“กิเลสมนุษย์” เพลงล่าสุดที่ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ภูมิใจนำเสนอ แนะผ่านคนใกล้ชิดให้ไปฟังเพลงดังในอดีตของศิลปินรุ่นปู่ “ธานินทร์ อินทรเทพ”เนื้อเพลงแต่ละท่อน อาทิ คนทำชั่วหรือทำดีส่อถึงวงศ์ตระกูล กิเลสของคน ถ้าไม่รู้จักระงับชั่งใจ เหล็กเพชรที่ว่าแกร่งแค่ไหนยังแพ้เงินฟาด พวกมากลากไป มือใครยาวสาวได้สาวเอาไม่แน่ใจว่าเป็น “ซิกสัญญาณ” อะไรหรือไม่เพราะมันมาในจังหวะการเมืองกำลังป่วนว่าด้วยการแย่งชิงโควตารัฐมนตรีพอดิบพอดีแต่ที่แน่ๆตามข่าว “จ่าฝูงกองทัพบก” รุดเข้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล 2–3 รอบติดๆกัน“จงใจ” ให้สื่อนำเสนอข่าวให้สังคมเห็นเลยว่า “วาระสำคัญ” มาคุยกัน ณ สถานที่สัญลักษณ์ของรัฐบาล มันจึงมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากเรื่องการเมือง ในจังหวะที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เบิ้ลอำนาจรอบสอง“บิ๊กแดง” ต้องมี “สารพิเศษ” มาส่ง “พี่ตู่” แน่และน่าจะเป็นอะไรที่โยงกับเนื้อเพลง “กิเลสมนุษย์” อย่าเอาพวกกิเลสหนามาเย้ยฟ้าท้าดินทุกช็อตของ “บิ๊กแดง” ต้องเป็นที่จับตา ตามสถานะเบอร์หนึ่งคุมกำลังฝ่ายความมั่นคงผู้ถือ “ดุลอำนาจ” สายตรงตัวจริงในสถานการณ์ที่อำนาจเริ่มแกว่ง “ความขลัง” ไม่แรงเท่านายกฯรอบแรกตามอารมณ์แบบที่ “บิ๊กตู่” ต้อง “แอ่นอก” เป็นประกัน รวบรัดตัดความคำถามร้อนๆเกี่ยวกับปมปั่นป่วนวุ่นวายในการฟอร์ม ครม.“ประยุทธ์ 2/1” โดยเฉพาะรายการแย่งโควตาเก้าอี้รัฐมนตรีในทีมพลังประชารัฐ ไหนจะปัญหาโควตาพรรคร่วมที่คุมเก้าอี้หุ้มทองฝังเพชร โฉมหน้า ครม.ส่อ “เต้าหู้ยี้”“ขอให้เชื่อมั่นในตัวนายกฯก็แล้วกัน นายกฯเป็นหัวหน้า ครม.”ไม่ทันไรก็ต้อง “ควักเนื้อ” ต้นทุนหน้าตักมาเป็นหลักประกันแต่หัววันโชว์ความมั่นใจในมนต์ “เป่ากระหม่อม” สะกดพวกเฮี้ยนอยู่หมัด ในจังหวะต่อเนื่องจากเสียงกระซิบ “ลูกกรอก” บอกผ่าน “เสี่ยจั้ม” นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าฯ กทม. ในฐานะสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ สายม็อบ กปปส.ยุให้ พล.อ.ประยุทธ์ย้อนเกล็ดพวกทวงเก้าอี้รัฐมนตรี“ลุงตู่น่าจะทวงบ้างนะครับว่า ถ้าไม่มีผม พวกคุณจะได้มานั่งสลอนกันแบบนี้หรือ”ยุกันเป็นเชิงให้ทวงบุญคุณ ย้อนศรพวกงอแงแต่เรื่องของเรื่อง “คำขู่” ถ้าไม่มี “ลุงตู่” จะชูคอสลอนได้หรือไม่ มันคงใช้ได้แค่ ส.ส.ปักษ์ใต้และ ส.ส. กทม.ได้เท่านั้นเพราะทั้งหมดได้ขี่กระแสเข้าสภาฯมาเพราะโหน “ลุงตู่”คนใต้กับคน กทม. เลือก พล.อ.ประยุทธ์เพราะกลัวยี่ห้อ “ทักษิณ ชินวัตร” แต่มันไม่ใช่กับ ส.ส.เหนือกับ ส.ส.อีสาน ที่สถานการณ์ตรงกันข้ามเลย ส่วนใหญ่ฝ่าสมรภูมิโหดแบก “ลุงตู่” โหลดน้ำหนัก แหกด่าน “นายใหญ่” มาด้วยลำแข้งตัวเองตามเงื่อนไขสถานการณ์ที่พูดได้เลยว่า 1 ที่นั่งในอีสานเทียบได้กับ 2–3 ที่นั่งในภาคอื่น มันจึงห้ามไม่ได้กับอาการขมขื่นที่ถูกมองข้ามหัวและว่ากันตามท้องเรื่อง โควตารัฐมนตรีก็ไปกองอยู่กับทีมกปปส. 2 เก้าอี้ ทั้ง “เสี่ยตั้น” นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ที่เกี่ยงไม่นั่ง รมว.ศึกษาธิการ จะเอา รมว.พลังงาน กับ “เสี่ยบี” นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ตัวเต็ง รมต.ประจำสำนักนายกฯ กปปส.จ่อฟาดไป 2 โควตา ทั้งๆที่แทบไม่ได้เสี่ยงในสนามรบแต่อย่างใดลำพังแค่อาศัยแท็กทีมกับ “ฝ่าย เสธ.ตึกไทย” กับสื่อขาใหญ่แนวร่วม กปปส.จัดทีม “อีเวนต์” การตลาดเคลมเล่นบทเป็น “องครักษ์พิทักษ์ลุงตู่”เอาเป็นว่าดูตามรูปเกม อย่าว่าแต่กระซิบ “ลูกกรอก” บอกผ่านนายสกลธีขู่ทวงบุญคุณ เบื้องหลังว่ากันว่าระดับ “พี่ใหญ่” อย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ต่อสายไปเคลียร์กับคนพลังประชารัฐที่ถูกหักหลัง “3 ป.” เหยียบตีนเล่นกับ “2 น.” ประเคนเก้าอี้เกรดเอให้ภูมิใจไทยกับประชาธิปัตย์ยังถูกปลายสายถามกลับ “ประวิตรไหน”กระทั่ง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ทุบโต๊ะกึ่งวอน “ขอให้เห็นแก่หน้าผมบ้าง” ก็อย่างที่เห็น อาการโหวกเหวกโวยวายทวงโควตารัฐมนตรีของคนพลังประชารัฐยังป่วนกันฝุ่นตลบอบอวลอุดตรงนั้น โผล่ตรงนี้ ไม่มีใครยอมฟังตามรูปการณ์ที่หยั่งอนาคตได้ โดยไม่ต้องมี “ญาณพิเศษ” ถ้า “ลุงตู่” ถูกยกก้นมานั่งแท่นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ “กำกับเกม” ด้วยตัวเอง โดยมี “พี่ใหญ่” อย่าง พล.อ.ประวิตรยึดแป้นประธานกุนซือยกระดับพลังประชารัฐเป็น “พรรคทหาร” ร้อยเปอร์เซ็นต์ถึงเวลานั้นคงได้เห็นกันว่า “นรกมีจริง”.ทีมข่าวการเมือง