ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น เป็นไปตามฟอร์ม กับการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 วาระแรก ที่เสียงโหวตผ่านพอดีเป๊ะ

ภาพรวมการประชุมสภาฯถือว่ายกระดับขึ้นมาได้พอสมควร ไม่มีการตีรวน ตีฝีปากงัดสำบัดสำนวนขึ้นมาใส่กันเหมือนในอดีต แต่ก็เริ่มมีงูเห่าโผล่มาให้เห็นกันประปราย

เป็นไปตามคาดที่พรรคฝ่ายค้านพุ่งเป้าตีไปที่งบด้านความมั่นคง กับงบกลางที่ตั้งเอาไว้สูงกว่า 518,770 ล้านบาท เกิน 1 ใน 6 ของงบประมาณแผ่นดิน ถือว่าเยอะอย่างมีนัย

รวมไปถึงงบที่ต้องเอาไปใช้กับนโยบายหาเสียงในโครงการประชารัฐ

พยายามติดตามฟังตลอด 3 วัน 2 คืน ว่ารัฐบาลจะแจกแจงแหล่งที่มารายได้ที่จะนำมาใช้ในโครงการต่างๆ มาจากไหนบ้าง ก็ไม่เห็นมีใครชี้แจงได้เป็นชิ้นเป็นอัน ทั้งตัว นายกฯประยุทธ์ จันทร์โอชา เอง คุณอุตตม สาวนายน รมว.คลัง หรือแม้แต่ คุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯด้านเศรษฐกิจ มีแต่พูดภาพรวมๆ

ทั้งที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ กำหนดให้ต้องแจกแจง

สำหรับตัว พล.อ.ประยุทธ์เอง ดูว่าการพิจารณาร่างงบประมาณคราวนี้ มีท่าทีผ่อนคลายลงพอสมควร อาจเพราะไม่ได้เป็นศึกอภิปรายที่ต้องห้ำหั่นกันเหมือนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และต้องเร่งรีบพิจารณาให้เสร็จ เพราะถือว่าล่าช้ามามากแล้ว

พอพูดถึงนายกฯประยุทธ์แล้ว ก็นึกไปถึง คุณพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน ที่ระยะหลังมานี้ยกระดับขึ้นมาเป็นคู่ปรับ ที่ท่านนายกฯต้องออกมาตอบโต้พาดพิงถึงอยู่บ่อยๆ

ข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจที่คุณพิชัยท้วงติงตลอด 5 ปีที่ผ่านมา จนถูกเรียกตัวไปปรับทัศนคตินับครั้งไม่ถ้วน โดยเฉพาะช่วงหลังที่ออกมาเตือนสติรัฐบาลหลายเรื่อง มันชักจะเข้าเค้า แม้ทางฝั่งรัฐบาลพยายามปฏิเสธ แต่อยากให้ประชาชนรับฟังไว้เตรียมรับมือกับสถานการณ์

...

นอกจากการลงทุนที่อยู่ในภาวะทรงกับทรุดแล้ว การส่งออกที่ลดลง และปีนี้ทำท่าจะติดลบอีก ขณะที่งบประมาณกลับถูกเน้นไปที่ด้านความมั่นคง ไม่ได้ใช้เพื่อลงทุนทางเศรษฐกิจ และเพิ่มความสามารถแข่งขันของประเทศ ล่าสุดอันดับความสามารถแข่งขันของไทยหล่นลงไปอีกอยู่ที่อันดับ 40 ขณะที่เวียดนามที่กลายเป็นดาวรุ่งของอาเซียน ดีขึ้นมาถึง 10 อันดับ จ่อคอหอยไทยติดๆ

แถมปีนี้การส่งออกของเวียดนามทำท่าจะแซงไทยอีก และตัวเลขการลงทุนในเวียดนามสูงกว่าไทยมาก

ก็ยิ่งน่าห่วงว่าเรากำลังตีโจทย์ผิดหรือไม่

แล้วยิ่งต้องเผชิญกับสถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจโลก อย่างสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ขณะนี้เริ่มมีอีกหลายสัญญาณลบ เช่น เศรษฐกิจเยอรมนีเริ่มติดลบ วิกฤตการณ์ในฮ่องกง

ขณะที่ช่วง 5 ปีกว่าที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำมากมาโดยตลอด ไม่ได้สะสมการเติบโตไว้เลยแม้ตอนเศรษฐกิจโลกดี

คงต้องเตือนชาวบ้านอย่างเราๆกันตรงๆ ให้เตรียมรับมือสถานการณ์เอาไว้แต่เนิ่นๆ

ที่สำคัญต้องขอฝากถึงรัฐบาล และบรรดากองเชียร์ “ลุงตู่” ว่าอย่าเหมารวมคนที่ออกมาทักท้วง ติติงด้วยความหวังดี ว่าเป็นพวก “ชังชาติ” ไปซะหมด

คนไทยทุกคนไม่มีใครรักชาติยิ่งหย่อนไปกว่ากันแน่.

เพลิงสุริยะ