ไต้หวันวันนี้ไปไกลแล้ว

พอดีผมได้รับเชิญจาก ท่านทูตถงเจิ้นหยวน ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย ไปเยี่ยมชมการพัฒนาในด้านต่างๆของไต้หวัน

และมีโอกาสสุดพิเศษได้เข้าร่วมงานฉลองครบรอบปีที่ 108 วันชาติสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) หรือวัน “ดับเบิลเทน” (10/10) วันที่ 10 ต.ค.ของทุกปี

ประเด็นเรื่องการพัฒนาแบบก้าวกระโดด หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นการปฏิรูประบบเศรษฐกิจใหม่ของไต้หวัน ในช่วง 10-20 ปีหลังมานี้ คงต้องทยอยนำเสนอต่อไป

วันนี้ขอยกเอาเรื่องที่กำลังพัวพันกับสถานการณ์ร้อนๆในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ปมปัญหาระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่ กับฮ่องกง ที่ยังไม่รู้บทสรุปสุดท้ายจะเป็นอย่างไร

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งจีนแผ่นดินใหญ่ ได้กล่าวสุนทรพจน์ตอกย้ำว่าจะยังคงยึดมั่นในแนวนโยบาย “1 ประเทศ 2 ระบบ” กับทั้งฮ่องกงและไต้หวันต่อไปเหมือนเดิม

แล้วยังตอกย้ำอีกครั้งระหว่างการเยือนบังกลาเทศว่า ใครก็ตามที่มีความพยายามจะแบ่งแยกจีนจะถูกบดขยี้ และอำนาจจากภายนอกที่คอยให้การสนับสนุนความพยายามนี้เป็นแค่ความพยายามของคนที่วาดวิมานในอากาศเท่านั้น

ปมร้อนนี้นับว่าเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนในด้านความมั่นคงของภูมิภาคเอเชียตะวันออก ต่อเนื่องเชื่อมโยงไปถึงสถานการณ์โลก

ยิ่งน่าสนใจกับสุนทรพจน์ “ประเทศแห่งความยืดหยุ่นส่งต่อไปสู่โลก” ของ ประธานาธิบดีหญิง “ไช่ อิงเหวิน” ในวันฉลองครบรอบ 108 ปี วันชาติไต้หวัน

มีความยาว 8 หน้ากระดาษ เอ 4 มีใจความพอสรุปได้ว่าเป็นการเน้นย้ำที่มุ่งยึดมั่นในแนวทางประชาธิปไตย และปกป้องอำนาจอธิปไตยของไต้หวัน

ที่พร้อมเดินหน้าต่อต้านระบอบการปกครอง 1 ประเทศ 2 ระบบของจีนแผ่นดินใหญ่ ที่ใช้ทั้งวิธีการทางการทูตเชิงรุกและการบีบบังคับทางการทหาร อาจส่งผลกระทบความมั่นคงและสันติภาพของภูมิภาคนี้

...

พร้อมทิ้งท้ายไว้ว่า “เส้นทางในอนาคตของเราชัดเจนเช่นเดียวกับเป้าหมายของเรา อันดับแรกเราต้องมั่นใจว่าประชาชนยังอยู่ในร่มธงแห่งอิสรภาพและประชาธิปไตย เพื่อปกป้องอธิปไตย...เราจะเผชิญกับอนาคตด้วยการมองโลกในแง่ดีและเอาชนะความท้าทายด้วยความมุ่งมั่น”

ได้เห็นความมุ่งมั่นของไต้หวัน โดยเฉพาะตัวผู้นำของเขาแล้ว ก็อดหันมามองสถานการณ์ภายในของเราไม่ได้ ที่วันนี้ทั้งผู้นำ

ในฝ่ายการเมืองและผู้นำทางทหารกำลังฉุดลากเอาสถานการณ์ร้อนในภูมิภาค มาผูกโยงกับการเมืองภายใน เพื่อจุดมุ่งหมายที่แฝงนัยบางอย่าง

ในขณะที่ทางไต้หวันเขากลับแปรเปลี่ยนพลังจากแรงบีบคั้นกดดันของชาติมหาอำนาจคู่ขัดแย้ง มาเป็นพลังขับเคลื่อนประเทศ

บรรยากาศการจัดงานวันชาติของไต้หวัน แม้จะไม่ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างเหมือนฝั่งจีนแผ่นดินใหญ่ แต่เขาเน้นการดึงการมีส่วนร่วมจากคนทุกกลุ่มในสังคมไต้หวัน เข้ามามีส่วนร่วม

จึงไม่แปลกใจ ที่เขาจะก้าวกระโดดไปไกลกว่าเราหลายช่วงตัว!

เพลิงสุริยะ