พลังประชารัฐขอให้ลุยกทม.ก่อน เพื่อไทยงัด "100 วันทำได้ทันที" สู้ ผู้พิพากษาค้าน กม.ไซเบอร์

พปชร.เคาะแล้ว ให้ “ลุงตู่” ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงบ้านเกิดโคราชที่แรก แต่ให้ลองชิมลางเดินสายช่วยผู้สมัคร ส.ส.กทม.ก่อน “กอบศักดิ์” ดี๊ด๊าคะแนนพุ่งแน่ “สนธิรัตน์” ให้รอดูไม้เด็ดช่วงโค้งท้าย “ศรีสุวรรณ” ตั้งทีมจับตาใช้รถ-ทรัพย์สินหลวง-ข้าราชการอำนวยความสะดวก ขู่ทำผิดกฎหมายยื่น กกต.ฟันทันที “เจ๊หน่อย” เตือนให้ระวังใช้ทรัพยากรของรัฐหาเสียง “ชัชชาติ” อ้อนคนเหนือต้องรักคนเหนือ พท.จ่อผุดแคมเปญ 100 วันทำได้ทันที “หนูนา” หนุนหลัง “ประภัตร” เต็มสูบ ขอกวาดยกเมืองสุพรรณ “อนุทิน” ให้แต้มต่อ พปชร.ดึง “บิ๊กตู่” ช่วยตามสบาย ผู้พิพากษาอาวุโสออกโรงค้าน พ.ร.บ.ไซเบอร์ ชี้ขวางพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆคุ้มครองสิทธิประชาชนคือภารกิจของศาล

เป็นอันได้ข้อยุติเมื่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ มีมติเห็นชอบให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงที่ จ.นครราชสีมาบ้านเกิด เป็นเวทีแรกในวันที่ 10 มี.ค.นี้

“สนธิรัตน์” แซะบางบอนเมืองนักเลง

เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 3 มี.ค. ที่วัดหนองแขม เขตหนองแขม นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ช่วยนายวัชระ กรรณิการ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.หาเสียง พร้อมแวะกินโจ๊กกับข้าวต้มในตลาด และนั่งพูดคุยกับผู้นำชุมชนที่ร้องเรียนขอให้แก้ปัญหาน้ำคูคลองเน่าเสีย ระบบขนส่ง ผู้มีอิทธิพล ยาเสพติด นายสนธิรัตน์กล่าวระหว่างหาเสียงว่า ถึงเวลาเปลี่ยนบางบอน ถ้าไม่อยากให้บางบอนเป็นเมืองนักเลง หรือเมืองอิทธิพล ขอให้เลือกพรรคพลังประชารัฐ เพื่อสานต่อบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ตนริเริ่ม แต่พรรคอื่นจะให้ยกเลิก

...

ฟุ้งอีกรอดูไม้เด็ดช่วงโค้งท้าย

นายสนธิรัตน์ให้สัมภาษณ์ว่า ปัญหาพื้นที่นี้ส่วนใหญ่คือน้ำเสีย ขาดการพัฒนายกระดับมากว่า 10 ปี ปัญหายาเสพติดระบาดในชุมชน ส่วนภาพลักษณ์เป็นเมืองนักเลงเป็นความรู้สึกประชาชนมาบอกว่าเราไม่ได้เป็นอย่างนั้นแต่มาช่วยเปลี่ยนแปลง นายวัชระจึงเป็นความหวังใหม่ในพื้นที่ หากยังเดินเข้าหาประชาชนอย่างนี้มั่นใจจะได้รับความไว้วางใจแน่นอน 3 สัปดาห์สุดท้ายขอให้จับตาดูพรรคพลังประชารัฐให้ดี เรามีไม้เด็ดหลายเรื่อง ส่วนการเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ในฐานะแคนดิเดตนายกฯของพรรคมาร่วมหาเสียงนั้น ต้องปรับให้เข้ากับแผนของพรรค และสอดรับตารางงาน พล.อ.ประยุทธ์

“บิ๊กตู่” ขึ้นเวทีโคราชแต้มพุ่งแน่

ขณะที่นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ตลาดรุ่งเจริญ ถนนสาธุประดิษฐ์ กทม. ช่วยนายเนวินธุ์ ช่อชัยทิพย์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.หาเสียง นายกอบศักดิ์กล่าวว่า เวลาที่เหลือ 3 สัปดาห์ กำชับผู้สมัคร ส.ส.ทุกคนลงพื้นที่ให้มากขึ้น นอนให้น้อยลง เพราะทุกคะแนนมีค่า ส่วนกิจกรรมหาเสียงของ พล.อ.ประยุทธ์ เบื้องต้นกำหนดไว้ที่ จ.นครราชสีมา ในวันที่ 10 มี.ค. เลือกเปิดที่นั่นเพราะ พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนโคราช ถ้าชนะเลือกตั้งคนโคราชจะได้ภูมิใจ โดยพรรคประสานเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ลงพื้นที่แล้ว และต้องระมัดระวังข้อกฎหมาย เพราะฝ่ายตรงข้ามจ้องเล่นเราอยู่ เชื่อ พล.อ.ประยุทธ์จะทำคะแนนให้พรรคมากขึ้น วันจันทร์-ศุกร์ เน้นหาเสียงที่ กทม. ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์เน้นต่างจังหวัด ขณะที่โพลของพรรคดีวันดีคืน

