“บกพร่องโดยสุจริต”
ประเทศชาติและประชาชนคนไทยต้องเจ็บปวดกับวาทกรรมนี้
ย้อนอดีตไปเมื่อครั้งที่คนชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” นำพรรคไทยรักไทยชนะเลือกตั้งถล่มทลาย กระแสแห่ “อัศวินคลื่นลูกที่สาม” ปลื้มผู้นำใหม่ “ตาดูดาวเท้าติดดิน”
ลาก “ทักษิณ” ฝ่าวิบากกรรม “หุ้น” มาจนได้เป็นนายกฯ
ก่อนนำมาซึ่งโศกนาฏกรรมทางการเมืองไทย วิกฤติความแตกแยกรุนแรงจากปมทุจริตของอดีตผู้นำ คนไทยแบ่งสีแยกขั้ว แบ่งข้างก่อชนวนสงครามกลางเมือง เกือบรัฐล่มสลาย
ลากยาวมากว่า 10 ปี จนถึงปัจจุบันหัวเชื้อไฟก็ยังไม่ดับ
และกำลังจะกลับมาลุกโชนขึ้นใหม่ ตามท้องเรื่องเดียวกัน ปมหุ้นเหมือนกัน
แถมเกิดกับคนที่กำลังเดินตามรอย “ทักษิณ” เป๊ะกับวิบากของ “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกขุดคุ้ยปมถือหุ้นสื่อต้องห้ามตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ไม่มีสิทธิลงสมัคร ส.ส.
สถานการณ์ “มัดคอ” เหมือน “ทักษิณ” ที่ต้องแห่กระแสกองเชียร์ ใช้คะแนนนิยมกลบจุดตาย
ต้องเรียก “น้องฟ้า” ให้ช่วยพ่อกันเสียงหลง
ตามสถานการณ์ที่ส่อ “เข้าตาจน” ประเมินได้จากการต้องใช้บริการนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค ทนาย “อังดัวร์” ว่าความแก้ต่างให้ทางพื้นที่สื่อ
แต่ “ด็อกเตอร์อังดัวร์” จะเข้าใจผิด หรือเป็นเหลี่ยมเบี่ยงกระแส เพราะไปอ้างปมแก้ต่างให้ “ธนาธร” เป็นเชิง “ตีปลาหน้าไซ” ไม่ได้ทุจริตคอร์รัปชัน ไม่ใช่เรื่องของการจ้องเข้าไปแข่งขันชิงสัมปทานรัฐ
ทั้งๆ ที่มันเป็นเรื่องของ “คุณสมบัติ” การลงสมัคร ส.ส.
...
ตามท้องเรื่อง ถ้าไม่เป็นตามกฎหมายรัฐธรรมนูญบังคับ ต่อให้จิตใจบริสุทธิ์ผ่องใส สปิริตสูงส่ง วิสัยทัศน์ก้าวไกล ขวัญใจคนรุ่นใหม่ กองเชียร์น้องฟ้ารักพ่อยังไง
มันก็ “ฟาวล์” ตั้งแต่ต้น ไม่มีผลในการลงสมัคร ส.ส.
แถม “ปิยบุตร” แก้ไปแก้มา กลายเป็นยิ่งมัดตัว “ธนาธร” แน่นเข้าไปอีก เพราะข้อมูลลักลั่นกัน
กับปมที่ถูกจับ “โป๊ะแตก” วันที่อ้างเซ็นโอนหุ้นให้แม่ 8 มกราคม 2562 หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่หาเสียงอยู่จังหวัดบุรีรัมย์ในช่วงเช้า แต่นั่งรถกลับมาเซ็นหุ้นในกรุงเทพฯได้ในเวลา 4 โมงเย็น ตามหลักฐานที่โชว์ “ใบเสร็จ easy pass” ทางด่วนพิเศษ ในการเดินทางช่วงเวลา 15.00 น. ถึงกรุงเทพฯ 16.00 น.
