มีข่าวน่ายินดีในช่วงเศรษฐกิจไทย ป่วยเป็นโรคเหน็บชาเรื้อรัง

ยังหาจุดเปลี่ยนที่จะพลิกเศรษฐกิจไทยให้กระเด้งหลุดจากหลุมดำไม่เจอ

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ได้หารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีพลังงานกัมพูชา

ขอรื้อฟื้นเจรจาปัญหาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล 26,000 ตร.กม. ซึ่งชักตะพานแหงนเถ่อมา 18 ปี เพื่อนำแหล่งก๊าซธรรมชาติขึ้นมาพัฒนาใช้ประโยชน์ร่วมกัน

“แม่ลูกจันทร์” เห็นด้วยอย่างยิ่งที่ไทย-กัมพูชาจะกลับมาเจรจาแบ่งสมบัติพื้นที่ทับซ้อนใต้ทะเลให้สำเร็จโดยเร็ว

หากการเจรจาแบ่งผลประโยชน์ลงตัว จะสามารถผลิตก๊าซธรรมชาติทดแทนแหล่งเก่าในอ่าวไทยที่ดูดขึ้นมาใช้มาแล้ว 38 ปี

จะสร้างความมั่นคงมั่งคั่งยั่งยืนด้านพลังงาน และความมั่นคงด้านเศรษฐกิจไทยต่อไปอีกไม่ต่ำกว่า 50 ปี

“แม่ลูกจันทร์” ยืนยันว่าพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา มีแหล่งพลังงานมหาศาลที่สามารถพัฒนาใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ได้ระยะยาว

เมื่อปี 2548 บริษัทเชฟรอนของอเมริกา ได้สำรวจพบว่าพื้นที่บริเวณนี้มีแหล่งก๊าซธรรมชาติและแหล่งน้ำมันดิบประเมินมูลค่าไม่ต่ำกว่า 5 ล้านล้านบาท

เช่นเดียวกับธนาคารโลก ประเมินว่าพื้นที่ไหล่ทวีปไทย-กัมพูชา มีแหล่งก๊าซธรรมชาติกว่า 10 ล้านล้าน ลบ.ฟุต

มีแหล่งน้ำมันดิบให้ดูดขึ้นมาใช้อีกกว่า 2,000 ล้านบาร์เรล

ถ้าตกลงแบ่งประโยชน์ลงตัว ไทย-กัมพูชา จะรวยกันสะดือบานยาวนานอีกหลายสิบปี

นี่เรื่องจริงนะท่าน ไม่ใช่หนังโฆษณา

“แม่ลูกจันทร์” มองว่าการรื้อฟื้นเจรจาปัญหาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา เป็นเรื่องใหญ่เกินกว่าจะเจรจาตกลงในระดับ “รัฐมนตรีต่อรัฐมนตรี”

นายสนธิ รมว.พลังงาน เป็นแค่ “ดอร์แมน” หรือ “พนักงานเปิดประตู” เท่านั้นเอง

...

แต่ผู้มีอำนาจตัดสินใจตัวจริงเสียงจริงต้องระดับ “สมเด็จมหาเดโช ฮุน เซน” กับ “อภิมหานายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”

ถ้า 2 ผู้ยิ่งใหญ่ตกลงโอเค จะต้องเจรจารายละเอียดว่าจะแบ่งพื้นที่กันอย่างไร? จะแบ่งสัดส่วนรายได้อย่างไร? ให้เหมาะสมและเป็นธรรม

ความจริง ยุครัฐบาลทักษิณ กับ รัฐบาลฮุน เซน ได้ตกลงจะพัฒนาแหล่งพลังงานพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลร่วมกัน

มีการลงนามเอ็มโอยูปี 2544 ว่าแหล่งพลังงานพื้นที่ส่วนกลางจะแบ่งผลประโยชน์ฝ่ายละ 50 เปอร์เซ็นต์

พื้นที่ใกล้เขตประเทศไทย ไทยจะได้ส่วนแบ่ง 80 เปอร์เซ็นต์ กัมพูชาจะได้ส่วนแบ่ง 20 เปอร์เซ็นต์

พื้นที่ใกล้เขตกัมพูชา กัมพูชาจะได้ส่วนแบ่ง 80 เปอร์เซ็นต์ และไทยจะได้ส่วนแบ่ง 20 เปอร์เซ็นต์

แต่พอถึงยุครัฐบาลอภิสิทธิ์เกิดทะเลาะกับรัฐบาลฮุน เซน เลยประกาศยกเลิกเอ็มโอยูปี 2544 ทิ้งไป

จากบัดนั้นจนถึงบัดนี้ การเจรจาพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา 26,000 ตร.กม. และติดค้างลำกล้องมาแล้ว 10 ปี

ถ้า นายกฯลุงตู่ อยากให้เศรษฐกิจไทยโชติช่วงชัชวาลตามรอย รัฐบาลป๋าเปรม ต้องเร่งเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานระยะยาว

อย่าชักช้าร่ำไร รีบแบ่งเค้กให้เสร็จเถอะโยม.

“แม่ลูกจันทร์”