เข้าสู่โหมดจัดทัพรัฐมนตรี
ตามคิวที่ทีมพลังประชารัฐกำลังเร่งเขย่าโผ ครม.ให้ลงล็อก หลังส่ง “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ลอยลำสู่เก้าอี้ผู้นำ
เดินเข้าสู่ภารกิจต่อไปคือ การฟอร์มทีม ครม. “ลุงตู่” ภาคสองให้ลุล่วงโดยเร็ว
เตรียมตัวเป็นเจ้าภาพการประชุมอาเซียนวันที่ 22-23 มิ.ย.นี้ ในฐานะที่ประเทศไทย
เป็นหัวขบวนประธานอาเซียน งานระดับนานาชาติรออยู่ ยิ่งจำเป็นต้องได้ตัวนายกฯและ ครม.อย่างเป็นทางการ เพื่อหน้าตาของประเทศ
รวมทั้งต้องรีบเข้ามากุมบังเหียนบริหารประเทศ กู้ภาวะเศรษฐกิจฟุบจากปัญหาสงครามการค้าสหรัฐอเมริกา-จีน ที่มีแนวโน้มยืดเยื้อ และปัญหาดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่กำลังร่วงยกแผงทุกรายการ
ต่ำสุดในรอบ 19 เดือน นับจากเดือน พ.ย.2560 เป็นต้นมา
ส่วนหนึ่งเป็นผลเนื่องจากความกังวลปัญหาสถานการณ์การเมือง ในเรื่องการเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ
ตามการคาดหวังจากนักลงทุนและชาวบ้านล้วนต้องการเห็นโฉมหน้า ครม.ชุดใหม่เป็นที่ยอมรับจากสังคม ไร้เสียงโห่ เสียงยี้ต้อนรับ โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจที่จะต้องเชิดหน้าชูตา เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา
จึงเป็นอะไรที่ดรีมทีมชุดใหม่ต้องผ่านการสแกน กลั่นกรองอย่างละเอียดให้ออกมาเพอร์เฟกต์ที่สุด
เลี่ยงไม่ได้ที่จำเป็นต้องยกเลิกโควตารัฐมนตรีตามดีลเดิมที่เคยเจรจากันไว้กับพรรคร่วมรัฐบาล
พลังประชารัฐต้องเร่งรื้อดีล ล้างไพ่ตกลงกันใหม่ในกระทรวงสำคัญ และเซฟตัวเองจากการถูกยุบพรรค ไม่ให้ถูกเพ่งเล็งฐานมี “ผู้มีบารมีนอกพรรค” ก้าวก่ายการจัดโผ ครม.
ภายใต้เครื่องหมายคำถามดีลเจรจาเดิม พรรคร่วมรัฐบาลไปคุยกับใคร ทั้งที่กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐยังไม่ได้มีมติเคาะอะไรออกมา
...