ยกโพลเชื่อได้ทะลุ 100 ที่นั่ง

ที่โรงเรียนโพนทองวิทยายน อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด นายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ขึ้นเวทีปราศรัยช่วยนายเอกภาพ พลซื่อ ผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ดหาเสียง ว่าถ้าประชาชนเลือกพลังประชารัฐจะก้าวข้ามความขัดแย้ง เกิดความเชื่อมั่นต่อประเทศ กระแสของพรรคในภาคอีสาน และภาพรวมทั้งประเทศเป็นที่ชื่นชอบของประชาชน โพลพรรคและหลายสำนัก เชื่อว่าเราจะได้ ส.ส.เขตมากกว่า 100 ที่นั่ง ทำให้บางพรรคทนไม่ได้ ป้ายสีเช้าเย็น ต่อไปคง 3 เวลาหลังอาหาร แต่เราจะไม่ปราศรัยด่าว่าใคร ยืนหยัดนำเสนอนโยบายดีๆให้เป็นทางเลือก โดยเลือกผู้สมัครพลังประชารัฐทุกเขต จากนั้นนายสุรพรเดินทางต่อไปยังวัดบ้านผักกูด ต.โพธิ์ศรีสว่าง อ.โพนทอง ช่วย น.ส.ตวงรัตน์ วงศ์เวไนย ผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ด หาเสียงที่วัดป่าบ้านเมืองไพร ต.เมืองไพร อ.เสลภูมิ

ชิมลาง กทม.ก่อนเวทีใหญ่โคราช

ต่อมาเวลา 15.00 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค และคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ได้หารือเพื่อกำหนดแผนการปราศรัยหาเสียงของ พล.อ.ประยุทธ์ นายอุตตมกล่าวหลังการประชุมว่า พรรคจะไปเรียนเชิญ พล.อ.ประยุทธ์เป็นการภายในโดยเร็วที่สุด ขอให้ขึ้นเวทีปราศรัยกับผู้สมัครครั้งแรกในวันที่ 10 มี.ค. ที่ จ.นครราชสีมา บ้านเกิดนายกฯ และยังมีเวทีอื่นทั่วทุกภูมิภาคด้วย เนื่องจากผู้สมัครเรียกร้องมา แต่ยังไม่ได้กำหนดตายตัวต้องรอดูตารางงาน พล.อ.ประยุทธ์ด้วย นอกจากนี้ จะขอให้พล.อ.ประยุทธ์ ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัคร ส.ส.กทม. หาเสียง ซึ่งจะเกิดขึ้นก่อนการปราศรัยใหญ่ที่ จ.นครราชสีมา และใช้เวลานอกราชการ

ยันไม่ใช้อำนาจไปกระทบใคร

นายอุตตมกล่าวว่า การหาเสียงของ พล.อ.ประยุทธ์ พรรคจะดำเนินการตามที่ กกต.ระบุอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ โดยไม่ใช้อำนาจไปกระทบกระทั่งคนอื่น และเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์จะปฏิบัติตามระเบียบที่เกี่ยวข้องตามที่ กกต.กำหนด วางตัวได้เหมาะสมในทุกสถานการณ์ รวมถึงประเด็นและหัวข้อปราศรัย พล.อ.ประยุทธ์จะกำหนดเอง พรรคมั่นใจว่าเมื่อได้ พล.อ.ประยุทธ์มาหาเสียง จะทำให้คะแนนของพรรคดีขึ้น ส่วนช่วงโค้งสุดท้ายอยากให้ทุกฝ่ายรอว่าเราจะมีหมัดเด็ดอะไรออกมา ส่วนที่หลาย พรรคระบุว่ายิ่ง พล.อ.ประยุทธ์มาช่วยหาเสียง ยิ่งทำให้คะแนนพรรคอื่นดีขึ้น เป็นเรื่องของพรรคอื่นสามารถคิดได้ แต่พลังประชารัฐมุ่งมั่นจะทำหน้าที่ต่อไป และ ไม่กังวล พล.อ.ประยุทธ์ จะตกเป็นเป้าทางการเมือง

รวมเสียงเกินครึ่งชิงตั้ง รบ.ก่อน

เมื่อถามว่ามาถึงวันนี้พรรคมั่นใจหรือยังว่าจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นายอุตตมตอบว่า มั่นใจสิ่งที่ทำ ส่วนใครจะเป็นแกนนำได้จัดตั้งรัฐบาลต้องรอดู เมื่อถามว่าจะให้พรรคที่ได้คะแนนสูงสุดเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายอุตตมตอบว่า จุดยืนของพรรคคือพรรคใดที่รวบรวมเสียงได้เกินกึ่งหนึ่งของสภาก็น่าจะเป็นกลุ่มหรือพรรคที่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงสถานะพล.อ.ประยุทธ์นั้น พรรคไม่ได้กังวล เพราะฝ่ายกฎหมายดูเรียบร้อยแล้ว

