มากันเป็นขบวนการไม่ต่างกับพายุ เรื่องเก่ายังไม่จบ เรื่องใหม่ไล่มาติดๆ

รัฐบาล “ลุงตู่” เจอเข้าไปเต็มๆ แม้จะใช้ความเป็นนายกฯการันตียังไงก็ไร้ผล เรื่องมันอยู่ที่ข้อเท็จจริงมากกว่า

ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้เหลืออีกเพียงไม่กี่วันก็จะปิดสมัยประชุมสภาครั้งที่ 1 หลังทำงานกันมาระยะหนึ่ง

คือวันที่ 18 ก.ย.62

เผอิญวันนี้กลายเป็นวันที่ตรงกับสภาผู้แทนฯจะมีเปิดอภิปรายทั่วไปไม่ลงมติกรณีการถวายสัตย์ไม่ครบถ้วนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ

แม้ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้องจากผู้ตรวจการแผ่นดินได้ยื่นคำร้องให้วินิจฉัยกรณีดังกล่าว

เหตุผลสำคัญก็คือเป็นเรื่องทางการเมืองของรัฐบาล

ไม่เกี่ยวข้องกับข้อกฎหมายแต่อย่างใด?

ชี้ด้วยว่าข้อวินิจฉัยดังกล่าวถือว่าเป็นข้อยุติ ไม่อยู่ในอำนาจของการตรวจสอบขององค์กรตามรัฐธรรมนูญใด

จึงมีการตีความกัน 2 ทางคือถือว่าจบแล้ว เรื่องนี้ต้อง “ถอนร่าง” ยุติการซักฟอกในสภา แต่อีกด้านหนึ่งเห็นว่าไม่ยุติ เพราะเป็นเรื่องของสภาในการตรวจสอบ

“ชวน หลีกภัย” ประธานสภาผู้แทนฯ ยืนยันว่าให้ดำเนินการอภิปรายกันต่อไป เพราะเป็นเรื่องของสภาไม่เกี่ยวกัน

เอาเป็นว่า...งานนี้เดินหน้าต่ออยู่ที่ว่านายกฯจะชี้แจงอย่างไรเท่านั้น

เนื่องจากการซักฟอกดังกล่าวนั้นไม่มีการลงมติ และไม่มีผลต่อตัวนายกฯ เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยแล้วถือว่าจบไปโดยปริยาย

แต่จะเป็นเกมในสภาที่จะต้องต่อสู้กันในเกมนี้

พักยกเรื่องนี้เอาไว้ก่อนจนกว่าจะถึงวันนี้ แต่ที่มาเร็วมาแรงดั่งพายุลูกใหม่ เมื่อมีการนำเรื่องเก่าเอามาเขย่าใหม่

คดียาเสพติดที่ออสเตรเลียพาดพิงไปถึง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

...

“มือปราบม้าพยศ” ของรัฐบาล ในฐานะแกนนำคนสำคัญของพรรคพลัง-ประชารัฐ

เมื่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวสหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย แอ่นอกยอมรับว่าเป็นคนให้สื่อออสเตรเลียหาข้อมูลเพื่อตีแผ่เรื่องนี้

ถอดหน้ากากออกมาเล่นกันตรงๆเลย

ด้วยการเปิดข้อมูลถึงผลของคดีนี้อย่างละเอียดด้วยการแจงว่าคดีนี้ศาลออสซีสั่งลงโทษจำคุก 8 ปี แต่สารภาพแล้วลดเหลือ 4 ปี

อีกทั้งต่อมาก็ยังตีข่าวย้ำประเด็นตามมาอีก

แต่ ร.อ.ธรรมนัสยืนยันตรงกันข้ามว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดแต่อย่างใด ถูกกักขังแค่ 8 เดือนเท่านั้น

นั่นเป็นข้อกล่าวหาที่พุ่งเข้าใส่ ร.อ.ธรรมนัสและสะท้อนไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หัวหน้ารัฐบาล

ประเด็นคือ ทำไมแต่งตั้งบุคคลที่ขาดคุณสมบัติเป็น “รัฐมนตรี”

ตามมาอีกดอกคือ เรื่องวุฒิการศึกษาของ ร.อ.ธรรมนัสที่ระบุว่าเป็น “ด็อกเตอร์” จากเมืองนอก แต่มีการเปิดโปงว่าเป็น “ดร.เก๊” มากกว่า

แม้เจ้าตัวจะอ้างว่าของแท้ของจริงนำหลักฐานออกมายืนยัน

ชี้ว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองเพื่อหวังทำลายรัฐบาล โดยมีมือที่มองไม่เห็น “สั่งการ”

ยุคสมัยปัจจุบันข้อมูลข่าวสารล้วนเดินทางด้วยความรวดเร็ว การตรวจสอบทุกอย่างจึงทำกันได้ง่าย จริง-เท็จอย่างไรต้องติดตามกันต่อไป

แต่ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ว่ากันอย่างนั้น

ทว่า “รัฐบาล” นั่นแหละ... กระเทือนซางมากที่สุด!!!


“ลิขิต จงสกุล”