จากอารมณ์ช็อกของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ที่โดนศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาให้จำคุกเพิ่มอีก 6 ปี จากการอุทธรณ์คดีทุจริตการระบายข้าวจีทูจี
บวกกับของเดิม 42 ปี รวมเป็น 48 ปี
มาถึงอาการสะดุ้งของ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ที่โดนศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 4 ปี ในคดีร่วมกับอดีตแกนนำกลุ่มเสื้อแดง นปช.บุกล้มการประชุม อาเซียนซัมมิตที่พัทยา
ทำให้ต้องหลุดจากเก้าอี้ ส.ส. ส่อเดินคอตกเข้าเรือนจำ
มันตอกย้ำว่า “โปรฯย้ายค่าย” ไม่มีอยู่จริง
สิ่งที่ “มโน” กันว่า อดีตลูกทีมดูไบย้ายสังกัดซบยี่ห้อ “พลังประชารัฐ” จะได้รับสิทธิพิเศษนั้นไม่ใช่
มันเป็นแค่วาทกรรมที่ “ลูกหาบ” ดูไบ ตะโกนเบิ้ลบลัฟไล่หลังพวกแปรพักตร์จาก “นายใหญ่” สละเรือหนีไม่เสี่ยงไปตายดาบหน้ากับสงครามทวงเกมอำนาจไม่จบไม่สิ้น
ในทางตรงกันข้าม มันมีแต่การไล่ “เคลียร์บิลย้อนหลัง” กับพวกที่ย้ายค่ายหนียี่ห้อ “ทักษิณ”
คิดบัญชีทบต้นทบดอกแบบโหดๆ
ตามสถานการณ์ตัวอย่างสดๆจากคิวของ “ผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่ตกอยู่ในสภาพมอมแมม เลอะเทอะเปรอะไปหมด
ทั้งปมอดีตเคยติดคุกที่ออสเตรเลีย ลามถึงวุฒิการศึกษา “ด็อกเตอร์ปลอม”
โดนไล่ทุบไล่ต้อน แฉประจานเละเทะ ทั้งๆที่ก่อนหน้า “ผู้กองธรรมนัส” คนเดียวกันนี้ ก็เคยเป็นอดีตผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์พรรคเพื่อไทย “มือเคลียร์” คนสำคัญของ “นายใหญ่” กับ “เจ๊แดง” เจ้าแม่เมืองเหนือ
แต่ตอนนั้น ไม่มีปมร้อนๆหลุดออกมาประจานแต่อย่างใด
...
แม้รายการนี้จะมีการสลับคิว โยนลูกให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่แสดงตัวแสดงตน รับ “สมอ้าง” เป็นคน “วางงาน” ดีลกับสื่อออสเตรเลีย ขุดคุ้ยปมฉาวของ “ผู้กองธรรมนัส”
แต่โดยรูปการณ์ที่เดาทางกันได้ ยุทธการขุดหลุมพรางดัก “เสือโคร่ง” มันต้องมาจากอดีตคนคุ้นเคยที่รู้ไส้รู้พุงกันดี แม้แต่ “ผู้กองธรรมนัส” เองก็ปักใจเชื่อว่าคนดูไบที่ “จัดให้” หนักๆ
แน่นอนงานนี้หวังผลถึงขั้น “เด็ด” ให้หลุดวงโคจร ฝืนกระแสลำบาก
และมันก็จริงอย่างที่ “ผู้กองธรรมนัส” อ่านหมาก “เคลม” เป็นเกมเตะสกัดตัวเองในฐานะ “ตัวจี๊ด” ของรัฐบาลพลังประชารัฐ เพื่อหวังผลล้มรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม
แต่มันอาจจะถูกแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
เพราะลำพังโดยสถานะของ ร.อ.ธรรมนัส เอาจริงๆก็เป็นแค่กิ่งหนึ่ง ของ “ขาค้ำยัน” รัฐบาล “บิ๊กตู่” ในฝั่งของ “พี่ใหญ่” อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ
ทุกวงรู้กันอยู่ “ผู้กองธรรมนัส” คือมือเคลียร์สายตรง “บิ๊กป้อม”
และก็อย่างที่เห็นๆโดยสภาพ “ขาค้ำยัน” ฝั่ง “พี่ใหญ่” ที่ชำรุดอยู่แล้ว แนวโน้มสถานการณ์เจาะยาง “ผู้กองธรรมนัส” จึงไม่ได้มีผลให้ขาค้ำยันรัฐบาล ในมุม “พี่ใหญ่” ทรุดหรือเป๋ไปมากกว่าที่เป็นอยู่เดิม
รัฐบาล “บิ๊กตู่” ยังทรงตัวอยู่ได้ แค่สกัดไม่ให้เชื้อลาม
จุดสำคัญจริงๆมันอยู่ที่ “ขาค้ำยัน” อีกข้างของ พล.อ.ประยุทธ์ยังทรงตัวได้นิ่ง ตามสภาพของมวยเชิงสูงอย่างนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ที่คุมเชิงสู้แรงกระแทกหนักๆมาตลอด 4-5 ปี
ยังไม่มีจุดอ่อนให้แซะ โดยเฉพาะปมเทาๆดำๆให้ย้ำแผล
นี่ต่างหาก “เป้าทำลายล้าง” ทีม “นายใหญ่” ยังเจาะยางไม่เข้า
จับทางได้ทั้งเกมโหมแรงกระแทกด้วยวาทกรรมรัฐบาลสอบตกเศรษฐกิจ การพุ่งเป้ากระแทกนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ลากเข้าเงี่ยงคดีทุจริตแบงก์กรุงไทยทั้งๆที่ศาลพิพากษาแล้ว แนวโน้มมองได้อย่างเดียว คือการป้ายโคลนให้ทีม “สมคิด” มอมแมม โยก “ขาค้ำยัน” รัฐบาล “บิ๊กตู่” โย้เย้ทั้ง 2 ข้าง
ซึ่งนั่นจึงจะเป็นสถานการณ์ทำให้นั่งร้าน “บิ๊กตู่” พังในที่สุด
สดๆร้อนๆจุดสังเกตได้ชัดๆจากอาการฮึดฮัดฟึดฟัดของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย มือคุมเกมสภาเบอร์ต้นๆของ “นายใหญ่” ไล่บี้ไล่เช็ก 16 เสียงของพรรคเพื่อไทยที่เลื้อยหายไป
ทำให้ญัตติตั้งคณะกรรมาธิการฯ ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี) โดนตีตก
มันเป็นอะไรที่แบไต๋ ทีมดูไบล็อกเป้าถล่มอีอีซี จ้องล่มเมกะโปรเจกต์เรือธงของรัฐบาล “ประยุทธ์ภาค 1” ต่อเนื่อง “ประยุทธ์ภาค 2” ที่คืบหน้า กว่า 70-80 เปอร์เซ็นต์ เป็นผลงานโบแดงต่อการวางฐานเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาวเหมือนโครงการอีสเทิร์นซีบอร์ดยุคอดีตรัฐบาล “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
หักมุมกับที่ทีมดูไบแห่ประจาน บลัฟรัฐบาล “บิ๊กตู่” ไม่มีผลงาน
เทียบกัน เนื้องานเศรษฐกิจทางยาวๆจับต้องได้มากกว่าทีมดูไบ.
ทีมข่าวการเมือง