พท.เร่งบูมท่องเที่ยวภาคเหนือ

วันเดียวกัน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ อ.ลี้ จ.ลำพูน พร้อมร่วมงานเปลี่ยนผ้าครองสรีระครูบาขาวที่จัดขึ้นทุกวันที่ 3 มี.ค.ของทุกปี โดยปีนี้เป็นวันครบรอบปีที่ 42 แห่งการมรณกรรมของครูบาอภิชัยขาวปี ที่วัดพระพุทธบาทผาหนาม มีประชาชนหลายพื้นที่ รวมทั้งพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ที่ศรัทธาครูบาขาวปีมาร่วมงานด้วยความศรัทธาจำนวนมาก คุณหญิงสุดารัตน์ให้สัมภาษณ์ว่า มั่นใจพรรคเพื่อไทยจะรักษาเก้าอี้ ส.ส.ได้ทั้ง 2 เขต ประชาชนให้การตอบรับดีมาก รวมทั้งผู้สมัครเราเป็นอดีต ส.ส. ทำงานเข้มแข็งมาตลอด พรรคเพื่อไทยจะชูนโยบายท่องเที่ยว จ.เชียงใหม่และภาคเหนือ สร้างการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการท่องเที่ยวแบบผจญภัย จะทำต่อเนื่องในหลายจังหวัดให้เป็นจังหวัดกลุ่มท่องเที่ยวต่อเนื่อง เช่น จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และย้อนกลับไปช็อปปิ้งที่เชียงใหม่ได้

ให้ระวังใช้ทรัพยากรรัฐหาเสียง

คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวอีกว่า จะมีกองทุนพัฒนาสินค้าโอทอป กระจายรายได้ไปสู่ชุมชน โดยจะทำทันทีที่ได้เป็นรัฐบาล มีเป้าหมายเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งประเทศ 50 ล้านคน ให้มีรายได้ 3 ล้านล้านบาท จะเปิดรายละเอียดนโยบายท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ ในวันที่ 5 มี.ค. ส่วนกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. เตรียมลงพื้นที่และปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคหาเสียงนั้น ยินดีต้อนรับ แต่ พล.อ.ประยุทธ์มีหมวก 3 ใบ เมื่อจะขึ้นเวทีปราศรัยแล้วก็อยากชวนมาร่วมเวทีดีเบตด้วย แต่ต้องระมัดระวังเรื่องการใช้ทรัพยากรของรัฐ

“ชัชชาติ” ดึงทุกส่วนร่วมแก้ฝุ่นพิษ

ช่วงเช้าที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จ.เชียงใหม่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เดินออกกำลังกายและวิ่งรอบสนาม 700 ปี รวม 13 รอบ ระยะทาง 5.2 กิโลเมตร และตักบาตรที่ตลาดต้นพะยอม นายชัชชาติกล่าวว่า ตอนวิ่งออกกำลังกายเห็นแนวฝุ่นตามดอยพอสมควร จ.เชียงใหม่ มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงอันดับ 1 ของโลก เป็นสิ่งที่น่ากังวลมาหลายปีแล้ว ขั้นแรกรัฐต้องมีข้อมูลที่ถูกต้อง ติดตั้งเครื่องวัดคุณภาพอากาศทั่วถึง และจัดหาเครื่องฟอกอากาศในพื้นที่สาธารณะ เช่น โรงเรียน ส่วนการเผาตอซังข้าวโพด วิธีแก้ต้องไม่ปล่อยให้เป็นภาระชาวไร่และรัฐบาลอย่างเดียว เอกชนควรมีส่วนร่วมค้นคว้าวิจัยอุปกรณ์เก็บตอซังข้าวโพด ไม่ต้องให้ชาวไร่รับผิดชอบโดยการเผา เนื่องจากเกษตรกรไม่มีทุนในการเก็บ ควรมีอุปกรณ์ช่วยชาวไร่เอาตอซังข้าวโพดไปอัดเป็นถ่าน ซึ่งบริษัทรับซื้อข้าวโพดควรรับผิดชอบ เพราะมีทุนและมีความรู้ การแก้ปัญหาต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย ทั้งชาวไร่ เอกชน และรัฐบาล หรือในระยะยาวอาจเปลี่ยนเป็นพืชชนิดอื่นที่ส่งผลต่อมลภาวะน้อยลง

