ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 136 ตอนที่ 94 ก วันที่ 30 สิงหาคม 2562 ได้ลงประกาศ พระราชบัญญัติ 2 ฉบับ คือ พระราชบัญญัติ เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 10 พ.ศ.2562 และพระราชบัญญัติ เหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ.2562

พระราชบัญญัติ 2 ฉบับนี้ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ไว้ ณ วันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ.2562 เป็นปีที่ 4 ในรัชกาลปัจจุบัน

พ.ร.บ.ฉบับแรกเป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับ เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 10 โดยกำหนดลักษณะแห่งเหรียญรัตนาภรณ์ให้มีอักษร พระปรมาภิไธย ว.ป.ร. อยู่ในขอบวงกลมซึ่งมีรัศมี เหนือรัศมีมีเลข 10 ภายใต้อุณาโลม หลังอุณาโลม มีห่วงทำด้วยทองคำสำหรับร้อยแพรแถบข้างบน มีลำดับเป็น 5 ชั้น ดังนี้

ชั้นที่ 1 อักษรพระปรมาภิไธยทองคำฝังเพชรทั้งดวง ชั้นที่ 2 อักษรพระปรมาภิไธยทองคำลงยาสีขาว ขอบเรือนเงินประดับเพชร ชั้นที่ 3 อักษรพระปรมาภิไธยกาไหล่ทองลงยาสีขาว ขอบสร่งทองคำ ชั้นที่ 4 อักษรพระปรมาภิไธยกาไหล่ทอง ขอบสร่งเงิน ชั้นที่ 5 อักษรพระปรมาภิไธยเงิน ขอบสร่งเงิน

ให้มีแพรแถบกว้าง 32 มิลลิเมตร พื้นสีเหลือง มีริ้วสีขาว 2 ข้าง สอดร้อย ห่วงเหมือนกันทั้ง 5 ชั้น สำหรับพระราชทานสตรี ผูกเป็นรูปแมลงปอ ใช้ประดับเสื้อที่หน้าบ่าซ้าย สำหรับพระราชทานบุรุษ ไม่ผูก ใช้ประดับที่อกเสื้อเบื้องซ้าย

เหรียญนี้จะพระราชทานแก่ผู้ใด แล้วแต่จะทรงพระราชดำริเห็นสมควร โดยมีประกาศนียบัตรทรงลงพระปรมาภิไธยและประทับพระราชลัญจกรประจำพระองค์เป็นสำคัญ กำกับไว้ด้วย

ผู้ได้รับพระราชทานเหรียญนี้จะเขียนอักษรย่อไว้ท้ายชื่อก็ให้เขียนดังนี้ ผู้ได้รับพระราชทานเหรียญชั้นที่ 1 ให้เขียนว่า ว.ป.ร. 1 ผู้ได้รับพระราชทานเหรียญชั้นที่ 2 ให้เขียนว่า ว.ป.ร. 2 ผู้ได้รับพระราชทานเหรียญชั้นที่ 3 ให้เขียนว่า ว.ป.ร. 3 ผู้ได้รับพระราชทานเหรียญชั้นที่ 4 ให้เขียนว่า ว.ป.ร. 4 ผู้ได้รับพระราชทานเหรียญชั้นที่ 5 ให้เขียนว่า ว.ป.ร. 5

...

เหรียญนี้พระราชทานเป็นเครื่องหมายในพระมหากรุณาธิคุณส่วนพระองค์ และพระราชทานเป็นสิทธิ แม้ผู้ได้รับพระราชทานล่วงลับไปแล้วก็ให้ตกทอดแก่ทายาท เพื่อรักษาไว้ เป็นที่ระลึกในวงศ์ตระกูลสืบไป หากว่าทายาทมีความปรารถนาจะเชิดชูเกียรติคุณ จะใช้แต่ดวงเหรียญ ร้อยสร้อยสวมคอ ก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้ได้ แต่จะร้อยแพรแถบเอาไปใช้ประดับไม่ได้ ถ้าผู้ได้รับพระราชทานก็ดี ทายาทก็ดี กระทำความผิดร้ายแรงหรือประพฤติตนไม่สมเกียรติ อาจทรงเรียกคืนได้ ผู้ได้รับพระราชทานเหรียญดวงใหม่เลื่อนเป็นชั้นสูงขึ้นไป ต้องส่งเหรียญดวงเดิมคืน

ส่วน เหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 มี 2 ชนิด ชนิดหนึ่งเรียกว่าเหรียญราชรุจิทอง และอีกชนิดหนึ่งเรียกว่าเหรียญราชรุจิเงิน ลักษณะแห่งเหรียญราชรุจิเป็นเหรียญกลมแบนทำด้วยเงินกาไหล่ทอง ชนิดหนึ่ง และทำด้วยเงินอีกชนิดหนึ่ง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 32 มิลลิเมตร ด้านหน้ามีพระบรมรูปรัชกาลปัจจุบันครึ่งพระองค์ ทรงหันพระพักตร์ทางเบื้องขวา มีอักษรจารึกอยู่ริมขอบว่า วชิราลงกรโณ ปรมราชาธิราชา ด้านหลังมีรูปจักรกลางวงจักรจารึกอักษรว่า ราชรุจิยา ทิน์นมิทํ มีห่วงสำหรับร้อยแพรแถบข้างบน ให้มีแพรแถบกว้าง 32 มิลลิเมตร พื้นสีเหลือง ริมสีขาว สอดร้อยห่วง สำหรับพระราชทานสตรี ผูกเป็นรูปแมลงปอ ใช้ประดับเสื้อที่หน้าบ่าซ้าย สำหรับพระราชทานบุรุษ ไม่ผูก ใช้ประดับที่อกเสื้อ เบื้องซ้าย

ผู้ที่ได้รับพระราชทานเหรียญนี้จะเขียนอักษรย่อไว้ท้ายชื่อ ก็ให้เขียน ดังนี้ ผู้ได้รับพระราชทานเหรียญราชรุจิทอง ให้เขียนว่า ร.จ.ท. 10 ผู้ได้รับพระราชทานเหรียญราชรุจิเงิน ให้เขียนว่า ร.จ.ง. 10

เหรียญนี้พระราชทานเป็นเครื่องหมายแห่งพระมหากรุณาธิคุณตามพระราชอัธยาศัย และพระราชทานเป็นสิทธิ แม้ผู้ได้รับพระราชทานล่วงลับไปแล้วก็ให้ตกทอดแก่ทายาท เพื่อรักษาไว้ เป็นที่ระลึกในวงศ์ตระกูลสืบไป แต่ไม่มีสิทธิที่จะประดับเหรียญนี้ ถ้าผู้ได้รับพระราชทานก็ดี ทายาทก็ดี กระทำความผิดร้ายแรงหรือประพฤติตนไม่สมเกียรติ อาจทรงเรียกคืนได้

ทั้งเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 10 และเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 เป็นสิริมงคลยิ่งแก่ผู้ได้รับพระราชทาน.

“ซี.12”