ในที่สุดอัยการเลื่อนการพิจารณาคดีของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ไปหลังการเลือกตั้งคือวันที่ 26 มี.ค. เลือกตั้ง 24 มี.ค. ให้เวลา ธนาธร ได้พักหายใจ 2 วัน โดยให้เหตุผลว่า เพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศการเลือกตั้ง ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมือง ในช่วงโค้งสุดท้ายของ คสช. ทุกฝ่ายคงต้องดูทิศทางลมว่าอะไรเหมาะสมไม่เหมาะสม ประเทศไทยถ้าก้าวถอยหลังเที่ยวนี้ จะตกต่ำไปอีกนานแสนนาน

เพราะฉะนั้นบรรดานักการเมือง นักเลือกตั้งก็ต้องระมัดระวังอย่าไปสร้างความขัดแย้งทางการเมืองเพิ่มเติมขึ้นมาอีก โดยเฉพาะประเด็นความขัดแย้งเดิมๆ เช่น พรรคการเมืองตระกูลเพื่อ ทั้งหลายไปหาเสียงมักจะอ้างว่า เพื่อจะพาทักษิณกลับบ้าน ในขณะที่อีกขั้วการเมืองอย่าง สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย หาเสียงโดยการ ปลุกผีระบอบทักษิณ เอามาเป็นประเด็นในการหาเสียง ไม่ยอมให้กลับมา

จมปลักอยู่กับวิกฤติเดิมๆ

ในพรรคตระกูลเพื่อเองก็มีความเห็นที่แตกต่าง คนที่ต้องติดคุกติดตะราง เข้าใจและซาบซึ้งกับวิบากกรรมทางการเมือง

ที่ผ่านมา หูตาสว่างขึ้น มีความเห็นแตกต่างจาก พวกที่สู้แล้วรวย ก็ยังมีทัศนคติทางการเมืองแบบเดิมๆ มีวิถีการต่อสู้ทางการเมืองแบบเดิมๆ

กรณีของ ธนาธร เข้าใจว่า ฝ่ายกฎหมายเองก็ไม่ต้องการให้ การเมืองเสียบรรยากาศ ทุกฝ่ายอยากให้มีการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย

การปลุกผีความขัดแย้ง จะทำให้เสียบรรยากาศประชาธิปไตยและในที่สุดแล้ว ฝ่ายการเมืองเอง จะตกที่นั่งลำบาก จะไปโทษกองทัพ ยึดอำนาจโดยพลการ ก็จะพูดได้ไม่เต็มปาก เมื่อฝ่ายการเมือง เปิดช่องและเชิญชวนให้กองทัพมายึดอำนาจเองต่างหาก

มาถึงคิวการสรรหา ส.ว.250 คน ที่กำลังเป็นประเด็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้า คสช. มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการสรรหา ส.ว. ทั้งนี้ ก็เพื่อกันข้อครหาเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ มีส่วนได้ส่วนเสียในฐานะมีชื่อในบัญชีนายกฯของพรรคการเมือง

...

ในส่วนที่เป็นรูปธรรม สร้างความชัดเจนให้สังคมได้รับรู้ แต่ในทางนามธรรม จะมีข้อครหาตามมาอย่างไรเป็นอีกเรื่อง เพราะที่มาของ ส.ว. ฝ่ายประชาธิปไตยไม่ยอมรับอยู่แล้ว ต่อให้ตั้งคนกลางมาเป็นกรรมการสรรหา ภายใต้การกำกับดูแลของ คสช. หรือ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานสรรหาเอง ก็มีค่าเท่ากัน

เมื่อ บริบทตามรัฐธรรมนูญ เริ่มต้นแบบนี้ กระบวนการผลิตจะออกมาอย่างไร ในทางปฏิบัติแล้วก็ต้องยอมรับ จะไปอ้างว่าเป็นการใช้อำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดก็ไม่ได้ ในเมื่อมีการทำประชามติ และคนส่วนใหญ่เห็นชอบด้วย

วิถีประชาธิปไตยก็เป็นเช่นนี้เอง จะเต็มใบ ครึ่งใบ หรือค่อนใบ หรืออยู่ใต้ตุ่ม ขึ้นอยู่กับส่วนผสมระหว่างประชาชน ผู้ปกครอง และการเมือง ฝ่ายไหนจะมีสัดส่วนมากกว่ากัน จะรับไม่ได้ก็ต้องรับให้ได้ เรียนรู้ที่จะอยู่ให้ได้.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th