ผนึกคนเหนือต้องรักคนเหนือ

ต่อมานายชัชชาติพร้อมทีมงาน เดินทางไปลงพื้นที่ จ.ลำปาง มีนายไพโรจน์ โล่ห์สุนทร ผู้สมัคร ส.ส.ลำปาง เขต 2 เบอร์ 7 และนายกิตติกร โล่ห์สุนทร ผู้สมัคร ส.ส.ลำปาง เขต 1 เบอร์ 10 พรรคเพื่อไทย และ น.ส.ตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร ผู้สมัคร ส.ส.ระบบรายชื่อพรรคเพื่อไทย ร่วมต้อนรับ ทั้งหมดเข้ากราบนมัสการสรีรสังขารหลวงปู่เกษม เขมโก อดีตพระเถระดังแห่งล้านนา ที่สุสานไตรลักษณ์ ต.ต้นธงชัย อ.เมืองลำปาง เพื่อขอพร นายชัชชาติกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะชนะยกทีมทั้ง 4 เขต เนื่องจากประชาชนไม่อยากกลับมาทนลำบากเหมือน 4 ปีที่ผ่านมาอีกแล้ว ชาวบ้านสะท้อนปัญหาเรียกร้องให้แก้ไขราคาสินค้าทางการเกษตรตกต่ำ และเร่งให้ช่วยแก้ปัญหาแหล่งน้ำ “ที่มั่นใจว่าทีมผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทยจะชนะทั้ง 4 เขต เพราะล้วนเป็นอดีต ส.ส.ลำปาง สังกัดพรรคเพื่อไทยมาตลอด ไม่เคยย้ายหนีจากพรรคไปซบพรรคอื่น อีกทั้ง จ.ลำปาง รวมทั้งคนเหนือทุกคนกล่าวกันว่า คนเหนือต้องรักคนเหนือด้วยกัน จึงถือเป็นนิมิตหมายที่ดีว่าประชาชนอยู่เคียงข้างพรรคเพื่อไทยเกินร้อยเกินพัน” นายชัชชาติกล่าว

ผุดแคมเปญ 100 วันทำได้ทันที

ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันที่ 4 มี.ค. นี้พรรคเพื่อไทยจะเรียกประชุมผู้สมัคร ส.ส.ทั่วประเทศ เพื่อสรุปและรับฟังปัญหาอุปสรรคในการหาเสียงแต่ละพื้นที่ ผู้สมัครส่วนใหญ่แจ้งว่าถูกเอารัดเอาเปรียบบางพรรคยังใช้วิธีใส่ร้ายป้ายสีรูปแบบเดิมๆ มีข้าราชการวางตัวไม่เป็นกลาง ซึ่งผู้สมัครบันทึกภาพและคลิปวิดีโอส่งให้พรรคแล้ว และยังมีรายงานพบการซื้อเสียงล่วงหน้าด้วยวิธีวางเงินในแต่ละชุมชน ผู้สมัครของพรรคได้รับภาพจากกล้องวงจรปิดตามหมู่บ้านที่มีผีไปเจรจาหลายพื้นที่ พรรคจะรวบรวมข้อมูลและหลักฐานเสนอต่อ กกต.ต่อไป จะชี้แจงแนวทางการหาเสียงโค้งสุดท้ายแก่ผู้สมัครทุกคน โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ บรรยายเรื่อง “ลดหนี้เติมเงิน ลดภาษีสร้างเศรษฐีใหม่” ขณะที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ บรรยายเรื่อง “ถึงเวลาประเทศไทยกลับมายิ่งใหญ่ในเวทีโลก” ให้ผู้สมัครนำไปบอกประชาชนถึงนโยบายการแก้ปัญหาประเทศที่สะสมมานานกว่า 5 ปี ในแผนระยะสั้นที่เรียกว่า “100 วันแก้ไขได้ทันที” นำประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดัก “เลือกเพื่อไทย เราทำได้ทันที”

ยังห่วงปม “ลุงตู่” ทำเลือกตั้งโมฆะ

ที่ จ.สมุทรปราการ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ พร้อมนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ผู้สนับสนุนพรรค ลงพื้นที่ตลาดอุดมเดช ตลาดสำโรง อ.สำโรง ช่วยนายชัยวิทย์ พิศาลรวิพงษ์ ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการหาเสียง นายจตุพรกล่าวว่า หัวหน้าพรรคลงพื้นที่สมุทรปราการแทบทุกจุดแล้ว ได้รับการตอบรับดีมาก โดยเฉพาะจากพี่น้องคนเสื้อแดงที่ร่วมกันต่อสู้มาตลอด การเลือกพรรคเพื่อชาติเป็นการเพิ่มคะแนนให้ฝ่ายประชาธิปไตย มีจุดยืนชัดเจนไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่วนที่โลกออนไลน์แห่โชว์ใบสมัครแคนดิเดตนายกฯของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยระบุอาชีพเป็นข้าราชการการเมือง อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญที่ห้ามข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐยุ่งเกี่ยวการเมืองนั้น หาก กกต.ยื้อเรื่องดังกล่าวไว้ จนผ่านการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค. จะเป็นสาเหตุทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ เพราะกฎหมายห้ามไว้ชัดเจน วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ

สงสัย ป.ป.ช.ตีตกคดี “บุญทรง”

