ไม่ใช่รัฐบาลปรับโฉมใหม่ เพราะมันมาด้วยกลไกของประชาธิปไตย มาจากคนทุกคน มาจากการเลือกตั้ง ถ้าเราไม่ฟังเขาเลย ไม่ร่วมมือกันเลยจะไปได้หรือไม่

แบไต๋กันตั้งแต่วันรุ่งขึ้นประเดิมนายกฯ “ภาคสอง” เลย

ในอารมณ์ที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ชิงออกตัวล้อฟรีกับคำถามนักข่าวจี้จุดคีมึ้ง รัฐบาลจะปรับโฉมใหม่เพื่อให้เกิดความมั่นใจมากขึ้นหรือไม่

เป็นอันว่าดับความหวังของพวกโลกสวยจะได้เห็นโฉม ครม.หน้าตาหล่อเหลาเกลี้ยงเกลา สมกับการเมืองยุคเปลี่ยนผ่านไปสู่การปฏิรูปใหญ่ เอาเข้าจริง “ลุงตู่” ก็ทำได้แค่ฤาษีเลี้ยงลิง

เสือ สิงห์ กระทิง แรด มาเต็มแน่ เสิร์ฟข้าวต้มรอ “เต้าหู้ยี้” ได้เลย

แต่กระนั้นก็ยังมีแก่ใจ “เล่นมุก” ในฐานะนายกฯคนเก่า ฝากนายกฯคนใหม่ “บิ๊กตู่” ยอมรับเป็นเชิง ต้องปรับตัวเองวิธีการปฏิบัติทางการเมืองเป็นอย่างไร ไม่ได้ตัดสินใจได้คนเดียวเหมือนเดิมแล้ว

“แต่ผมจะมีอำนาจในการตัดสินใจอีกครั้ง เมื่อผมเป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้นไม่ต้องกังวล”

โชว์พลังผู้นำ กระชับอำนาจ “ปราการด่านสุดท้าย”

ตามหลักการหรูๆที่วางพล็อตไว้ รัฐบาลต้องบริหารงานภายใต้นโยบายที่ดี ไม่ใช่นโยบายใครนโยบายมัน หรือใช้งบประมาณอย่างไม่มีประสิทธิภาพ ในการบริหารราชการแผ่นดินต้องบูรณาการ เราจึงได้จัดทำแผนแม่บท 20 ปี เพื่อให้การทำงานสอดคล้องกัน ไม่ใช่การบังคับ

แต่ต้องตอบโจทย์ทุกคนให้ได้ เชื่อว่าทุกคนทำเพื่อประเทศ

แกะรอยจากประโยคคำพูด ประเมินตามรูปการณ์ “นายกฯลุงตู่” ส่งสัญญาณขอคุมเกมเองทั้งหมด แบ่งโควตาไปแล้วก็ยังล้วงได้ทุกกระทรวง ไม่ปล่อยมือใครยาวสาวได้สาวเอา

...

แต่ถึงเวลาปฏิบัติจริง สิ่งที่พูดไว้หรูๆจะทำได้แค่ไหน

ในสถานการณ์ที่ “บิ๊กตู่” ก็แค่มือใหม่หัดขับในรัฐบาลเลือกตั้ง ยังไม่รู้ฤทธิ์เขี้ยวนักการเมืองลากดิน

ตามโพยที่แพลมๆมา โฟกัสยี่ห้อภูมิใจไทย ภูมิใจนำเสนอ “เสี่ยโอ๋” นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ น้องชาย “เนวิน ชิดชอบ” ยึดแท่น รมว.คมนาคม พ่วงด้วยนายชาดา ไทยเศรษฐ์ จอง รมช.มหาดไทย

แค่นี้ก็เล่นเอา “สามล้อฮา ขี้ยาฮือ” แล้ว

ส่วนประชาธิปัตย์ไม่ค่อยมี “บ่อน้ำมัน” ด้วยความที่อยู่แต่ปีกฝ่ายค้าน ไม่ค่อยได้เป็นรัฐบาล สถานการณ์โฟกัสไปที่ “เสี่ยต่อ” นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ที่ว่ากันว่า เป็นคน “ควักเนื้อ” มากสุดของทีมประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา เลยได้สิทธิ์ล็อกโควตา รมว.เกษตรฯ

นานๆ มาที ได้คุมอู่ข้าวอู่น้ำ ตบะจะนิ่งสักแค่ไหน

พรรคร่วมรัฐบาลห่างมือไกลตา แทบต้องจ้อง “ตีมือ” วาระสอดไส้กันทุกคิวประชุม ครม.

หันมาที่วงในทีมพลังประชารัฐเองก็ละสายตาได้ซะที่ไหน แม้จะเริ่มด้วยปรากฏการณ์เซอร์ไพรส์ การตกลงในวงพี่น้อง 3 ป. สรุปรอบต่อไป “บิ๊กตู่” จะนั่งควบ รมว.กลาโหมเอง โดย “พี่ใหญ่” อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เหลือแค่รองนายกรัฐมนตรี รองก้นเก้าอี้เดียว

ตามรูปการณ์น่าจะเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ลดโหลด เลี่ยงแรงเสียดทาน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็เป็นอะไรที่คุยกันเองได้ในหมู่พี่ๆน้องๆ สถานการณ์แบบที่คนในวงพลังประชารัฐยังระแวงเกมลึก “3 ป.” เหยียบตีน

เล่นกับ “2 น.” เล่น “ไพ่ 3 กอง” กวาดเรียบ กลาโหม มหาดไทย พ่วงกับเก้าอี้หุ้มทองฝังเพชรคมนาคม สาธารณสุข การท่องเที่ยวฯ โควตาภูมิใจไทย

ไม่ว่าจะสลับสับขาหลอกยังไง เรือก็ล่มในหนองทีมนี้

เป็นขุมข่ายที่ “หยิบชิ้นปลามัน” ไปเนื้อๆเน้นๆ

ส่วนทีมสามมิตรที่พลาดเป้าหมาย แต่อาศัยเหลี่ยมสำแดงพลัง ส่งนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ล็อก รมว.พลังงาน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นายอนุชา นาคาศัย รมช.คลัง เช่นเดียวกับนายสันติ พร้อมพัฒน์ เบอร์ใหญ่จากเพชรบูรณ์ ก็ยึดแป้น รมช.คลัง

ถือว่ายังได้เนื้อได้หนัง ไม่ถึงขั้นคว้าน้ำเหลว

แต่ที่ต้องเสียสละมากสุดก็คือทีม “4 กุมาร” ค่าย “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ที่ขันอาสา “ลุงตู่” มาเผชิญยักษ์มารในเกมเลือกตั้ง พอเสร็จศึกแล้ว การันตีได้แค่ “อุลตร้าอุตตม” นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นั่ง รมว.คลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นั่งแท่น รมว.อุตสาหกรรม

ส่วนนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ ที่ตามโผยึดแป้น รมว.การอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ก็ยังลุ้น 50/50 แต่ส่อหลุดเฟรมคือ “เด็กเนิร์ด” ตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพอย่างนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ที่ข่าวตามโผถูกวางตัวที่กระทรวงดิจิทัลฯ แบบถูกฝาถูกตัวที่สุดใน ครม.ชุดใหม่

แต่แว่วๆว่าถูกเส้นใหญ่ๆชื่อ “ธรรมนัส พรหมเผ่า” เบียดยึดโควตา

จากที่หวังทีมหล่อๆ “ลุงตู่ภาค 2” ส่อขี้เหร่สวน “มโนโลกสวย” เลย.

ทีมข่าวการเมือง