ในเครื่องหมายคำถาม บุรีรัมย์-กรุงเทพฯระยะทาง 483 กิโลเมตร มาตรฐานทางหลวงภาคอีสาน ไม่ใช่ “ออโตบาห์น” ในเยอรมัน โดยปกติของผู้ที่เดินทางประจำจะใช้เวลาคร่าวๆ 6 ชั่วโมง นั่นหมายถึงนายธนาธรต้องออกจากบุรีรัมย์ประมาณ 8 โมงเช้า จึงจะถึงกรุงเทพฯในเวลา 4 โมงเย็น
แต่ถ้าเทียบเงื่อนไขสถานการณ์ “ไพร่หมื่นล้าน” ต้องทำภารกิจหาเสียง อย่างไรเสียก็ออกจากบุรีรัมย์ไม่ทัน 8 โมงเช้า เผลอๆต้องเลยไปเที่ยงถึงบ่าย
ยังไม่นับพวกเซียนโซเชียลฯตาไว ซูมโฟกัสนาฬิกาข้อมือของชายคนที่อยู่ร่วมเฟรมกับทีม “ธนาธร” ที่บุรีรัมย์ ปรากฏเข็มสั้นเข็มยาวมันบ่งบอกเวลาบ่ายสามโมงแก่ๆเกือบสี่โมงเย็น นั่นจึงนำมาซึ่งเครื่องหมาย
คำถาม เป็นไปได้หรือไม่ที่ “พ่อน้องฟ้า” อยู่บุรีรัมย์จนเย็นในวันที่ 8 มกราคม
มันก็ยิ่งยากจะเชื่อว่ากลับมาเซ็นหุ้นที่กรุงเทพฯได้ทันตามที่อ้าง
เพราะนั่นต้องเป็น “รถเหาะ” เหยียบ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงตลอด
ยังไม่พูดถึงข้อมูลในสำนักข่าวอิศราฯที่นายธนาธรแจ้งว่าไปหาเสียงบุรีรัมย์วันที่ 10 มกราคม ไม่ใช่วันที่ 8 มกราคม อย่างที่นายปิยบุตรออกมาแก้ต่างแต่อย่างใด
ที่แน่ๆโดยจังหวะที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ยื่นคำร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สอบปมพิรุธหุ้น “ธนาธร” เพิ่มเติม
ตามเหตุแห่งข้อสงสัยถึงหลักฐานสำคัญการซื้อขายหุ้นคือสเตตเมนต์ ธนาคารที่กลับไม่เอามาโชว์
ส่วนข้ออ้างโอนหุ้นให้หลาน 2 คนเพื่อเรียนรู้ทวงหนี้ 10 ล้าน ฟังไม่ขึ้น เพราะการทวงหนี้มอบอำนาจให้ใครทำก็ได้ แถมพอรู้เป็นหนี้สูญกลับหยุดทวงไปเฉยๆ แล้วโอนหุ้นกลับให้แม่นายธนาธรเพื่อปิดบริษัท ทั้งที่ผู้ถือหุ้นคนเดิมก็ทำเรื่องปิดบริษัทได้ ที่สำคัญหนี้สูญ 10 ล้าน มีการฟ้องร้องตามกฎหมายแล้วหรือไม่ มีผู้สอบบัญชีรับรองหรือยัง อ้างหนี้สูญลอยๆสรรพากรไม่เชื่อ อาจผิดซ้ำข้อหาฟอกเงิน
สารพัดเงื่อนปมที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
โดยรูปเกมถึงจะเข้าเหลี่ยม “ตีปลาหน้าไซ” ทีมอนาคตใหม่โวยวายเป็นเกมเตะตัดขา ดักคอดักทางแกมขู่ กกต.คงไม่หาญกล้าท้าทายกระแส เล่นงานขวัญใจเหล่า “น้องฟ้า”
ในสถานการณ์เร้าใจแบบที่ “ธนาธร” โพสต์เฟซบุ๊กแจ้งกองเชียร์ เพิ่งได้รับแจ้งจากเมืองไทยให้รีบกลับจากโรดโชว์ประชาธิปไตยที่ยุโรป ไปเตรียมพร้อมรับสถานการณ์อันไม่คาดคิด
แต่จับอาการ “ปิยบุตร” เดาอารมณ์ “ธนาธร” มันก็ไม่ผิดคาด หรือ เหนือการคาดหมาย
ถ้า กกต.จะชัก “ใบส้ม” แจกหัวหน้า “ค่ายสีส้ม” ปมหุ้นทำตายน้ำตื้น.
ทีมข่าวการเมือง
อ่านข่าวล่าสุด เจาะลึกข้อมูลเลือกตั้ง 2562
https://www.thairath.co.th/election