นายจตุพรยังกล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติตีตกคดีที่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในการขายข้าวแบบจีทูจี เพื่อปกปิดข้อเท็จจริง กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นผลมาจากกรณีลูกชายนายบุญทรงย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ว่า การเมืองรอบนี้มีตัวประกันจำนวนมาก เช่น คดีอยู่ใน ป.ป.ช. หรืออยู่ในกระบวนการชั้นอื่น แต่ละคนที่อยู่ในพรรคที่สนับสนุน คสช. ล้วนแต่มีชนักติดหลัง โดยเฉพาะในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน ในทางการเมืองรู้กันดีว่าเข้าไปเพราะอะไร ไม่ได้ต้องการให้นายบุญทรงต้องได้รับความทุกข์มากไปกว่านี้อีก แต่ในทางความรู้สึกคนมีสิทธิ์สงสัยได้ว่าเป็นเพราะการย้ายสังกัดพรรคหรือไม่ ข้อเท็จจริงอาจไม่เป็นไปตามที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ก็ได้ ต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย

“สงคราม” ลุยแก้ประมงชายฝั่ง

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า พรรคเพื่อชาติยืนยันเรื่องประชาธิปไตย ดังนั้น มีทางเลือกอยู่ 2 ทาง หากต้องการเลือกอำนาจนิยมต้องเลือกพรรคหนึ่ง แต่หากต้องการเลือกประชาธิปไตยให้เลือกพรรคเพื่อชาติ เข้าไปแก้ไขปัญหาให้ประชาชน จากการลงพื้นที่เกือบทั่วประเทศประชาชนพูดเป็นเสียงเดียวกันคือปัญหาเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง โดยเฉพาะ จ.สมุทรปราการ มีปัญหาเรื่องการทำประมง โดยเฉพาะประมงชายฝั่ง ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านยากจน ติดปัญหาข้อกฎหมายการทำประมง แม้กระทั่งจะขายเรือก็ขายไม่ได้ต้องขายบ้านแทน เป็นความทุกข์อย่างมากของชาวสมุทรปราการ

“อ๋อย” โชว์ฝีพายหาเสียงตลาดน้ำ

ที่ จ.ราชบุรี นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานรณรงค์หาเสียง ลงพื้นที่ช่วยนายณัฎฐพัชร์ จันทร์แม้น นายธวัชชัย จุตุรนต์รัศมี ผู้สมัคร ส.ส.ราชบุรี หาเสียงที่ตลาดน้ำดำเนินสะดวก โดยทั้งหมดแวะกินอาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยวเรือ พร้อมทักทายนักท่องเที่ยวที่มาตลาดน้ำดำเนินสะดวก จากนั้นนายจาตุรนต์และแกนนำพรรค ลงเรือแจว พายเรือไปตามคลองด้วยตัวเอง ทักทายนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ นายจาตุรนต์กล่าวว่า ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เพราะคนในพื้นที่รู้จักมักคุ้นกับตัวผู้สมัครอยู่แล้ว และประชาชนในพื้นที่พร้อมสนับสนุน โดยพรรคต้องการพัฒนาการติดต่อสื่อสาร และคมนาคม นำรายได้ท่องเที่ยวกระจายไปให้กว้างขวางมากขึ้น

สาวๆหาดใหญ่ตามกรี๊ด “อภิสิทธิ์”

ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่ช่วยนายภิรพล ลาภาโรจน์กิจ ผู้สมัคร ส.ส.สงขลา หาเสียงที่ตลาดโก้งโค้ง และตลาดเช้ากิมหยง บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคักตลาดแทบแตก ตลอดทางที่ขบวนหาเสียงผ่านมีทั้งสาวน้อยสาวใหญ่พากันมามอบดอกไม้แย่งกันกอดและถ่ายเซลฟี่กันเนืองแน่น ขณะที่นายอภิสิทธิ์ได้แต่ยิ้มและขอบคุณทุกกำลังใจ ต่อมานายอภิสิทธิ์เดินทางต่อไปยัง จ.ปัตตานี ก่อนจะกลับมาเปิดปราศรัยในช่วงค่ำที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา

“สมชัย” สุดทนสอนงาน กกต.

ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรสาคร พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “หลายเรื่องเคืองสับสน” 1.ชาวบ้านยังสับสนเรื่องเขตเลือกตั้งและเบอร์ผู้สมัคร ด้วยการเขียนกฎหมายให้วุ่นวายของ อ.มีชัย (นายมีชัย ฤชุพันธุ์) 2.ผู้สมัครติดป้ายและรถแห่หาเสียงข้ามเขตกันเละ 3. กกต.ไปบอกชาวบ้านว่า บัตรเลือกตั้ง 1 ใบเลือกได้ 3 อย่าง คือ ส.ส.เขต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลือกนายกรัฐมนตรี ชาวบ้านเลยคิดว่า 1 บัตร กาได้ 3 อย่าง 4.ไปถามชาวบ้านอีกจำนวนมากยังเข้าใจว่ามีบัตรเลือกตั้งให้ 2 ใบแบบเดิม คือ บัตร ส.ส.เขต กับบัตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ 5.ชาวบ้านถามตลอดว่าหน่วยเลือกตั้งอยู่ที่ใด 6.ไปดูบอร์ดของ กกต.ที่หน่วยเลือกตั้งต่างๆ รายละเอียดเกี่ยวกับผู้สมัครเย็บซ้อนกันเป็นบึก ต้องพลิกอ่านกันเอง ถือเป็นความสำเร็จในการประชาสัมพันธ์ของ กกต.อย่างยิ่ง