รูปการณ์พลิกกลับ พลังประชารัฐกลับมาถือแต้มต่อ ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป “ลุงตู่” กลับมายึดดุลอำนาจเต็มตัว หลังผงาดเป็นนายกฯสำเร็จ
ไม่ตกเป็นเบี้ยล่างให้ “ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย” หยิบชิ้นปลามันตามใจชอบเหมือนช่วงก่อนโหวตนายกฯ
อย่างที่เห็นคะแนนจากทั้งสองพรรคต่างโหวตสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯแบบฟูลทีม แม้จะมีผิดคิวจาก “เสี่ยโต้ง” สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย ที่แหกมติพรรคงดออกเสียงโหวต “บิ๊กตู่”
แต่นั่นก็เป็นบุคลิกศิลปินเดี่ยวของ “เสี่ยโต้ง” ประเภทยอมหัก ไม่ยอมงอ เหมือนเมื่อครั้งย้ายวิกจากพรรคชาติไทยพัฒนามาอยู่พรรคภูมิใจไทย เพราะวืดเก้าอี้เลขาธิการพรรค
ในทางตรงข้ามกลับเป็นผลดี ช่วยให้การต่อรองดึงโควตา รมว.คมนาคม กลับคืนมาจากพรรคภูมิใจไทย โดยนำกระทรวงพลังงานไปแลก มีแนวโน้มการเจรจาเป็นไปได้มากขึ้น เพราะ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ไม่สามารถควบคุมลูกทีมไปในทิศทางเดียวกันได้
ใช้เพิ่มน้ำหนักเป็นเงื่อนไขดึงกระทรวงคมนาคมกลับคืนได้หนักแน่นขึ้น ตามท่าทีล่าสุดของนายอนุทินที่เสียงอ่อนลง ยอมรับได้ หากจะมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งรัฐมนตรี เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไป
ดูแนวโน้มพรรคภูมิใจไทยยอมคายกระทรวงคมนาคมให้ฝั่งพลังประชารัฐแน่
เหลือแค่พรรคประชาธิปัตย์ที่ยังเกี่ยงงอน ไม่คืนเก้าอี้ รมว.พาณิชย์ ตามเงื่อนไขที่พรรคพลังประชารัฐขอนำเก้าอี้ รมว.ศึกษาธิการ บวก รมว.ต่างประเทศไปแลก
ท่าทีของทีม นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ยังเสียงแข็งขอยึดโควตาเดิม ต่างจากสายของแกนนำคนอื่นอย่าง นายถาวร เสนเนียม นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ยอมหมอบ โดยไม่มีท่าทียึกยัก
ชิ่งไปจองเก้าอี้รัฐมนตรีในโควตาประชาธิปัตย์กันล่วงหน้าแล้ว
แต่ถึงที่สุด ฝั่งของนายจุรินทร์คงต้องก้มหน้ารับเงื่อนไขตามที่พรรคพลังประชารัฐเสนอมา อย่างมากก็ทำได้แค่ใช้ลูกเขี้ยวดึงเกมต่อรองจนถึงเส้นตายสุดท้าย
เพราะนาทีนี้สภาพภายในประชาธิปัตย์แตกกระเจิงเป็นก๊กๆ ไม่มีอำนาจพอจะไปสร้างราคาต่อรองได้ หากก๊กไหนยังเล่นตัวก็รอตกขบวน เหลือแต่เก้าอี้เกรดรองๆให้นั่ง
เป็นสถานการณ์ที่พรรคตัวแปรต้องคิดหนักหากยังเกเร ก็มีแนวโน้มที่ “บิ๊กตู่” จะใช้อำนาจจัดโผ ครม.เอง ถึงตอนนั้นไม่สามารถรับประกันได้ โควตาตำแหน่งต่างๆที่ดีลไว้จะหดหายหรือไม่
และก็เป็นอำนาจโดยชอบธรรมที่ “บิ๊กตู่” จะทำได้ในฐานะหัวหน้าทีมรัฐบาล ต้องรับผิดชอบภาพรวมทั้งหมด
หรือหากถึงทางตัน เจรจากันไม่ลงตัว พรรคร่วมรัฐบาลยังแข็งข้อจนไปต่อไม่ได้ “ลุงตู่” ก็พร้อมทิ้งไพ่ใบสุดท้าย “ยุบสภา” ล้มกระดานเลือกตั้งใหม่ให้รู้แล้วรู้รอด
ต้องไปวัดดวงเลือกตั้งใหม่ในสภาพที่แต่ละพรรคกระสุนดินดำเกลี้ยงคลัง หลังผ่านการเลือกตั้งมาหมาดๆ
โดยเฉพาะ “ประชาธิปัตย์” ที่แป้กทั้งน้ำเลี้ยง และสภาพในพรรคแตกเละตุ้มเป๊ะ!
ถ้าพลิกออกสูตรนี้ ไม่ต้องถามฝ่ายไหนเจ็บสาหัสกว่ากัน!!!
ทีมข่าวการเมือง