับตั้งแต่ยุติบทบาทการทำหน้าที่ ส.ส. ของ ธนาธร ไปจนกระทั่งการทำหน้าที่ทางการเมืองของ ธนาธร ทั้งในสภาและนอกสภา ข้อมูลบางประการเน้นให้เห็นถึงการชี้นำ และ อำนาจรัฐ ที่ไม่ปกติ คำสั่งของผู้มีอำนาจ ถึง องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ก็ไม่ต่างอะไรจาก อำนาจที่เหนือรัฐธรรมนูญ เป็นอำนาจที่มองไม่เห็นแต่พิสูจน์ได้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ใบสั่งสะพัด

วิบากกรรมของ ธนาธร และ อนาคตใหม่ อาจไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบ้านเมืองทันที แต่จะเป็น สนิมเนื้อในของระบอบประชาธิปไตย กัดกร่อน ประชาธิปไตย กัดกร่อน ความรู้สึกของประชาชน

การเมืองฝ่ายหนึ่งที่อยู่เป็น บิดเบือนกติกา แสวงหาผลประโยชน์และอำนาจ ฝ่ายหนึ่งที่ฝักใฝ่ในอุดมการณ์ทางการเมือง ที่ต้องการเห็นประชาธิปไตยเต็มใบอยู่ไม่เป็น ผิดที่ผิดทาง ท้ายที่สุดต้องตกเป็นเหยื่อของอำนาจ
ถูกผลักให้อยู่ตรงข้ามเป็นผู้ร้ายไปฉิบ

วันนี้ ธนาธร ก็ไม่ต่างจาก ทักษิณ ในอดีต ต่อไปนี้ ธนาธร ทำอะไรก็ผิด จะมากจะน้อยขนาดไหน จะถูกตัดสิทธิทางการเมืองกี่ปี หรือจะถูกดำเนินคดีอาญา หรือพรรคอนาคตใหม่จะถูกยุบ

ก็ให้ดูตัวอย่างจากทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ที่ฆ่าไม่ตาย

ต่างกันที่ ธนาธร มีแนวทางการต่อสู้ทางการเมืองที่ชัดเจนกว่า ไม่ได้สู้ที่ตำแหน่งทางการเมือง หรือการเป็น ส.ส. หรือแสวงหาผลประโยชน์ใดๆ

เป็นการเมืองเพียวๆ

ความไม่แน่นอนของการเมืองไทย จากภายในพรรคร่วมรัฐบาล ภายในพรรคการเมือง และจากภายในรัฐบาล จะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ ระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทยและเสถียรภาพของรัฐบาล

...

โลกเสรีที่มอง การเมืองการปกครองในประเทศไทย ไม่ได้มอง รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่มองว่า ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย แล้วหรือยัง

เพราะฉะนั้น ร่องรอยวิบากกรรมของธนาธรและอนาคตใหม่ ที่เป็นตำหนิของระบอบประชาธิปไตยในวันนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของวิบากกรรมประเทศ การแสวงหาทางลัดของผู้มีอำนาจ จะกลายเป็นดาบกลับมาเชือดคอตัวเอง

นำไปสู่ความหายนะ.

หมัดเหล็ก