“หนูนา” ลั่นกวาดยกเมืองสุพรรณ

วันเดียวกันเวลา 09.40 น. น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมด้วยคุณหญิงแจ่มใส ศิลปอาชา นายวราวุธ ศิลปอาชา ประธานกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา ร่วมลงพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี ช่วยนายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค และผู้สมัคร ส.ส.สุพรรณบุรีหาเสียง ทั้งหมดได้เข้าสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์ อ.ดอนเจดีย์ เดินตลาดสามชุก และ อ.อู่ทอง น.ส.กัญจนากล่าวว่า จ.สุพรรณบุรีมีความพิเศษ ในฐานะหัวหน้าพรรคมั่นใจว่าจะกวาดเก้าอี้ ส.ส.ได้ทั้ง 4 เขต “สมัยพ่อบรรหาร (นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกฯ) พรรคชาติไทยเคยมี ส.ส.ทั้งจังหวัดมาแล้ว ในฐานะที่เป็นลูกและเป็นหัวหน้าพรรค มั่นใจว่าครั้งนี้เราจะทำได้ทั้ง 4 เขต เพื่อพัฒนาเมืองสุพรรณบุรีให้เจริญอย่างต่อเนื่อง แม้วันนี้จะไม่มีพ่อแล้ว แต่จะทำให้ได้

“อนุทิน” ชอบใจรับมุกกัญชาเสรี

ที่ จ.ฉะเชิงเทรา นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาพรรค นายทรงศักดิ์ ทองศรี รองหัวหน้าพรรค ลงพื้นที่ช่วยนายณัชพล ตันเจริญ นายธราพงษ์ จั่นแก้ว นายจักรวาล ท้วมเจริญ ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา ของพรรคหาเสียง ทั้งหมดเข้าสักการะขอพรที่วัดเล่งอกอี้ ก่อนพากันเดินตลาดทรัพย์สินฯ ตลาดสด ตลาดบ่อบัว ตลาดบ้านใหม่ ระหว่างเดินอยู่นั้นมีแม่ค้าตะโกนขึ้นว่าเศรษฐกิจแย่มากปลูกกัญชา 6 ต้นไม่พอ ขอปลูก 10 ต้นได้ไหม เรียกเสียงครื้นเครงจากคนรอบข้าง นายอนุทินกล่าวว่า กัญชามีสรรพคุณทางการแพทย์ ถ้าเราไม่เสพมากเกินไปกัญชามีแต่คุณประโยชน์ ถ้าเรากินทุเรียนวันละ 2 ลูก ตายเร็วกว่าเสพกัญชา กัญชาจะเป็นพืชเศรษฐกิจ ประชาชนสามารถปลูก และขายได้ด้วยตนเอง เป็นการเพิ่มรายได้มหาศาล สามารถแก้ไขหนี้ครัวเรือนได้เลย การให้บัตรเติมเงิน การแจกเงิน ไม่ใช่แนวทางของเรา เพราะเป็นการให้ที่ไม่ยั่งยืน พรรคภูมิใจไทยสนับสนุนให้ประชาชนพึ่งพาตัวเอง จะได้เอางบไปพัฒนาด้านอื่นต่อไป

ให้แต้มต่อ พปชร.ดึง “ลุงตู่” ช่วย

เมื่อถามถึงกรณีที่ กกต.อนุญาตให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ช่วยพรรคพลังประชารัฐหาเสียงได้ นายอนุทินตอบว่า ดีใจด้วย แต่เราไม่กลัวไม่กังวลอะไรทั้งสิ้น การแข่งขันตัดสินกันที่นโยบาย และนโยบายของพรรคภูมิใจไทยดีไม่แพ้ใคร ถือว่าพรรคเรามีอายุมากกว่า เราต่อให้เขา ต้องมองโลกในแง่ดี เมื่อถามถึงความนิยมของนายอนุทินที่เพิ่มสูงขึ้น หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยตอบว่า ไม่อยากให้คิดว่ากระแสของตนเป็นอย่างไร ส่วนตัวต้องการให้ผู้สมัครของพรรคเข้าไปทำงานในสภาให้มากที่สุด

“เสี่ยหนู” ตรงสเปกโพลนายกฯ

พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า จากผลสำรวจสเปกหรือลักษณะของนายกฯที่ประชาชนต้องการ ส่วนใหญ่ระบุว่าเป็นผู้ชายอายุ 50 ปีต้นๆ เป็นอดีตผู้บริหารธุรกิจระดับสูง อดีตผู้บริหารประเทศระดับสูง แก้ปัญหาผ่านพ้นวิกฤติเศรษฐกิจ ไม่มีประวัติด่างพร้อย ไม่ใช่คู่ขัดแย้งใคร ทำให้เห็นว่าประชาชนจำนวนมากเกิดอาการเบื่อคนเดิมๆ ต้องการคนใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ต้องการนักธุรกิจที่มีผลงาน ประสบความสำเร็จ เพราะเชื่อว่าจะเข้ามาแก้วิกฤติเศรษฐกิจได้ ประชาชนจำนวนมากยังไม่ทราบว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกฯพรรคภูมิใจไทย เป็นนักธุรกิจที่เก่ง และประสบความสำเร็จในการบริหารบริษัท ซิโนไทย มาแล้ว ถึงเวลาแล้วพี่น้องต้องกล้าตัดสินใจเลือกผู้นำนักบริหารที่มีประสบการณ์ มีความสามารถ

“สุวัจน์” ชูอารยสถาปัตย์ทั่วกรุง

ที่ตลาดนัดจตุจักร นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา พร้อมผู้สมัคร ส.ส.กทม. อาทิ นายณัฐปิยะ กุลจิรารวีนิภา นายชุมพล รุ่งวิชานิวัฒน์ นายยงยุทธ วงศ์ธีระสูตร เดินหาเสียงพร้อมนำเสนอแนวคิดการผลักดันอารยสถาปัตย์ให้เกิดขึ้นทั่ว กทม. ซึ่งเป็นการออกแบบที่เจริญก้าวหน้าตามยุคตามสมัยเป็นมิตรกับคนทุกคน มีเป้าหมายสำคัญเพื่อให้ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกสภาพร่างกาย สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ทั่วถึงและเท่าเทียม ระหว่างนั้นได้พบกับกลุ่มผู้พิการทูตอารยสถาปัตย์ นำโดยนายกฤษณะ ละไล ประธานมูลนิธิอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล ได้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยน

“เทือก” แขวะกลุ่มกบฏลมปาก

วันเดียวกัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. และผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า จากการลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครหาเสียงทั่วประเทศ มีมวลชน กปปส.พากันสอบถามถึงคดีความข้อหากบฏ ยืนยันว่าจะไม่หนี พร้อมน้อมรับคำตัดสินของกระบวนการยุติธรรมไทย มาถึงวันนี้คล้ายกับว่ากำลังเกิดบุคคลที่เป็นกบฏทางความคิดขึ้นมา เขากล้าออกมาท้าทายเสาหลักของประเทศ โดยไม่สนใจที่ต่ำที่สูง สร้างภาพตัวเองว่าเป็นผู้นำของคนยุคใหม่ ดูถูกรากเหง้าบรรพบุรุษ อ้างสานต่อเรียกร้องประชาธิปไตยที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจในประวัติศาสตร์แตกฉาน คิดสร้างนโยบายเสี่ยงๆ ฟังแล้วเท่ ฮึกเหิม เอาใจคนรุ่นใหม่ สร้างภาพรักประชาธิปไตย ชักชวนให้ออกมาเป็นกบฏต้านเผด็จการร่วมกัน ใช้ปากกาฆ่าเผด็จการ เรื่องบ้านเมืองไม่อยากให้คิดเป็นเรื่องสนุกเอาแต่อารมณ์ ในยุคที่เกิดกบฏลมปากนี้ ลูกหลานไทยควรพิจารณาไตร่ตรองให้ดี มองให้ลึกถึงเจตนา ไม่ใช่เพราะคารมดี มองให้เห็นถึงที่มาไม่ใช่เพราะใครส่งมา มองให้เห็นถึงความเป็นไปได้ ไม่ใช่ดีแต่พูด แต่จริงๆทำไม่ได้ มองให้เข้าใจประวัติศาสตร์ ไม่ใช่มองเฉพาะศาสตร์แห่งการเอาใจ

“ศรีสุวรรณ” ตั้งทีมจับผิด พปชร.

ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ในฐานะรองประธานศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง (CEPP) กล่าวว่า ตามที่พรรคพลังประชารัฐเตรียมวางกำหนดการขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์มีหลายสถานะ และไม่ยอมลาออกจากข้าราชการการเมือง เพื่อความเสมอภาคในการหาเสียง ศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษมากกว่าพรรคอื่น เตรียมตั้งทีมติดตามตรวจสอบการเดินสายปราศรัยของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่ามีการกระทำและคำปราศรัยส่อไปในทางผิดกฎหมายหรือไม่ เช่น นำรถยนต์และทรัพย์สินทางราชการเดินทางไปตระเวนปราศรัยหรือไม่ นำฝ่ายรักษาความปลอดภัยประจำตัวนายกฯเดินทางไปร่วมตระเวนหรือไม่ นำข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่รัฐไปร่วมตระเวนหรือไม่ มีข้าราชการมาต้อนรับและนำทรัพย์สินทางราชการมาอำนวยความสะดวกให้หรือไม่ ทุกคำปราศรัยมีคำพูดใดขัดต่อ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และระเบียบ กกต.หรือไม่ หากพบการกระทำผิดจะส่งคำร้องให้ กกต.วินิจฉัยเอาผิด หากมีประเด็นใดเกี่ยวโยงถึงการรู้เห็นของหัวหน้าพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐที่ส่อขัดกฎหมาย จะดำเนินการในทันที

โพลชี้ความขัดแย้งไม่ได้ลดลง

สวนดุสิตโพล เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง “ความขัดแย้งทางการเมือง ณ วันนี้” จาก 1,028 ตัวอย่าง พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 59.22 เห็นว่าความขัดแย้งทางการเมือง ณ วันนี้เกิดจากสาเหตุการแย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์ รองลงมาเป็นการแบ่งพรรคแบ่งพวก ความไม่เป็นประชาธิปไตยสองมาตรฐาน แต่ส่วนใหญ่ยังคงมองว่าไม่ว่าจะก่อน หรือหลังประกาศการเลือกตั้งยังคงมีความขัดแย้งพอๆกัน ส่วนวิธีการป้องกันและแก้ไขความขัดแย้ง ส่วนใหญ่อยากให้บังคับใช้กฎหมายเด็ดขาด เข้มงวด บทลงโทษรุนแรง รองลงมาคือรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน เห็นแก่ส่วนรวม มีจิตสำนึก มีสติ ไม่วู่วาม ติดตามข่าวสารอย่างมีวิจารณญาณ

ผู้พิพากษาค้าน พ.ร.บ.ไซเบอร์

อีกเรื่อง นายศรีอัมพร ศาลิคุปต์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์ ให้ความเห็นกรณี สนช.มีมติผ่านร่าง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ หรือ พ.ร.บ.ไซเบอร์ ว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวที่ผ่านการพิจารณา ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากร่างเดิมที่เคยให้ความเห็นถึงปัญหาไว้ หลักการใหญ่ยังเหมือนเดิมที่ประชาชนจะได้รับผลกระทบจากเจ้าพนักงาน เจ้าหน้าที่ไซเบอร์ ซิเคียวริตี้ (Cyber Security) ในการเข้าตรวจค้น ยึด ข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ได้หมด โดยเหตุแค่เพียงต้องสงสัย ประชาชนทุกคนมีสิทธิถูกล่วงละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานความเป็นส่วนตัวได้หมด โดยที่ความผิดยังไม่เกิด กฎหมายดังกล่าวจะส่งผลการตรวจสอบถ่วงดุลขอหมายค้นจากศาล ซึ่งเป็นอำนาจการถ่วงดุลระหว่างศาลกับฝ่ายบริหารทำไม่ได้ อำนาจตุลาการของศาลถือเป็นองค์กรเดียวของประเทศที่จะคุ้มครองดูแลสิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่ศาลยุติธรรมกลับถูกกีดกันไม่ให้ใช้อำนาจตรวจสอบการทำงานของรัฐในส่วนนี้

ตัวขวางพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ

ผู้พิพากษาอาวุโสกล่าวต่อว่า ยังมีจุดน่าห่วง คือโทษอาญาทำให้คนเกรงกลัว เช่น ถ้าไม่ยอมให้ตรวจค้น ยึดจับกุม บอกรหัสผ่าน จะถูกดำเนินโทษทางอาญา ที่น่ากลัวคือยังบังคับไปถึงกลุ่มนิติบุคคลซึ่งเป็นหุ้นส่วนบริษัทต่างๆ ต้องมีมาตรการวางแผนป้องกัน แต่อย่างในต่างประเทศถ้ามีความผิดเกิดขึ้นถึงจับกุม ตรงนี้ขัดตรรกวิทยาอย่างสตาร์ตอัพในสหรัฐอเมริกาหรือยุโรป ได้สิทธิเสรีภาพในการคิดค้นนวัตกรรมผ่านแอปพลิเคชัน เเต่กฎหมายของไทยไปห้ามเขาหมด ทำให้นวัตกรรมใหม่ๆเกิดขึ้นไม่ได้ นวัตกรรมที่เกิดขึ้นต้องมีความเสี่ยงก่อนถึงค่อยพัฒนา แบบนี้เท่ากับเราห้ามคิด เหมือนเป็นโรงเรียนกินนอนบังคับให้คนไทยอยู่ในกรอบ ไม่ได้คิดนอกกรอบที่ทำให้เกิดการพัฒนาประเทศ ทำให้ประเทศไทยเหมือนนักเรียนโบราณที่ต้องท่องจำ การคิดนอกกรอบแปลว่าไม่ดี ต้องถูกทำโทษ เมื่อเป็นแบบนี้ความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ของเราจะถดถอยลง

คุ้มครองสิทธิ ปชช.คือภารกิจ

นายศรีอัมพรยังกล่าวอีกว่า เหตุที่ออกมาพูดเพราะหวังดีต่อประเทศ ถ้าไม่ใส่ใจก็ไม่ต้องพูด อยู่เฉยๆไม่เปลืองตัว ตนไม่มีผลประโยชน์ทางการเมือง ไม่ได้อยากออกสื่อ แต่เราเป็นผู้พิพากษาที่ห่วงชาติ ถ้าเราเห็นข้อเสียต้องบอกเพราะเป็นข้าราชการตุลาการที่ทำหน้าที่เป็นศาล ที่มีหน้าที่คุ้มครองดูแลสิทธิเสรีภาพของประชาชน ทุกประเทศในระบอบประชาธิปไตยหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่คุ้มครองเสรีภาพ ตนทำหน้าที่ของตุลาการที่ทำหน้าที่คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน นั่นคือภารกิจที่สมบูรณ์ของศาล

อ่านข่าวล่าสุด เจาะลึกข้อมูลเลือกตั้ง 2562
https://www.thairath.co.th/election